ช่วง2-3นี้ นักเรียนโข่งมาชุมนุมกันที่ราชบุรี โดยมีท่านพี่พิชัย นันทชัยพรเพื่อนร่วมรุ่นเป็นนายกเทศมนตรีเมืองนี้เป็นเจ้าภาพร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า เราเดินทางโดยรถบัสคันใหญ่ แต่นักศึกษากึ่งหนึ่งขับรถไปกันเอง เพราะระยะทางประมาณ 2 ชั่วโมง แวะโน่นแวะนี่ตามอำเภอใจ งานนี้ไปกันพร้อมหน้าพร้อมตา ยกเว้นสส.ฝักถั่วบางคนที่ต้องรอลงคะแนนอภิปรายที่รัฐสภา
เมืองสมุทรสงคราม สมุทรสาคร และเมืองโอ่งแห่งนี้เคยมาเที่ยวเมื่อสมัย 40 กว่าปีมาแล้ว ตามกระแสที่บอกว่า..สัมโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวสวย ..ที่จริงข้าวสารขาวไม่ต่อยดีนักเพราะสีข้าวขัดเอาวิตตามินออกหมด ส่วนส้มโอหวานรักษาตำนานไว้ได้ดี เมิ่อ 3-4 ปีมาแล้ว คณบดีคณะสิ่งแวดล้อมมหิดล เคยเอาส้มโอยักษ์มาฝาก ผลโตจริงๆ ขนาด 2 ผลหิ้วไหล่แทบหลุด เรื่องลูกสาวสวยน่าจะสวยอยู่กระมัง มาคราวนี้ไม่ค่อยได้ไปไหน คลุกกันอยู่ในห้องประชุม
ลำดับแรกลุงเอก (พล.เอก เอกชัย ศรีวิลาศ) ผู้อำนวยการหลักสูตร เบิกนำด้วยการเล่าเรื่องการเรียนของพวกเราที่ผ่านมา ทบทวนปัญหาต่างๆ เพื่อจะปรับปรุงหลักสูตรให้อร่อยหวามมันครบสูตร ลุงเอกเล่าถึงกรณีศึกษาต่างๆ เราเรียนอย่างไรเราไปที่ไหนบ้าง พบว่าตารางเรียนที่ผ่านมาเอาออกทัศนศึกษาโดยการลงพื้นที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศถึง 11 ครั้ง/9 เดือน เรียนในห้องฟังการบรรยายประมาณ40% เรียนนอกห้อง60% การเรียนของผู้ใหญ่ลักษณะนี้ดูจะได้ผลดี นักศึกษาได้ปรับทัศนคติสร้างความคุ้นเคยระหว่างเดินทางไปหัวหกก้นขวิดด้วยกัน นับกันเป็นเพื่อนเป็นญาติเป็นพี่เป็น้อง นับว่าสถาบันฯนี้ได้สร้างเครือข่ายระดับผู้บริหารระดับสูงขึ้นมาให้ทำหน้าที่ดูแลสังคม
มีนักศึกษาเวลาเรียนไม่พอประมาณ 10 กว่าท่าน ตกลงว่าให้มาห้องเสริมกับนักศึกษารุ่นที่ 2 ส่วนการปรับหลักสูตรนั้นได้ให้รุ่นที่ 1 ระดมสมองว่าควรจะมีการปรับปรุงอะไรบ้าง เช่น การรับสมัครนักศึกษา จะมีการเชิญมาเรียนประมาณ 20% อีก 80% ให้สมัครสอบ ส่วนวุฒิและหน้าที่การงาน คงประมาณซี 9 และมีตำแหน่งรองอธิบดีขึ้นไป เรื่องนี้ก็ไม่ถึงกับตายตัว ถ้าเห็นความโดดเด่นหรือแววของผู้นำยุคใหม่คณะกรรมการคัดเลือกก็อนุโลมเป็นพิเศษ คงจะดูจากการแสดงวิสัยทัศน์คัดย่อมาในใบสมัคร คาดว่าจะมีคนสนใจมาเรียนกันอย่างมาก
เนื้อหาการเรียน จุดประสงค์อยู่ที่การสร้างสังคมสันติสุข ปัญหาความขัดแย้งต่างๆในสังคม ความเหลื่อมล้ำในสังคม วิธีสร้างความปรองดอง และค้นหาคนที่จะมาช่วยกันอนุบาลสังคมในรูปเครือข่าย ร่วมด้วยช่วยกันดูแลบ้านเมืองต่อไป
หลังจากพิธีเปิดและสรุปภาพรวมของหลักสูตรโดยลุงเอกแล้ว มีการเลือกประธานรุ่น 4 ส. เพื่อสานงานต่อ ปรากฎว่าได้พี่เยี้อน (พลลโทธวัชชัย สมุทรสาคร) รองแม่ทัพภาค 4 (คนตัวใหญ่ที่ใหญ่เสื้อลายหน้าระบายยิ้มที่มาคราวจัดงานตีแตกอีสานนั่นแหละ )ท่านประธานคนใหม่เป็นคนที่สมานฉันท์กับเพื่อนๆดีมาก มีพลังประสานกิจได้ในทุกเรื่องที่นักศึกษาร้องขอ แม้แต่เฮลิคอปเตอร์ก็จัดการให้ผมได้บินดูสภาพตะเข็บชายแดนด้านอีสานใต้มาแล้ว
วันแรกจะเป็นภาระกิจเรื่องการถอดบทเรียน : ประสบการณ์จากการเรียน 4 ส. รุ่นที่1 สู่การพัฒนารุ่น 2 แล้วรับประทานอาหารเย็นกันในโรงแรม เป็นการจัดเลี้ยงที่อร่อยและสนุก นักร้องนักเต้นออกไปวาดลวดล้ายกันที่หน้าเวที พวกนักชิมก็อิ่มอร่อย ผมประทับใจสับปะรดที่ออกแบบมาดีมาก แถมยังหวานฉ่ำอีกต่างหาก
วันที่ 2 เมื่อวานนี้ เริ่มด้วยการนำเสนอ “ ผลการศึกษาแก้ไขความขัดแย้งกรณี 4 ภาค “
· ภาคตะวันออกเรื่องกรณีมาบตาพุด รศ. ดร.อิศรา ศานติศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
· ภาคกลาง เรื่องการเมือง คุณศิริรัตน์ วสุวัต รักษาการผู้อำนวยการศูนย์วิจัย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ
· ภาคเหนือ “คนไร้รัฐไร้สัญชาติ” รศ.ดร.พันธ์ทิพย์ การจนะจิตา สายสุนทร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
· ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน” ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ สังกัดเครือข่ายเฮฮาศาสตร์ อิ อิ..
