นอนคิดเล่นเป็นงี้แหละ

โดย sutthinun เมื่อ 25 กรกฏาคม 2008 เวลา 10:28 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 1468

คิดเล่นๆแต่เอาจริงๆ
ภายใต้ความเชื่อที่ว่า..
สังคมไทยจะอยู่ได้ อยู่รอด อยู่ดี
จะต้องมีวิธีเอาความรู้ความสามารถของคนไทยมาลงขัน
ประสานพลังสติปัญญาในการสร้างวิถีไทยใส่ใจดูแลความรู้ให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ

ผมมานอนหง่าวหลายราตรีแล้ว
มีการบ้านที่จะคิดจะทำที่ยังไม่กระจ่าง
ตอนนี้มีความรู้สึกนึกคิดนิดๆหน่อยๆมาเล่า ดังต่อไปนี้นะขอรับ

1. ผมลงมือเรียนเรื่องการทำ-การใช้งาน เปรียบเทียบระบบของG2Kกับลานปัญญา เพื่อดูจุดดี จุดแข็ง จุดพัฒนา เพื่อรองรับการแตกแขนงออกไปยังองค์กรอื่น ในอนาคตแต่ละองค์กรที่เห็นความสำคัญจะวางระบบของตนเองขึ้นมา ดังจะเห็นบางสถาบันเริ่มที่จะรวบรวมเว็ปไซด์ หรือสร้างเว็ปไซด์ที่ประมวลเรื่องสำคัญๆไว้ให้สะดวกต่อการค้นหา เพื่อนำพาคนไทยไปสู่การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรม

2. ลานปัญญาควรรวมมีงานรวบรวมเว๊ปไซด์สำคัญๆ ที่จำเป็นต่อการค้นคว้าความรู้ และควรรวบรวมชุดความรู้ที่สมาชิกนำเสนอ มาจัดหมวดหมู่เป็นตำราว่าด้วย ลานปัญญาไทย พระอาจารย์ Lin Hoi จะรับเป็นเจ้าภาพร่างความคิดดีไหมครับ ท่านอัยการ คนชอบวิ่ง คนเข็นครกขึ้นเขา พระอาจารย์Handy ขาใหญ่ทางเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ล่วงเลยไปเมืองหงสา แว๊บลงใต้ ไปอีสาน ไปภาคกลาง น้อยเสียเมื่อไหร่ในกลุ่มร้อนรุ่มวิชาเกิน ลองชวนกันคิดเล่นๆ แต่เอาจริงดูนะครับ

3. ผมมองหาปัจจัยไทยทานในเมืองกรุง มองสถานที่ มองคน มองช่วงเวลา มองความคิดความคัน ความต้องการ เพื่อจะเอาสิ่งเหล่านี้มาตั้งโจทย์..ถ้ากลุ่มคนเล็กๆที่หัวใจมีบริบททางสังคม ตระหนักในประเพณีเอื้ออาทรของชาวตะวันออก มียิ้มมีกอดมีน้ำใสใจจริงเป็นยุทธศาสตร์ หันหน้ามาเฮฮากัน เรียนรู้ไปด้วยกัน พึ่งพึงพึ่งพากันตามความสะดวกใจ จะเป็นความสุข ความดีงามได้ประมาณไหน?

4. ควรมีประชาคมเล็กๆที่ทุกคนถอดหัวโขนได้ แสดงความไว้วางใจกันอย่างสุจริตใจ ไร้เรื่องอีแอบ อิจฉาตาร้อน มีอะไรอภัยกันได้ หันหน้าเข้าหากัน ช่วยเหลือกัน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นลุง เป็นป้า เป็นพ่อ เป็นแม่ เปิดประตูสยามเมืองยิ้ม ให้ยังยิ้มได้ ยิ้มหวาน เบิกบานใจ ภายใต้คำถามที่ว่า การทำบุญทำการเพื่อสังคมทำไมจะต้องเป็นทุกข์ด้วย

5. ลานปัญญาควรเป็นตัวการเชื่อมโยงความรู้ ซึ่งเป้าหมายยังอยู่ห่างไกลหลายล้านปีแสง แต่เราก็จะชวนกันเดินไปที่ละก้าวๆ บอกกันเอง ปลุกปลอบกันเอง เรื่องที่ทำเป็นบุญเป็นกุศลนะ ..เป็นหนทางที่จะช่วยตัวเองและสังคมได้จริงๆนะ ถ้าทุกคนลงมือเรียนรู้ เอาความรู้มาตีแผ่ แล้วต่อยอดความรู้ ช่วยกันเรียนรู้แล้วบอกต่อ วิถีความรู้ก็จะปูพื้นฐานนิสัยการอยู่กับความรู้ ใช้ความรู้เป็นเครื่องมืออย่างเป็นปึกแผ่น

