โลกในความคิดคำนึง

อ่าน: 1181

__++

เกือบไปแล้วไหมละ ต่อๆไปมนุษย์เราก็จะเผชิญกับจุดใจหายใจคว่ำมากขึ้น วิกฤติโลกที่ยากจะป้องกันหรือต้านทาน ที่มนุษย์ยังแก้ไม่ตกก็คือภัยพิบัติจากธรรมชาตินี่แหละ มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ช่วงที่โลกค่อยๆเย็นลงมันคงเกิดการหดตัว หลายแสนปีแล้วก็ยังไม่นิ่งไม่อยู่ตัว วันดีคืนดีมันก็บิดขี้เกียจ พวกมนุษย์ก็พล่านกันสิครับ เมื่อก่อนอาจจะหลายร้อยหลายพันปีเปลือกโลกลุกขึ้นมาเขย่าครั้งหนึ่ง เดี๋ยวนี้บ่อยขึ้นเพราะน้ำมือมนุษย์นี้แหละ ที่ชอนไขโลกจนเสียศูนย์ ตั้งแต่เราใช้น้ำมัน เราสูบของเหลวจากพื้นพิภพเป็นจำนวนเท่าไหร่ เทียบกับแม่น้ำใหญ่ๆได้กี่สาย ดูดเอาของเหลวจากส่วนลึกระดับนั้น..มีอะไรเข้าไปแทน รึปล่อยให้มันเป็นโพรงว่างเปล่า

เปิดพื้นที่ให้เปลือกโลกขยับ
ใช่หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ..
ส่วนด้านบนพื้นภิภพเล่า..สร้างเขื่อนสร้างตึก ระเบิดภูเขา
เปลี่ยนแปลงเปลือกโลกผิวนอกไม่แพ้การเจาะพรุนด้านใน
ตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับการอาศัยอยู่บนโลกในนี้แบบโง่ๆ
มีสรรพสัตว์ชนิดไหนบ้างที่ทำลายโลกใบนี้ได้เท่ามนุษย์

แล้วยังทะลึ่งสถาปนาตัวเองว่า..เป็นสัตว์ประเสริฐสัตว์ชั้นสูง!
เป็นได้จริงๆหรือในเมื่อโง่วายป่วงอย่างนี้

ถ้ามนุษย์เรียนรู้จากธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง ความพอดีพองามในสังคมโลกมนุษย์จะดีกว่านี้มาก คนยุคก่อนเขาคิดได้นะ เขามองเห็นธรรมชาติเป็นผู้มีพระคุณ เปรียบเสมือนมารดา แม่คงคง แม่โพสพ ในเบื้องต้น ต่อมาก็แปรเปลี่ยนเป็นแม่แปลกสาแหรกไปต่างๆนานา แม่ยก ไม่รู้ยกอะไร คล้ายแม่แรงรึเปล่า

เขียนขยักไม่ให้เครียดไปอย่างนั้นเอง สรุปว่าวิกฤติกิเลสยากที่พวกหัวเดียวกระเทียมลีบจะไปทำอะไรได้ เมื่อความคิดโลกมันจมดิ่งไปปานนั้น สิ่งที่พวกพอจะมีสติอยู่บ้างคิดทำ ก็คงเป็นการช่วยกันเหยี่ยวยาธรรมชาติเท่าที่จะทำได้ ดีกว่างอมืองอเท้าทำตาปริบๆ และการเข้ามาช่วยกันทะนุบำรุงธรรมชาติ ก็เท่ากับได้กล่อมเกลาจิตใจของตนเองไปด้วย

“คำว่าธรรมชาติบำบัดนั้นมันตีความได้กว้างไกลไปถึงจักรวาลโน่น”

