ย่องเยี่ยมยามเจอคนงามเมืองอุบล
10.00 น. รถตู้ล้อเคลื่อนออกจากสวนป่า พร้อมสัมภาระหนังสือและผักมาฝากญาติชาวเมืองดอกบัว ระหว่างทางเห็นต้นข้าวกำลังฟื้นสลบจากฝนทิ้งช่วง เมื่อคืนนี้ฝนเทลงมาเป็นบริเวณกว้าง และต่อๆไปถ้ามาอีกก็ยิ่งจะชุ่มฉ่ำ ชาวนาอีสานนั้นทำนาอาศัยน้ำฝน เขาเรียกภาษาทางการว่า”นาน้ำฝน” ไม่เหมือนทางภาคกลางที่เขาเรียก“นาเขตชลประทาน” มีคลองส่งน้ำซอกซอยไปถึงทุกตารางเมตร ดังนั้นชาวนาอีสานจึงทรหดกว่าชาวนาภาคอื่น ต้องคอยลุ้นเรื่องฝนตกอยู่เรื่อยๆ พักหลังตัดไม้ทำลายป่า แถมดินฟ้าอากาศก็แปรปรวน จึงมี2ตัวเลือกไม่แล้งก็น้ำท่วม ทำให้ชาวนาสมัยนี้ต้องประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ที่พากันขายควายไปทำลูกชิ้น ก็เพราะสาเหตุต้องเร่งทำนาให้ทันกับสภาวะอากาศแบบลูกผีลูกคนนี่เอง จึงหาวิธีทำนาแบบรวบรัด
หลายพื้นที่ดำนาด้วยเครื่องแล้วนะเธอ ที่เจ้าลมหวนชวน ชวนหิว กับเพื่อนๆไปดำนาด้วยแรงงานคนตามที่เล่านั้น อีกไม่ช้าอาจจะเป็นตำนานไปก็แล้วก็ได้ ยกตัวอย่าง เช่น การหาบน้ำ การหุงข้าวด้วยฟืน การขี่รถแทนขี่ควาย
โ ล ก กำ ลั ง เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง เ ร า
รึ เ ร า กำ ลั ง อ ยู่ ใ น ยุ ค ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง
สมัยนี้ขืนอยู่แบบเงอะงะๆ..มีหวังตกยุคนะเธอ..
เด็กสมัยนี้ต้อง ตาโตๆ หูโตๆ ปากโตๆ หัวโตๆ หัวใจพองโต
จะได้มองเห็นไกลๆฟังอะไรชัดๆ พูดและถาม มีมันสมองที่ดี จิตใจดี
ผมมาถึงโรงแรมในมหาวิทยาลัยประมาณบ่ายเศษ หลังจากเข้าห้องหอแล้ว ก็นั่งพักผ่อน สักพักก็ได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์สุรีย์ ธรรมิกบวร ท่านเป็นคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ ท่านเป็นคนก่อตั้งคณะฯด้วยนะเธอ อาจารย์เป็นคนบุกบั่นและบุกเบิก กว่าจะปั้นคณะพยาบาลศาสตร์ขึ้นมาได้ เธอเอ๋ยต้องสู้และทน ต้องประสานงานสิบทิศ
ห ม ด ร อ ย ยิ้ ม ไ ป ห ล า ย ร ถ สิ บ ล้ อ
อาจารย์บอกว่า อีกสักครึ่งชั่วโมงจะมารับ หิวแล้วยัง
ลืมบอกไป..มาถึงผมก็สั่งข้าวผัดปูกับต้มจืดสาหร่ายฟาดไปแล้ว
จึงบอกอาจารย์ว่า..ช้าๆก็ได้ครับ ยังบ่ายอยู่เลย
เปลี่ยนเรื่องชี้ชวนใหม่..ครูบาสนใจงานแกะเทียนพรรษาของอุบลไหม?
เคยเห็นเขาแกะเทียนไหม?
จั ง ห วั ด อุ บ ล กำ ลั ง จั ด ง า น แ ก ะ เ ที ย น น า น า ช า ติ !
อ้าว! วาสนาดีอีกแล้วสิเรา..
