ไอที และ ไอเลิฟยู***

อ่าน: 1551

สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่แล้วมีบ้านกัน แต่อาจจะมีรูปร่างแตกต่างกันไปตามชาติพันธุ์ของแต่ละกลุ่ม นกบางตัวทำรังอยู่ในโพรง บางตัวก็ทำรังอยู่กับคาคบไม้ บางตัวก็ทำรังด้วยการสานใบหญ้าเป็นชะลอมแน่นหนาห้อยโตงอยู่ปลายกิ่งไม้ ยังมีนกบางตัวขุดรูอยู่ในดิน นกบางตัวอาศัยอยู่ในกอหญ้าริมบึง หากินอาหารทั้งที่อยู่ในอากาศ ผิวดิน และในน้ำ

นกแต่ละชนิดจะมีทักษะชีวิตแตกต่างกันตามสภาพแวดล้อม

บางตัวยังแอบไปไข่ให้ตัวอื่นฟัก

เออหนอ..แม้แต่ในสัตว์ปีกก็มีระบบอุปถัมภ์

นกก็มีลูกเลี้ยงแม่เลี้ยงเหมือนกันนะเธอ

ยกตัวอย่างนกกระจอกเทศที่อยู่ในธรรมชาติ เมื่อฟักไข่ออกเป็นตัวแล้วคุณแม่ก็จะพาลูกอออกเดินทางต้วมเตี้ยมไปหากิน เดิน....ไปเจอแม่นกอีกตัวหนึ่งที่พาลูกออกมาตระเวนเช่นเดียวกัน แม่นกทั้ง2จะไม่รอช้า.. จะพุ่งเข้าต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย สู้กันจนมีฝ่ายแพ้ชนะ ..ตัวที่ชนะก็จะได้ลูกนกทั้งหมดไปครอบครอง ธ ร ร ม ช า ติ ทำ ก า ร คั ด ก ร อ ง คุณแม่ที่ แ ข็ ง แ ก ร่ ง ที่ สุ ด เ ป็ น ผู้ ดู แ ล ลู ก น ก ทั้ ง ห ม ด ลูกนกได้อยู่ภายใต้การดูแลของแม่ที่เข้มแข็ง จะช่วยปกป้องภัยที่มาแผ้วพาน

แม่นกตัวที่แพ้ละ..จะทำยังไงในเมื่อลูกถูกพรากไปจากอก

เธออาจจะเดินสะท้อนสะทกไปเจอพระเอกรูปหล่อแล้วก่อรักใหม่ก็ได้

เราไม่อาจล้วงนึกไปถึงกลไกในชาติพันธุ์ของนกชนิดนี้

เรื่องในธรรมชาตินั้นมหัศจรรย์นัก บางเรื่องเราก็ไม่มีเหตุผลจะมาอธิบายได้ว่า ทำไมไก่ต๊อกจึงมาออกไข่รวมกันเป็นร้อยๆฟอง แล้วให้มีตัวมอบฟักดูแลเพียงตัวเดียว ตัวอื่นๆคอยระแวดระวังอยู่รอบๆ ตัวที่ทำหน้าที่หมอบฟักจะอดทนเอาปีกเอาตัวคลุมไข่ทั้งหมดไว้ เห็นแล้วก็พิสดารมาก ไข่ที่ซ้อนกันอยู่จำนวนมากจะได้รับความร้อนทั่วถึงได้อย่างไร อนึ่ง รังที่ทำก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะรอดพ้นจากน้ำฝนได้ แต่ละรอบฟัก..ไข่ของไก่ต๊อกจึงเน่าเสียหายจำนวนมาก คาดว่าจะประสบผลสำเร็จไม่ถึง5%