เรื่องเหล่านี้เป็นบุญเป็นกุศลที่ได้รับตรงๆ
ปลูกมะม่วงมันไม่ออกลูกเป็นซองมาม่าหรอกนะเธอ
คนเราเกิดมามีเวลาไม่มากนัก
กว่าจะผ่านวัยเด็กมาถึงวัยทำงานก็ลองคิดดู
จะมีเวลาทำงานเต็มที่ได้กี่ปี
หลังจากนั้นสังขารก็ถดถอย
ถึงทำงานก็คงจะทำได้ไม่เต็มที่เหมือนวัยกลางคน
แต่ถ้าทำการบ้านมาดีแต่ต้น
ยามถึงวัยบ่ายคล้อย..ธรรมชาติก็จะดูแลตอบแทนเรา

สิ่งที่มนุษย์ต้องการคงจะไม่เหมือนกันทั้งหมด
แต่ก็มีหลายส่วนที่ต้องการตรงกัน
เช่นเรื่อง อากาศ อาหาร อารมณ์ อนามัย ที่ปกติสุขและปลอดภัย
และยังมีเรื่องอื่นๆที่นับล้านเรื่องที่มนุษย์ปรุงแต่งขึ้นมา
ปัญหาคือเราไม่ได้คิดเรื่องนี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ถ้าค่อยๆคิดค่อยๆทำที่ละเล็กละน้อยตามลำดับ
เราก็จะไม่ต้องนอนก่ายหน้าผากคร่ำครวญถึงปัจจัยต่างๆ

สุดท้ายก็คิดว่า..ตนเองผ่านวาระที่จำเป็นนั้นมาแล้ว หมดโอกาสแล้ว จำยอมรับสภาพ หมดกำลังใจ ที่จะคิดจะทำอะไร สุดท้ายจิตใจก็ห่อเหี่ยว อยู่ไปวันๆอย่างซักกะตายไปยังงั้นเอง อยู่อย่างพลุกพล่านและฟุ้งซ่าน คงคิดจนเซ็งด้านไปหมดแล้วละมัง ในทุกครั้งที่มานั่งเป็นไอ่เบื้อหลังพวงมาลัยรอไฟเขียว

ชีวิตคนเรานี่นะติดไฟแดง
ถ้ามดแมลงพูดได้..มันคงหัวเราะเยาะจนฟันโยก
เพราะชีวิตของสัตว์เล็กสัตว์น้อยพวกนั้นไม่ต้องติดต้องรออะไรเลย
ไม่ใช่เพียงแค่ติดไฟเขียวนี้หรอกนะ
ชีวิตของเธอยังติดโน่นติดนี่พะรุงพะรังรอบตัวและรอบใจ

ลองถามตัวเองดูสิ..วันนี้เธอติดอะไร
บางคนอาจจะตอบว่าติด FB. ติดกาแฟ ติดเกมส์ ติดทีวี ติดๆๆ
ถ้าให้ดีช่วยกันต่อให้ติดกับธรรมชาติเถิด
แล้วเธอจะรู้ว่าธรรมชาติไม่ธรรมดา
มีความลึกซึ้งกว่าที่เคยรู้สึกและเข้าใจมากกว่าที่เคยรับรู้
ลุกมาพร่ำกลางดึกก็ไม่รู้ว่าเธอจะเข้าใจบ้างไหมหนอ

โลกได้ตักเตือนแล้ว..ในชีวิตเธอจะต้องซ้อมรับความเสี่ยงเป็นระยะๆ
ตอนนี้เธอกำลังเสี่ยงอะไร เสี่ยงทาย หรือเสี่ยงเซียมซี
ใบที่ 16 ..บ่งบอกว่า..
อ่านเรื่องใดๆแล้ว..ควรจะคอมเมนท์กลับมาบ้าง
แคว๊กๆ

« « Prev : ดีใจที่ได้คุยกับครูใต้

Next : สงกรานต์บ้านกระต๊อบ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "โลกในความคิดคำนึง"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.29201912879944 sec
Sidebar: 0.31823396682739 sec