น้ำใจน้องพี่สีชมพู
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ..ฟั ง เ พ ล ง นี้ ที่ นิ สิ ต ร้ อ ง แ ล้ ว ยั ง ก้ อ ง อ ยู่ ใ น หู
เกิดคำถามว่า ..แล้วน้ำใจของคนไทยทั่วไปสีอะไรละ?
อย่าบอกนะว่า..สีช้ำเลือดช้ำหนอง
กลับจากน่านคราวนี้ ไม่รู้จะออกหัวออกก้อย ระโหยโรยแรงเหมือนนกปีกหัก เพราะไปกินสับปะรดแช่เย็นชิ้นเดียวในยามอากาศผันผวนแท้ๆ ทำให้อาการหลอดลม/ภูมิแพ้กำเริบ เรียกว่ามาแบบซึมกะทือเลยละครับ มากระดี๋กระด๊าได้บ้างก็ตอนเจอหน้าพี่น้องชาวเฮนี่แหละ
พลังความรู้สึกที่ดีบรรเทาโรคได้
แต่ก็นั่นแหละเธอ กันไว้ดีกว่าแก้..
จะเล่าอาการคร่าวๆให้พี่หมอเจ๊ฟัง
พอได้จังหวะก้นก็โดนเข็มฉีดยาไป 2ฉึกต่างกรรมต่างวาระ
รู้สีกว่าอาการสั่นคลอนของอวัยวะภายในค่อยยังชั่วขึ้น
ขณะเดียวกันผมก็ไม่ลืมวิธีธรรมชาติบำบัด
มาน่านเที่ยวนี้ขนมะกรูดมาด้วยถึงใหญ่
แบ่งเอาน้ำมันมะพร้าวมากลั้วคอด้วย1ขวด
เตรียมเสื้อยืดเสื้อกันหนามายังกะจะไปเที่ยวไซบีเรียน
เสียงกัปตันประกาศก่อนลงเครื่องที่น่าน..
อุณหภูมิที่สนามบิน 30 องศา
โอ้..แม่เจ้า ..แม้แต่อากาศก็สุดโต้งไปด้วยรึนี่
กลับมานอนสะงึมสะงำที่บางกอก 2 คืน อาการก็เรื่อยๆมาเรียงๆ นั่งเขียนหนังสือ..ไอไปครั้นเนื้อครั้นตัวไป เหนื่อยก็นอน นึกว่าร่างกายมันคงจะปรับสมดุลดีขึ้น แต่ก็เปล่า! ..บางกอกก็ร้อนเป็นบ้า ไม่เหมือนอยู่สวนป่า ป๋ารายงานทุกวันว่าอุณหภูมิ22-24องศา แถมมีหมอกบางๆเย็นๆกำลังดี ดัชนีชี้วัดว่า อีสานอากาศจะน่าอยู่อาศัยมากขึ้น ภาคเหนือและภาคกลางกำลังเป็นแดนหฤโหดต่อไป ดีไม่ดีอาจจะหนักขึ้นๆ
ปีนี้จะมีฤดูหนาวกันไหมละเนี้ย
จุดเล็กๆที่เปลี่ยนแปลงนี่แหละจะแสดงผลในเร็วๆนี้ ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มปรับหน่วยความจำกันแล้ว จะตั้งรับความแห้งแล้งอย่างไร มนุษย์เราเองก็จ้าละหวั่น บางจังหวัดเริ่มประกาศเขตภัยแล้ง ทั้งๆที่ฝนยังไม่สะเด็ดดี น้ำแทบทุกเขื่อนลดลงกว่าปกติ จนทางการประกาศห้าม! ทำข้าวนาปรังอย่างเด็ดขาด พวกปลูกยางพาราก็นอนก่ายหน้าผาก ความแห้งแล้งไม่เข้าใครออกใคร
แม้แต่ความแห้งแล้งน้ำใจก็เถอะ
ปัญหาที่ก่อหวอดเหล่านี้เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ที่ไม่ตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ แต่ละคนเกิดมาทำลายความผิดปกติสุขของโลก ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ตัวชุดความรู้ที่จะอยู่อาศัยในโลกนี้อย่างพอเหมาะพอควรยังไม่มีไม่เกิดเป็นระบบ เล่นแร่แปรธาตุลูบหน้าปะจมูก ไปตามพลังของกิเลศ
ความต้องการสนองกิเลศ..จะให้แถกแถแก้ตัวยังไงก็ได้
อยากจะบอกนิสิตจุฬาฯ-น่าน เพิ่มเติมว่า
เดี๋ยวนี้มนุษย์เริ่มหวนกลับมามองธรรมชาติมากขึ้นแล้ว ทุกคนโหยหา ..ต้องการไปพักผ่อนตามเมืองท่องเที่ยว บ้างก็สนใจเรื่องการดูแลสุขภาพร่างกายในแนวธรรมชาติบำบัด ซึ่งเริ่มออกอาการเชิงรุกมากขึ้น เพราะมีข้อยืนยันว่าธรรมชาติบำบัดนั้น ถ้าใส่ใจสนใจตั้งใจปฏิบัติกันอย่างจริงจัง ภายใน4เดือน สุขภาพร่างกายดีขึ้นโรคร้ายต่างๆค่อยลดลงจนหายเป็นปกติ โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน ไขมัน ภูมิแพ้ แม้แต่มะเร็ง
