วันที่ฉันทนากลับมาถึงบ้าน
วันนี้ลูกหลานฉันทนาอพยพจากบางกอกหนีตายมาถึงบ้านแล้ว
ถนนทุกซอกซอยในตลาดอำเภอสตึกบริเวณรอบตลาดคับคั่งไปด้วยผู้คน
รถอพยพแต่ละคันอัดแน่นด้วยของใช้ไม้สอยที่พอจะขนออกมาได้
ภาพดังกล่าวไม่ต่างกับสภาวะหนีสงคราม
สับสนอลหม่านกว่าจะหลุดลอดฝ่าวิกฤติออกมาได้
กรุงเทพ-สตึกเดินทาง 3 วัน
คนที่มากับคนที่รอต่างกระสับกระส่ายกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ทุกข์น้ำท่วมจึงไม่ได้อยุติอยู่กับคนที่จมน้ำเท่านั้น
แต่มันขยายทุกข์ทั่วถึงไปยังผู้คนทั้งแผ่นดิน
ภาพการมากลับมาบ้านเที่ยวนี้ ไม่ได้ชื่นมื่นเหมือนการกลับมาทอดผ้าป่ายามสงกรานต์ เจอหน้าก็โผกอดกันร่ำไห้ หนูรอดตายแล้ว รอดแล้ว ปล่อยโฮไม่ยั้งไม่อายใคร เป็นบรรยากาศเศร้าสลดที่เราไม่นึกว่าจะได้เห็น หลังจากนั้นชวนกันไปซื้อข้าวปลา อาหารเรียบร้อยก็พากันทยอยกลับบ้าน ..จำนวนรถมากเหลือเกิน ถนนทุกสายเข้าตลาดเพื่อซื้ออาหารและของใช้ที่จำเป็น คาดว่ากองทัพฉันทนาคงจะแน่นทั้งวัน ผมอยากเก็บประเด็นเหล่านี้ในหมู่บ้าน แต่ฝนก็เทลงมาไม่ขาดสาย อาจจะต้องนัดมาพูดคุยกันในวันหลัง
ทุกข์ของแรงงานคืนถิ่นนั้นมันจะเป็นฉันใดหนอ
ผมประมวลผลหยาบๆเฉพาะในหมู่บ้านละแวกนี้นะครับ ความเดือนร้อนจากน้ำท่วมไม่มี ข้าวกล้ากำลังตั้งท้องเขียวชะอุ่ม พืชผักที่ปลูกไว้คราวอบรมเศรษฐกิจพอเพียงได้อาศัยพอสมควร คนอีสานนั้นกินง่ายอยู่ง่าย มีข้าวเหนียวปั้นเดียวก็อยู่ได้แล้ว ที่พักหลับนอนคงไม่มีปัญหา ไฟฟ้าถนนหนทางทีวีโทรศัพท์ปกติ จากที่เคยเป็นข่าว ก็มานอนดูข่าวภัยพิบัติที่ยังคงจ่อคอยหอยคนกรุงไปอีกหลายสัปดาห์ ถึงน้ำไม่ท่วมหรือทะลักเข้ากรุง แต่น้ำเน่าน้ำขังก็ยังคงอยู่อีกหลายเดือน การที่มีช่องทางให้ออกมานั่งกอดเข้าพิจารณาชะตาชีวิตในช่วงนี้ เป็นเรื่องที่ดีก็ได้ อย่างน้อยจะได้ฉุกคิดถึงอนาคตของการเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้น บ่แน่บ่นอนเสมอไป
ควรจะมากิจกรรมของานดินไว้ให้มั่นคงกว่านี้
ก่อนที่จะจรลีไปหาเงินเดือนเงินดาวน์ครั้งใหม่
วัฒนธรรมของอีสานนั้นยังพอมีต้นทุนอยู่บ้าง
ความเป็นญาติเป็นพี่เป็นน้องผองเพื่อนอาทร
“กลับบ้านเรารักรอยู่”
ยังดีที่มีจุดถอย
สงสารแคต่พี่น้องในภาคกลางที่ยากจะขยับขยายไปไหน
เกรงว่าขะโมยขะโจรจะมาล้วงตับเอาสมบัติไปหมด
ทุกข์ของคนกรุงจึงเป็นอภิมหาโหดแห่งทุกข์
ตรงจุดนี้ละครับเราจะช่วยเหลือกันอย่างไร
ช่วงที่คนไทยหมดเนื้อหมดตัวครึ่งประเทศ
ภัยตัวใหม่ที่” ชื่อว่าใส้เป็นน้ำเหลือง”
จะขย่มรัฐบาลอย่างรุนแรง
อยากจะให้รัฐบาลพิจารณาทำงานบนฐานความสุจริตใจ
ซึ่งคุณยิ่งลักษณ์ ทำได้อยู่แล้ว
เพียงแต่จะต้องเด็ดขาด
อย่าให้ไอ้แมวตัวไหนมาคาบงบประมาณไปแด๊กเหมือนที่ผ่านๆมาๆ
น้ำขึ้นก็เจี๊ยะ น้ำลดก็เจี๊ยะ น้ำแห้งก็เจี๊ยะ