ที่แปลกใจก็คือปัญหานี้คงมีมายาวนานตั้งแต่ก่อเกิดไก่ประเภทนี้แล้ว

ทำไม?..ไม่มีการพัฒนาการเทคนิควิชามาแก้ไข

รึ..ในกลุ่มสัตว์ปีกบางประเภท..ความรู้ถูกคุมกำเนิด

ไม่สามารถพัฒนาการเรียนรู้ใหม่ๆได้

คงอยู่กับความรู้เดิมๆ อยู่กับความสามารถและทักษะที่ไม่เปลี่ยนแปลง

ปัญหาเหล่านี้โยงมาถึงตัวช่วย ถ้าเราอยากจะขยายพันธุ์ไก่ต๊อก เราจะต้องไปเอาไข่มาช่วยฟัก เช่น เอาไปฝากแม่ไก่บ้านฟัก หรือซื้อเครื่องมาฟัก ถึงจะได้ลูกไก่ต๊อกจำนวนมากกว่าที่รอคุณลูกจากคุณแม่ไก่โดยธรรมชาติ

เรื่องนิสัยใจคอของสัตว์แต่ละประเภทน่าสนใจนัก ตอนนี้ผมมีแม่ห่านอยู่ตัวหนึ่ง ห่านต้องการเพื่อนนะครับ แต่ห่านไปเข้ากับสัตว์ปีกกลุ่มไหนก็มีใครนับพวกด้วย จึงอยู่อย่างหงอยเหงา เดินเล็มยอดหญ้าและใบไม้กินอย่างเดียวดาย ถึงเวลาตั้งไข่เธอก็จะไปเสาะหาพื้นที่ทำรัง ไซ้ขนอ่อนและหาเศษหญ้ามารองรัง แล้วก็เบ่งไข่ออกมา8-10ฟอง หลังจากนั้นก็หมอบฟักอย่างอดทน โดยหารู้ไม่ว่าไข่ของเธอไม่มีเชื้อ.. ถ้าเราไม่เก็บมารับประทาน ไข่เธอก็เน่าเสีย เธอเองก็เสียเวลาหมอบอยู่อย่างนั้น

ราไม่มีทางสื่อสารกับแม่ห่านได้ จะบอกยังไงละครับว่า..คุ ณ ค อ ย า ว จ๋ า ..ไ ข่ ที่ เ ธ อ ห ม อ บ ไ ม่ มี ลู ก ห ร อ ก . .อ ย่ า ท ร ม า น เ ล ย

รึ..บางทีคุณคอยาวเธอต้องการทำหน้าที่แม่ตามวิสัยของธรรมชาติ

เมื่อเบ่งไข่ออกมาแล้วต้องทำตามขั้นตอน

คือหมอบไข่..หมอบนิ่งๆนานๆ..เรื่องอื่นไม่สนใจ

น่าแปลกตรงที่เธอคงทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว

แต่ละครั้งก็ยังไม่เคยมีลูกเจี๊ยบออกมาเลี้ยงสมใจ

ห่านไม่สามารถช่วยตัวเองผสมเทียม ฝากย้ายตัวอ่อน หรืออุ้มบุญ

ประเด็นของห่าน ทำให้ผมยี่ยักยี่หย่อนที่จะเลี้ยงห่านกินไข่

คือจะเลี้ยงเฉพาะห่านตัวเมียสักฝูงหนึ่ง

ถ้าเลี้ยง20ตัว ก็น่าจะได้ไข่ประมาณ 150 ฟอง/รอบ

ปีหนึ่งๆจะได้เก็บไข่มาต้มยางมะตูมประมาณ 300-365ฟอง

ถัวเฉลี่ยแล้วเราจะมีไข่ห่านทำอาหารวันละ 1 ฟอง

นอกจากนี้ถ้าเราเลี้ยงไก่ต๊อกไก่แจ้ผสมเข้าไปอีก เราก็จะมีไข่สมทบ เมื่อก่อนผมเคยเลี้ยงขยายไก่ต๊อกได้เป็นร้อยตัว ยังมีไก่บ้านไก่แจ้อีกเป็นฝูง ทั้งวันจะได้ยินเสียงไก่เซ็งแซ่ เดินไปไหนก็จะเจอประชากรสัตว์ปีกมากมาย อะไรที่มากไปก็เป็นปัญหา ..สัตว์เหล่านี้ไปคุ้ยเขี่ยแปลงผัก ขี้เรี่ยราด บางทีก็มาเข้าแถวตะเบ็งร้องจนหูแทบแตก

ไก่ต๊อกนี่นะเธอ..ถ้าเข้าแถวสัก20ตัว ร้องขออาหารพร้อมๆกัน

เธอเคยเห็นไก่ต๊อกร้องแบบเอาเป็นเอาตายไหม?