6. เรื่องนี้เหมือนฝันในอากาศ แต่ถ้านักคิดนักคันในหัวใจ40-50ชีวิตของคนสกุลเฮทำการบ้านทำหน้าที่พลเมือง วิธีนี้จะแกะปุ่มที่รัดรึงของสังคม ออกไปหาวิธีบริหารชีวิตและสังคมแบบอิงระบบ

• เริ่มต้นลงขัน “หัวใจ”
• ใจสั่งมา มาด้วยใจ
• ตอนนี้ใจเคลื่อนไปแล้ว ไปเรื่อยๆ
• ทำไปดูใจ ประคองใจกันไป
• เพื่อจะตอบคำถาม..สังคมไทยครอบครัวไทย
• สามารถที่จะทำอะไรได้อย่างอิสรเสรี บนพื้นฐานวุฒิภาวะระหว่างกัน

7. เราได้แนวคิดแล้ว เรากำลังแสวงหาแนวปฏิบัติที่เหมาะสม มีที่พำนักห้องเล็กๆ มีเครื่องมือทำงาน มีระบบใหม่ให้เรียนรู้อย่างท้าทาย มีเพื่อน มีสังคม ที่จะชวนกันทำเรื่องดีๆ จัดงานสนุกๆ ช่วยกันทำกรณีตัวอย่างชุมชนเป็นสุขในสไตล์ของเรา

8. ระบบไอที.ในลานปัญญา ยังต้องพัฒนาอีกมาก ระบบยังไม่เสถียร แต่ท่านกูรูแย้มบอกว่า เราสามารถจัดการให้ดีขึ้นได้ภายในประมาณเดือนกลางหน้า เมื่อสะดวกด้านเทคโนโลยีแล้ว มนุษย์ก็จะสะดวกใจมากขึ้น ประกาย-ประจุความรู้ระหว่างกันก็จะปิ๊งแว๊บ!ทุกๆวินาที

9. ลานปัญญาสร้างปรากฏการเรียนข้ามโลก เม้งครับ เป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นการเรียนรู้สู่โลกกว้างอย่างแท้จริง สิ่งที่เม้งทำจะนำไปสู่การสร้างปัญญาเสมือน ถ้าโคลนนิ่งมนุษย์เสมือนได้มากๆ การเรียนรู้ของสังคมไทยจะบรรเจิดมาก

• มีความคิด ความฝันร่วมกัน
• มีการมองไปในอนาคตร่วมกัน
• มีเพื่อนและมิตรภาพระหว่างทาง
• มีศักยภาพที่จะถามตรง ตรงหัวใจกันได้
• มีการบ้านที่จะ ทำอะไร ทำอย่างไร ทำเพื่ออะไร ร่วมกัน

คนแซ่เฮ เป็นสังคมกลุ่มเล็กๆที่ก่อหวอดขึ้นในแผ่นดินสยาม
ในสภาวะที่บ้านเมืองสับสนและผิดปกติ
ยังมองหา มองไม่เห็น ว่าจะเอาตัวเองไปวางไว้ตรงไหน
จึงหันหน้าหากัน ปรึกษากัน
ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมความรู้ ร่วมความคิด
เพื่อแสวงหาคำตอบ
คนแซ่เฮจะอยู่เย็นเป็นสุขได้อย่างไร?
สังคมไทยจะปกติสุข และมีสันติสุขอย่างไร?

ท่านใดจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับรายการนี้ก็เชิญนะครับ
2มือล้วงกระเป๋า 2เท้าก้าวเข้ามา
เวลาไม่คอยท่า วารีไม่คอยใคร
ฝนตกใหญ่ที่เชียงราย แต่อีสานแล้ง แห้งขอดเหลือเกิน

« « Prev : บุกทำเนียบ

Next : กอดมหาภัย » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

12 ความคิดเห็น

  • #1 สิทธิรักษ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 กรกฏาคม 2008 เวลา 10:54