ถ้าระมัดระวังจุดนี้ก็จะได้ใจจากประชาชน
ไม่มีเรื่องไหนที่จะได้การยอมรับจากประชาชนเท่าเรื่องนี้
โอกาสเปิดแล้ว ลงมือแสดงฝีมือให้ประจักษ์เถิด
ตั้งแต่วิกฤติเกิดขึ้น ก็มองว่ามันจะช่วยอะไรให้ดีขึ้นได้ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เกิดขึ้นแล้ว เรามองไปข้างหน้ากันดีกว่า มองอย่างไรถึงจะเห็นจุดดี จะเกิดจุดดีได้ก็ต้องลงมือทำความดีเสียก่อน สิ่งดีๆถึงจะตามมา ในพื้นที่ทำการเกษตรของภาคอีสาน ยกตัวอย่างโมเดลของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่มีโครงการต่างๆเข้ามาพัฒนาอย่างเป็นระบบ มีการขุดคูคลองเป็นตารางไปทั่วทั้งผืนทุ่งกุลา การขุดคลองที่ว่านี้ ทำให้ได้ถนนควบคู่กับคลองไปด้วย สองข้างถนนปลูกต้นไม้ คลองเป็นที่กักน้ำ รับน้ำ ใช้น้ำช่วยเหลือยามข้าวหรือพิืชผักขาดแคลนน้ำ เป็นแหล่งเลี้ยงปลาแบบธรรมชาติ ภาพหยาบๆเหล่านี้ถ้าเอามาทำให้ประณีตขึ้น
หมายถึงขุดร่องน้ำยาวๆ เอาดินขึ้นฝั่งเดียว ปูให้เป็นถนนสูง3เมตร กว้าง5 เมตร ริมถนนปลูกผักยืนต้น ปลูกไม้ผล ร่องน้ำเลี้ยงปลาปลูกผักหลังฤดูเก็บเกี่ยว เลี้ยงเป็ดไข่ให้มาเก็บข้าวตกเป็นอาหาร กินต้นข้าวต้นหญ้าอ่อน ขี้เป็ดเอามาปลูกแตงกวา แตงแคนตาลูปงามนัก สร้างกระต๊อบขึ้นในท้องนา หลังตาคิดแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ติดเครื่องสูบน้ำเล็กๆจากพลังงานแสงอาทิตย์สูบน้ำขึ้นไปเก็บไว้บนถังมีชัย จะได้ปล่อยให้เป็นน้ำหยดไหลลงไปรดพืชผัก
ขุดแปลงนาดังกล่าวเป็นตารางหมากรุกให้เต็มทั้งผืนดินทุ่งกุลาร้องไห้
ก็จะเป็นการปิดจุดอ่อนเรื่องน้ำทำการเกษตร
กับถนนหนทางเข้าไปยังไร่นา
ทำอาชีพเสริมให้เห็นเป็นรูปธรรม
ถ้างานดีและถูกต้องเงินจะไปไหนเสีย
รัฐฯควรเข้ามาช่วยเหลือจุดที่เหมาะสมต่อการดำรงชีพของเกษตรกร
ไม่ใช่ทำเรื่องบ้าๆบอๆแจกสมาร์ทการ์ด
หาเรื่องให้ชาวบ้านฟุ่มเฟือยโดยไม่ได้สอนให้ตระหนักถึงวินัยการใช้จ่าย
ขณะที่อบรมเรืองเศรษฐกิจพอเพียงกันโครมๆ
นโยบายประชานิยมก็เข้ามาทำให้ประชาชนไขว้เขว
มีผู้สันทัดกรณีช่วยมองอนาคตของสังคมไทยในอนาคต สะท้อนว่าความขัดแย้งในประเทศทำให้แผ่นดินแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า การที่จะเอานโยบายอะไรไปใช้ในวงกว้าง ถึงจะดีอย่างไรก็ยุ่ง ครั้นจะทำเล็กๆแบบนกน้อยทำรังแต่พอตัวมันก็ได้ แต่การขยายผลให้เกิดพลังทั้งแผ่ดินเป็นเรื่องยาก ประเทศที่มวลชนหลากสี การจะพูดอะไรในทางสาธารณะเป็นเรื่องยากมาก
วันนี้เราขัดเขินกันตั้งแต่ระดับนโยบายมาจนถึงระดับติดดิน
เรามอบอำนาจนักการเมืองมากเกินไป
ยังไม่มีกลไกถ่วงดุลย์ที่มีประสิทธิภาพเสียด้วยสิ
จ๋อม จ๋อม จ๋อม
Next : เปิดศูนย์อพยพแบบชิวชิวที่ต่างจังหวัดดีไหม » »
ความคิดเห็นสำหรับ "วันที่ฉันทนากลับมาถึงบ้าน"