โห..มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

ถ้าเคยให้อาหารประจำ

เขาจะจำไว้..ถึงเวลาก็จะมาเข้าแถวร้องเพลงชาติไก่ต๊อกจนลั่นป่า

ปัจจุบันผมเลี้ยงสัตว์ปีกพวกนี้แบบบุฟเฟ่ต์ ปล่อยให้คุ้ยเขี่ยหาอาหารกินเอง สร้างรังเอง เลือกนอนตามคาคบไม้ ช่วงพลบค่ำ..มาคอยดูเถิด ไก่พวกนี้จะ พาลูกๆไต่ขึ้นต้นไม้ไปเกาะกิ่งที่เคยนอนประจำ ที่น่าประทับใจก็ตอนที่ลูกเล็กๆอายุ7-8วัน ยังไม่มีขนปีกยังไม่กล้าขายังไม่แข็ง แม่ไก่จะมีวิธีฝึกลูกน้อยให้ไต่ไปนอนบนต้นไม้ได้อย่างไร?

แสดงว่าในสรรพสิ่งทั้งปวงต่างก็มีชุดวิชาความรู้ของตนเอง

วิชาความรู้ในธรรมชาตินั้นลึกซึ้งนัก

ลึกเสียยิ่งกว่าตำราที่มนุษย์เขียนและร่ำเรียนกันเสียอีก

เรื่องพวกนี้ยากที่จะอธิบายให้คนที่ไม่ใส่ใจธรรมชาติให้เข้าใจ โดยเฉพาะพวกที่คิดว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ ล้วนเป็นเรื่องโมเมชั่นคิดเข้าข้างตัวเองทั้งนั้น สัตว์ที่มีกิเลศเกาะกุมสันดานซับซ้อน จะเป็นสัตว์ประเสริฐตรงไหนกัน !

สิ่งประเสริฐตัวจริงอยู่ในธรรมชาติ

ธรรมชาติคือธรรมะ

ธรรมะคือความจริงแท้แน่นอนไม่แคลนคลอนและแปรผัน

เธอเคยเห็นใคร..ปลูกมะม่วงแล้วออกผลมาเป็นมาม่าไหมเล่า!

ปลูกอย่างไร ทำอย่างไรได้อย่างนั้น

คนไม่เคยคอมเมนท์..จะรู้ลึกซึ้งถึงอานุภาพของคอมเมนท์ได้อย่างไร?

อย่างเก่งก็ดาดๆผิวเผินไปวันๆ

ไม่ได้เข้าไปถึงกระบวนการเชื่อมโยงความรู้กับใครเขาได้หรอก

นอกจากตาบอดสี ใจยังบอดใบ้อีก

ถ้าเป็นไปได้ก็ลองซื้อหนังสือเจ้าเป็นไผไปอ่านดูเถิด

เธอจะเห็นการเกาะเกี่ยวสัมพันธภาพของคนที่เป็นเพื่อนเป็นญาติสนิทกัน

ค ว า ม รั ก นั้ น ห า ไ ด้ ไ ม่ ย า ก ห ร อ ก

ถ้าเธอรู้จักคอมเมนท์เสียบ้าง

คนที่ไม่ยอมคอมเมนท์..

คือคนที่เป็นหม้ายกระบวนการพัฒนาวิธีเรียนรู้ผ่านออนไลน์

พวกเราล้วนตกอยู่ในยุคของมนุษย์สายพันธุ์ไอที

เธอจะไอเลิฟยู..ให้กันบ้าง มันลำบากใจนักรึ

โธ่ๆๆๆ..

« « Prev : พาโนราม่า มาทำไม?

Next : อัดรักลงบล็อกอิฐดินซีเมนต์ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "ไอที และ ไอเลิฟยู***"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.12882995605469 sec
Sidebar: 0.12469410896301 sec