    ผมเห็นด้วยกับ ครูบาฯ ครับ

    ปัจจุบันชนชาวร่วมรู้ คิดหาทางสู่ทิศทางที่ชัดเจนยังกระจัดกระจาย พลังสู้ยังมีมากมายในสังคมไทย
    การจัดกระบวนการเรียนรู้ยังต้องปฏิวัติอีกมาก  ยังต้องการหัวแถวที่เข้าใจและเอาใจใส่
    นาทีนี้ยังไม่สามารถหาใครเหมาะสมได้เท่า เฮฮาศาสคร์ ซึ่งเป็นกลุ่มเล็กๆที่เป็นแนวหน้าในด้านนี้ เป็นขบวนการขับเคลื่อนขบวนแถวแห่งการสู่รู้และซึมซับ  ขยับปรับปรุงสู่ความเป็นจริงโดยผู้มีประสบการณ์เช่น ครูบาฯ อนาคตคงขยับเข้าใกล้ความจริงได้มากยิ่งขึ้นครับ
    ผมร่วมสนับสนุนอย่างจริงใจ และถ้าสามารถช่วยขับเคลื่อนได้จะช่วยอย่างจริงจัง
    ขอบคุณมากๆครับ กับอนาคตที่มองเห็น ผ่านการแลกเปลี่ยนสู่การจับต้องได้ครับ ขอบคุณท่าน ครูบาฯ และหลายคนในขบวนแถว  ขอบคุณมากๆครับ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 กรกฏาคม 2008 เวลา 10:56

    ใครอ่านแล้ว ไม่แสดงความคิดเห็น ขอให้จู๊ดๆๆ ตลอดคืน และตลอดไป

  • #3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 กรกฏาคม 2008 เวลา 11:01

    ขอบคณท่านสิทธิรักษ์ ผมยังห่วงเรื่องวอแว บางคน มองว่าเป็นการแบ่งพรรคแบ่งพวก ทั้งๆที่ร้องเพลงชาติไทย ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เอาเป็นหมายสังคมเป็นตัวตั้ง ประเทศนี้จะไปได้ ผมไม่รู้จะแบ่งความเป็นคนไทยได้อย่างไร ใครคิดดี ทำดี เอาใจช่วย และชื่นชมทั้งนั้น เข้าใจ และเป็นห่วงเป็นใยเงียบๆ
    คนที่คิดและทำเพื่อส่วนรวมมีไม่มากนัก  ต้องหาเพิ่ม สร้างเพิ่ม ลานปัญญาทำหน้าที่ตรงนี้ด้วย

  • #4 jchrn ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 กรกฏาคม 2008 เวลา 12:07

    รีบมากลัวจู๊ดๆ อิอิ

    เริ่มจากเล็กๆ เวลาเหนื่อยก็ยังรู้สึกไม่ท้อเพราะรู้ว่ายังมีคนรอบๆตัวที่ยังรักและห่วงใยกันและกัน
    ลานปัญญา เริ่มเกิดแต่ก็เต็มไปด้วยวุฒิภาวะ
    ไม่ต้องคิดว่าจะเกิดเพื่อแข่งขันกับใคร แต่ควรคิดว่าเกิดมาแล้วจะทำอะไรให้กับใครได้มากแค่ไหนค่ะ

  • #5 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 กรกฏาคม 2008 เวลา 12:42

    ผมล้อเล่นนะครับ  ถ้ามีคนจู๊ดๆจริง ก็เหนื่อยพวกเราอีกนั่นแหละที่จะไปเยี่ยม อิ อิ

  • #6 ungoob ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 กรกฏาคม 2008 เวลา 16:59

    มาจองก่อน
    กลัวจู๊ด ๆ เสาร์อาทิตย์
    เพิ่งหายไข้  เดี๋ยวซูบไปนะ 
    อิอิ

  • #7 ครูสุ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 กรกฏาคม 2008 เวลา 17:47

    มีคนไปแจ้งข่าวว่า ถ้าไม่มาลงชื่อที่นี่ มีหวังคืนนี้ไม่ได้นอนแน่ อิอิ

  • #8 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 กรกฏาคม 2008 เวลา 20:41

    ฮ่าๆ กลัวจู๊ดๆเหมือนกัน นี่แค่อ่านเฉยๆก็เริ่มปั่นป่วนแล้ว อิอิ
    ลานปัญญาจะเป็นลานแห่งความรู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความเข้าใจ เป็นลานให้พี่น้องคนไทยได้มากอดรับความอบอุ่นซึ่งกันและกัน มาช่วยกันก่อร่างสร้างฐาน การมีความรู้ให้เรียนรู้หลายแห่งไม่ถือเป็นการแตกแยก ยิ่งต้นไม้แตกกอมากเท่าไหร่ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะจะมีการแพร่กระจายความร่มรื่นออกไปเรื่อยๆ โลกก็จะลดความร้อนลง (in trend ไหม อิอิ) ความรู้ยิ่งแพร่กระจายออกไปล้วนเกิดประโยชน์แก่สังคมทั้งนั้น ผมไม่รังเกียจไม้กอใดครับ

  • #9 rani ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 กรกฏาคม 2008 เวลา 22:29

    ตามมาเห็นด้วยกับอัยการคะ อิอิ ว่า ลานปัญญาจะเป็นลานแห่งความรู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความเข้าใจ  ราณีไม่กลัวจู๊ดๆๆหรอกคะ เพราะธาตุแข็ง อิอิ สงสัยมาเพราะชอบคิดเล่นเอาจริงคะ เอิ๊กๆๆ

  • #10 คนชอบวิ่ง ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 กรกฏาคม 2008 เวลา 23:50

    …..คนแซ่เฮจะอยู่เย็นเป็นสุขได้อย่างไร?
    สังคมไทยจะปกติสุข และมีสันติสุขอย่างไร? …..