· ถ้าเราปรับสภาพการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ
· ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองของธรรมชาติ
· เมื่อไม่ฝืนไม่ปีนเกลียวกับธรรมชาติ
· อะไรๆก็เป็นไปตามธรรมชาติ
· ธรรมชาติจะเป็นโอสถที่เยี่ยวยาโรคให้แกเราอย่างน่าอัศจารรย์
· หมอทีมีอยู่ในธรรมชาติดีไม่แพ้หมอในโรงพยาบาลหรอกนะครับ
· แทนที่จะป่วยตาย ก็แก่ตายตามอายุไขธรรมชาติของสังขาร
มานอนแม็บอยู่บางกอกเที่ยวนี้ โชคดีที่ได้อ่านหนังสือเรื่อง “ปฏิวัติชีวิต ปฏิวัติสุขภาพ”ขอบคุณพี่เล็กมากที่กรุณาไปซื้อหามากฝาก นับเป็นของฝากที่ถูกใจที่สุดโลก เพราะเราไม่ได้อ่านเล่นๆแบบรู้ไว้ใช่ว่า แต่จะอ่านเอาประโยชน์ไปทำประโยชน์ให้กับตนเอง เขียนโดย นายแพทย์บุณชัย อิศราพิสิษฐ์ ผู้ปฏิวัติชีวิตพิชิตโรคด้วยธรรมชาติบำบัดให้ตนเองจนเห็นผลจะแจ้ง ..พิชิตโรคร้าย..โดยไม่ใช้ยา ผู้ป่วยหายจาก6โรคร้ายด้วยวิธีปฏิรูปจิต เพื่อปฏิรูปกาย
โรคตุ้ยนุ้ย ไขมันสูง ความดัน เบาหวาน ภูมิแพ้ มะเร็ง
พบทางออกที่ทุกคนสามารถช่วยเหลือตนเองได้
ในกลุ่มของชาวเฮก็กำลังสนใจเรื่องสะสางสังขารปัญหาภายในกายาตนเอง บางคนตั้งใจสวนก้นจนลำไส้สะอาดเอี่ยม บางคนก็ฟิตออกกำลังกาย ขนรถจักรยานจากบางกอกไปปั้นออกกำลังกายกันแล้ว บางคนก็สนใจเรื่องเมนูอาหารสุขภาพ นอกน้ำคลอโรฟิลเริ่มปั่นกันมาชื่นชิมทุกเช้าแล้ว น้ำผลไม้ได้รับการค้นสูตรจนอร่อยถูกใจ-น้ำเสาวรส –น้ำมะขาม -น้ำตะไคร้ -น้ำใบเตย -น้ำดอกอัญชัน -น้ำมะตูม -น้ำมะยม -น้ำมะสัง -น้ำมะตูม -แม้แต่น้ำมะพร้าวอ่อน เราก็รับประทานกันวันละลูกตอนบ่ายๆ การบริโภคผักอินทรีย์ แม่ครัวหัวป่าส์กำลังปรุงหลากหลายรูปแบบ น้ำซุปผักเริ่มโดนใจมากแล้ว ส้มตำมะละกอใส่ตะไคร้หันฝอยก็ได้รสชาติอีกแบบ น้ำพริกต่างๆ ผักดิบผักสดผักต้มผักยำ..สารพัดเมนูกำลังเรียงล่ายส่าย
วันที่ 9-11 เราจะพิสูจน์กันให้สะเทือนสะท้านไปทั้งป่า อิ อิ..
ดอกแค ดอกมะรุม ดอกสะดา บานสะพรั่งเต็มต้น
คนชนบทไม่ได้กินอดกินอยากอะไรเลย
เพียงแต่เรียนรู้คุณค่าของวิธีกินเพื่อบำบัดโรคให้อร่อยก็บรรเจิด
อย่าไปเดินตามก้นคนกรุงที่ประพฤติตนสุ่มเสี่ยงไปด้วยค่านิยมบ้าๆบอๆ
กลับบ้านเราเถอะลูก
นอกจากรักรออยู่แล้ว
อาหาร อากาศ อารมณ์ อนามัย อนาคต มีพร้อมมูล
มาใช้ชีวิต ให้เหมือนกับการไปปิกนิกทั้งปี
แถมยังกินฟรีอยู่ฟรีกับธรรมชาติด้วยนะ
คิ ด ดู ใ ห้ ถ่ อ ง แท้ เ ถิ ด
เกิดในชนบทแต่ไปหลงแสงสีบางกอก ก็บ้าแล้ว
สภาพสังคมห่วยแตกยังงั้นยังเห็นดีเห็นงามไปได้ลงคอรึเธอ
เอาไว้นิสิตจุฬา-น่าน มาที่สวนป่า
หลังจากมาอยู่กินนอนที่มหาชีวาลัยอีสาน 2 คืน
จะจัดให้โต้วาทีหัวข้อ..”อยู่บางกอกดีกว่าบ้านนอกตรงไหน?”
ข อ ใ ห้ เ ต รี ย ม จั ด ตั้ ง ฝ่ า ย เ ส น อ ฝ่ า ย ค้ า น ไ ว้ เ ล ย
หาข้อมูลกันแต่เนิ่นๆ ..ต ก ล ง ต า ม นี้ ดี ไ ห ม ?
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ทั้ ง ห ล า ย
อิ อิ ..
Next : เป็นนักเลงบ้านนอก ดีกว่าเป็นกิ๊กก๊อกในเมืองหลวง » »
ความคิดเห็นสำหรับ "น้ำใจน้องพี่สีชมพู"