ได้ เวลาแดดร่มลมตก อาจารย์ขับรถมารับ ตรงแน่วไปบริเวณจัดงานซึ่งอยู่ในเขตพิพิธภัณฑ์และเสาหลักเมือง นับเป็นการได้มาเห็นศักยภาพของคนเมืองอุบลแบบรวบรัด ยังบอกอาจารย์ว่า..ถ้าไม่ตัดสินใจมาชมงานนี้ วาสนาคงชำรุดไปนาน ล้วนมีสิ่งที่ชอบและชื่นชมทั้งนั้น บริเวณเต็มไปด้วยงานศิลปะที่หลากหลาย มีชาวต่างชาติมาแกะเทียนตามสไตล์ของแต่ละชาติ นับว่าจังหวัดอุบลได้นำเอาการแกะเทียนเข้าไปสู่นวัตกรรมศิลปะสากลได้อย่างบรรเจิด งาน เขายังไม่เปิดนะครับ เราไปชมนี่คนไม่แออัด จึงมีเวลาอ้อยอิ่งแบบสบายๆ ผมถ่ายครีปวีดีโอไว้ แต่เอาโพสต์ขึ้นยากเหลือเกิน จะทยอยเอารูปลงให้ชมแทนก็แล้วกัน
เดินๆไปเจอมุมนักวาด..
มี น้ อ ง น้ อ ย ตั ว ก ะ เ ปี๊ ย ก นั่ ง ว า ด ภ า พ อ ยู่ ค น เ ดี ย ว
มองแวบๆ โอ้โห! ฝีมือเหลือร้าย
นึกไม่ถึงตาแป๋วๆตัวแค่นี้จะมานั่งวาดอยู่โดดเด่น
รีบเข้าไปชวนคุย ..แ ม่ ห นู อ า ย ไ ม่ ต อ บ ..
จึงแอบถ่ายครีปถ่ายภาพาฝาก
นึกไปถึงเจ้าหนูกุลนที ..เวลาเธอสอนลูกศิษย์คงจะมีความสุขมาก..
เดินๆไปชมร้านค้าพื้นเมือง ไปเจอน้ำเต้าลูกเล็กที่ยังดูใหม่ๆ จึงซื้อมาเพื่อจะแกะเอาเมล็ดไปทดลองปลูก และอีกส่วนหนึ่งจะส่งให้หนูกุลนที เผื่อจะมีเวลาว่างประดิฐษ์ประดอยน้ำเต้าออกมาสวยๆ เดินๆ..ไปเจอคนขายของเล่น ที่ยิงด้วยหนังสะติกให้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วกางเป็นร่มค่อยๆหมุนลงมา ที่น่าทึ่งก็คิดมีหลอดไฟเล็กๆติดไว้ด้วย ถ้ายิงเล่นตอนกลางคืนคงจะสวยงามมาก ซื้อมาในราคา6ตัวร้อย กลับไปเจ้าแห้วมาสวนพอดี จะได้ทดลองเล่นกัน
อย่านึกว่าการละเล่นจะหล่นหายไปจากช่วงวัยเราๆนะเธอ
หลัง จากชมงานจนเต็มอิ่ม อาจารย์ถามว่ามื้อเย็นอยากจะทานอะไร? ชิมสลัดไหม? มีโน่นนี่ให้เลือกจนยากจะตัดสินใจ เอาอย่างนี้ดีไหมครับ ไปทานข้าวต้มกัน อาจารย์เป็นทั้งเจ้ามือเจ้าถิ่น แวะจอดที่ร้านข้าวต้มกลางเมืองอุบล ชื่อร้านสันติโภชนา คนอุบลน่าจะรู้จักร้านนี้ มี2ร้านแต่ถูกแบ่งด้วยถนน จะเลือกนั่งร้านฝั่งไหนก็แค่เดินข้ามไป
นั่งเรียบร้อยก็สั่ง ผัดเต้าหู้-ยำขาไก่-ตุ๋นดอกไม้จีน-ผัดกุยฉ่ายขาว-เจี๊ยะกับข้าวต้มข้าวกล้อง ที่ผสมเผือกชิ้นเล็กๆลงไปด้วย ร้านนี้น่าจะเป็นที่นิยมของคนอุบล มีขาประจำเยอะ ที่จอดรถเต็มตั้งแต่ช่วงบ่าย รสชาติกลมกล่อมตามระดับร้านมืออาชีพ นอกจากไม่ผิดหวังแล้วท้องแทบแตก! อิ่มจนอืด..อาจารย์ยังถามว่า..เอารังนกร้อนๆไหม? เอาผลไม้ไหม? โธ่ๆๆๆ..