    คนแซ่เฮจะมีความสุขก็อยู่ที่ใจคนแซ่เฮ    คนที่อยู่ในสังคมไทยจะปกติสุขได้ก็ต่อเมื่อคนในสังคมไทยมีจิตใจที่เป็นปกติสุข

    เราเปลี่ยนแปลงคนอื่นไม่ได้  ก็คงได้แต่เปลี่ยนแปลงตัวเอง  อิอิ

    มาป่วนแล้ว    ยอมรับตรงๆว่ากลัวจู๊ดๆๆๆๆ   55555

    อย่าชมลานปัญญามาก  สงสารคนอ่าน  เดี๋ยวคนอ่านเป็นเบาหวาน

    คำเตือน : ห้ามเขียนและอ่านเกินวันละ  10 บันทึก

  • #11 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 กรกฏาคม 2008 เวลา 1:53

    กลัวว่าจะต้องรับปรึกษาคนไข้แบบใช้แผนฉุกเฉิน เลยต้องรีบมาสำรวจดูว่าจะมีใครจู๊ดๆ 

    ที่ใดก็ตามที่ให้ปัญญาแก่คน ที่นั้นจะเปี่ยมด้วยความรัก ความเข้าใจ แถมทั้งเมตตา และ ความปราณีที่มีให้กัน ก็ทำให้เกิดพลังหนุนนำการก่อร่างสร้างฐาน

    ถือเป็นการดีที่สังคมจะมีกลุ่มคนเช่นนี้ที่ช่วยหนุนนำให้สังคมเกิดใหม่ จะมีแตกหน่อใหม่ กี่หน่อออกไป หากเป็นหน่อที่ให้ความสมบูรณ์และหนุนการสร้างสรรค์  ความเจริญ ความงาม ความสุขของเหล่าผู้คน ไม่ให้ยากจนไร้ที่พึ่งพิง ก็สมควรที่จะหนุนส่งให้เติบโตต่อไปเป็นไม้ต้นหลัก

    เพื่อจะเพิ่มหน่ออ่อนๆให้มากขึ้นๆ  ว่ายวนเวียนไปตามหลักธรรมชาติ ยินดีร่วมช่วยอย่างไม่รังเกียจค่ะ

  • #12 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 กรกฏาคม 2008 เวลา 1:59

    เอกมหาชัย ไอมหาเฉก:

    …ลำต้นเอกมหาชัยและกิ่งจะเป็นสีน้ำตาล กิ่งเปราะ เพราะเปราะฉีกหักง่าย เนื่องจากเป็นไม้ตระกูลมะกอก เนื้อไม้เป็นสีเหลืองนวล พุ่มใหญ่ หนาร่มรื่น และสวยงาม ใบอ่อนมีสีแดงหรือสีเขียว ใบแก่สีเขียวผิวหนามัน ขอบใบเรียบ ปลูกเป็นไม้พุ่มให้ร่มเงาอย่างดี

    ดอกมีขนาดเล็ก สีเหลืองอ่อน เป็นช่อ ในต้นหนึ่งมีดอกตัวผู้และตัวเมียเกือบจะเท่าๆ กัน เริ่มออกผลเมื่ออายุประมาณ 4 ปี ขึ้นไป ผลสีแดงเข้มถึงม่วง ผลจะเก็บเกี่ยวได้ประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคมของทุกปี

    ที่น่าสนใจสำหรับเมืองไทย คือต้นเอกมหาชัยสามารถปลูกได้ในดินแห้งแล้ง เช่น ภาคอีสาน และสามารถสร้างความชุ่มชื้นให้กับดินได้อย่างดี

    การปลูกต้นเอกมหาชัยใช้เมล็ดแห้งที่สุกแก่ เก็บมาแช่น้ำก่อนปลูก ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้เปลือกนิ่ม เพาะใส่ถุงดำที่ผสมดินร่วนซุยกับปุ๋ยอินทรีย์ดีที่สุด รดน้ำพอให้ดินชื้น เพาะชำไว้ในถุงประมาณ 3 เดือน แล้วนำไปปลูกลงดิน หรือจะเก็บไว้ข้ามปีก็ได้ แต่ต้องขยายให้ถุงมีขนาดใหญ่ขึ้น…


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.67320394515991 sec
Sidebar: 0.64172220230103 sec