ผู้ดำเนินรายการ เอาผมไปขึ้นเขียงเป็นคนสุดท้าย ให้เวลา 20 นาที ในขณะที่เลยเวลาเที่ยงไปแล้ว นักศึกษา/อาจารย์/ผู้ประเมินหลักสูตรแอ่นแต้มาจากการนำเสนอที่เต็มไปด้วยสาระประโยชน์ ใช้พลังสมองจนอ่อนล้า..ส่วนมากอาจจะหิวข้าวแล้วด้วย คนที่นำเสนอในบรรยากาศอย่างนี้ตกม้าตายเอาง่ายๆ
ผมเริ่มขยายม่านตาและโสตผู้ฟังด้วยบอกว่า..ผนนี่นะ..ได้รับการยกพันธกิจจากท่านอภัย จันทนจุลกะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันพระปกเกล้า เป็นคำฮิตติดปาก “เห็นชอบมอบครูบา” ผมเปิดเกมส์ว่า ..ได้ถ่ายภาพตั้งแต่เข้ามาเรียนจนถึงวันนี้มีจำนวน 47,000 ภาพ แถมยังมีคลิปวีดีโอด้วย เจอเข้าไม้นี้ก็สะดุ้งโยงทั้งห้องสิครับ ทุกคนตาแจ้งจ่างป่างระดูว่ามีภาพตัวเองหลุดอะไรออกมา..
ผมฉาย Power Point เล่าเรื่องประกอบเป็นฉาก หยุดเขย่าหัวใจเล่นบ้าง แต่มีเวลาค่อนจำกัดมากจะนอกเรื่องก็ต้องรีบๆ เสียดายเปิดคริปวีดีโอ. ไม่ออก ทุกคนรอดูถามกันเซ็งแซ่ บางคนก็มาต่อว่าไม่เห็นมีรูปของตนเอง โธ่ๆๆ..เวลาน้อยนิดแค่นี้ก็เอาพอหอมปากหอมคอแค่นี้แหละครับ ..อิ อิ..
ช่วงบ่าย นำเสนอ “ร่างรายงานข้อเสนอการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนนภาคใต้” โดยคณะกรรมการยกร่างฯของนีกศึกษาหลักสูตรเสริมเสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 1 โดยจอมยุทธจากสำนักต่างๆดังนี้
· รศ.ดร.ชัญญา อภิปาลกุล (ดำเนินรายการ)
ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธี มหาวิทยาลัยขอนแก่น
· นายไพรัตน์ ฉัตรแก้ว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส ซี โซลูชั่น จำกัด
· นางสาวปองจิด สรรพคุณ
ผู้อำนวยการละครฝ่ายชุมชน มูลนิธิสื่อชาวบ้าน
· นายบันฑูร ทองตัน
อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักอัยการพิเศษฝ่ายคดีเพ่ง เขต 8
· ดร.จินตนาภา โสภณ
ที่ปรึกษาด้านการวิจัยทางสังคมศาสตร์ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
ต่อด้วย ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมการายงานฯ ศ.ดร. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดตั้งวิทยาลัยสมานฉันท์สันติสุข ได้ชี้ให้เห็นจุดพิเศษของหลักสูตรนี้ ที่ถือว่าเป็นความหวังในการเปลี่ยนแปลงการอบรมเรียนรู้ให้กับผู้ทรงคุฒิระดับผู้นำ ที่มีนักศึกษาหลากหลาย มีทั้งนักการเมือง ผู้บริหารหน่วยงานรัฐ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักธุรกิจ นักวิจัย NGO. พระ และชาวบ้านธรรมดาๆ ซึ่งข้อกำหนดที่เสนอไว้ต่อคณะรัฐมนตรี มีเงื่อนไขว่าผู้เรียนอย่างน้อยต้องจบปริญญาตรี เผอิญมีอีตาครูบานี้แหละไม่จบอยูคนเดียว จึงต้องเลี่ยงไปให้รับประกาศฯชั้นสูงแต่วงเล็บ(กิตติมศักดิ์) ได้มาแล้วก็ไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไร นอกจากแปะติดไว้ข้างฝา เพราะตัวความรู้ที่ได้มาจริงๆมันอยู่ในตัวคน ไม่ได้อยู่ที่กระดาษ ผมได้รับความรู้จากการเข้ามาเรียนในหลักสูตรนี้มาก และจะนำไปใช้อย่างเต็มที่