อาจารย์คงเผลอว่าเอาชูชกมาเลี้ยงกระมัง
อิ่ม แล้วก็กลับมาพักผ่อนสิครับ ระหว่างทางก็ได้คุยแลกเปลี่ยนเรื่องการผลิตพยาบาล ปัญหาเชิงโครงสร้างและนโยบายด้านบุคลากรการแพทย์ อาจารย์เล่าเรื่องส่งนักศึกษาไปลุยงานในพื้นที่ เห็นไหมครับ ผมได้โจทย์สดๆจากพื้นที่ไปประชุมด้านกำลังพลกระทรวงสาธารณสุขอีกแล้ว
กิ น ข้ า ว ต้ ม ก็ ไ ด้ ค ว า ม รู้ ขึ้นอยู่กับว่าไปกินกับใคร?
เดือน ตุลาคมนี้..นักศึกษาพยาบาลของอาจารย์ปี1-2ก็จะมาเข้าค่ายที่สวนป่า 3 วัน ทั้งนิสิตอาจารย์รวมกันประมาณ 70 ชีวิต ผมก็จำวันที่ไม่ได้ เอาไว้นึกออกจะบอกอีกที เผื่อพี่ต้อยพี่แต๋วและน้องนุ่งที่สนใจจะมาสมทบ ผมละอยากให้พี่น้องชาวเฮมาอีก และอยากให้หลวงพี่ติ๊กมาพบนักศึกษากลุ่มนี้ จะนิมนต์ล่วงหน้านะขอรับ เดือนตุลาฯมีหลายคิวเหลือเกิน 22-24 สสสส.1 จัดไปพม่า และยังมีใครต่อใครอยากจะมากันยาวยืด
คงต้องจับสับหลีกบ้าง จัดรวมกลุ่มกันบ้าง
สังคมแตกแยกมากแล้ว
เราควรจะหลวมตัวทำอะไรกันหลวมๆ
แทนที่จะรัดรึงชีวิตก็ติดโชคอัพซะ
ทำให้หัวใจ..มึนตึง ตึงตัง และตูมตามทำไมเล่า
2มือล้วงกระเป๋า..2 เท้าก้าวเข้ามา..ยังใช้ได้ไหมสมัยนี้
ถ้า เ อ า แ ต่ ยั ง โ ง้ น ยั ง งี้ ไ ป ผู ก พั น กั บ พั น ธ ะ จ น นั ว เ นี ย
โอกาส..มั น ก็ อั ก เ ส บ น ะ สิ เ ธ อ . .
เวลาและวารีไม่คอยท่า..แต่สวนป่ายังคอยเธอ..
ก่อนจะมา..ก็อ่านหนังสือ เจ้าเป็นไผ กับ โมเดลบุรีรัมย์ ไปพลางๆ
คนสวยจะยี่ยักยี่หย่อนไปทำไม
เปิดอ่านหนังสือที่ละหน้า..ยิ้ ม ที ล ะ ห น้ า
แค่นี้ก็หน้าเปื้อนยิ้มแล้วละเธอ..
ค น จ ะ ส ว ย ม า ก ส ว ย น้ อ ย ก็ อ ยู่ ที่ ร อ ย ยิ้ ม แ ย้ ม นี่ แ ห ล ะ
ต่อให้แต่งหน้าสวยเริดอย่างไร?..ถ้าหน้าบูด..%$*#@!!**#
ไม่อยากจะพูดเลย ..จบดีกว่า..อิ อิ อะ อะ ..
« « Prev : ชีวิตนี้หนอเหมือนใบไม้ปลิวไปตามแรงลม
ความคิดเห็นสำหรับ "ย่องเยี่ยมยามเจอคนงามเมืองอุบล"