ผสมเทียม
ยุคที่วิทยาการก้าวหน้าทุกด้าน เรามักจะได้ยินคำว่า”เทียม”
เช่น ฝนเทียม ทุเรียน/มะม่วงเทียม (นอกฤดู)
ผสมเทียมวัว ผสมเทียมหมู ผสมเทียมปลา
เรื่องปลานี่ทราบว่าก้าวหน้าไปมาก ถึงกับแปลงเพศเป็นตัวผู้ทั้งหมด
วิทยาการทางด้านฮอร์โมนกำลังลุ้นระทึก
อ้าวคนละ ! ก็คงมีการทำกิ๊บ ฝากบุญ อุ้มท้องแทน
รึ ไม่ก็ทำเรื่องโคลนนิ่งไปโน่น !
เรื่องของคนผมไม่ถนัดไม่มีความรู้จริง ทราบตามข่าวเล็กๆน้อยๆ ก็ไม่สมควรมาฉอดๆๆในสิ่งที่ไม่รู้จริง คิดเดาเอาเองว่า..ถึงเราจะผสมเทียมคนได้ ไม่ทราบว่ายีสที่เกี่ยวกับนิสัยใจคอจะติดมาด้วยรึเปล่า และเรื่องนี้ก็ทดสอบยาก น้ำเชื้อต้นพันธุ์จะมีนิสัยใจจริงดีจริงหรือเปล่า บางทีดูดีดูหล่อแข็งแรงแต่จิตใจเก็บกดอะไรไว้บ้างก็บ่ฮู้ แต่ถ้าวิทยาการก้าวหน้าถึงขั้นแก้ปัญหาดังว่าเป็นเปลาะๆ มนุษยชาติพันธุ์ใหม่ก็จะเป็นคนดีตามนิสัยของพ่อพันธุ์ สังคมโลกจะได้เป็นปกติสุขมากกว่านี้ ที่ไหนๆก็มีแต่ธรรมะธรรมโม หลวงพี่-หลวงพ่อ-หลวงน้า ก็จะค่อยสบายหน่อย ไม่ต้องเทศนาปากเปียกปากแฉะ..เหมือนเป่าปี่ให้ควายฟัง ..อิ
เอาเรื่องที่เราพอจะรู้จะทำได้บ้างดีกว่า
วางแผนการปรับปรุงพันธุ์โคหมดทั้งคอก
จากแม่โคซาฮิวาลทั้งพันธุ์แท้และพันธุ์ลูกผสม
จะทดลองเอาน้ำเชื้อโคพันธุ์ชาร์โลเล่ร์ผสมเทียม
อาจจะผสมพันธุ์ทาจิมะที่ทำเนื้อโกเบ กับพันธุ์กำแพงแสน
เราก็จะได้เรียนรู้เรื่องการปรับปรุงพันธุ์ที่เหมาะเจาะกับสภาพพื้นถิ่นของเรา
เพราะโคยุโรปเลือดร้อยเลี้ยงในเมืองร้อนไม่ได้
จึงพัฒนาการเลี้ยงพันธุ์ลูกผสม ลูกครึ่ง
ลูกครึ่งโตเร็ว หุ่นดี บั้นท้ายใหญ่ ลำตัวกลม น้ำหนักไต่ไปถึง 1 ตัน เศษ
คุ้มค่ากับเวลา อาหาร และการบริการเลี้ยงดู
เป็นการพัฒนาวิชาชีพให้แก่กลุ่มเกษตรกรที่สนใจงานด้านการปศุสัตว์
เช้านี้ หมอผสมเทียมาก๊อกๆแต่เช้า เพื่อผสมเทียมโคแม่สาว ที่มีอาการกระวนกระวายมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แม่โคสาวตัวนี้เคยผสมแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ จึงต้องเผด็จศึกเป็นครั้งที่ 2 จะได้ผลหรือไม่ต้องรอฟังผลในอีก ประมาณวันที่ 30 ก็น่าจะรู้หมู่หรือจ่า ถ้าผสมหลายครั้งไม่ติดก็อาจจะผสมจริง การเกษตรก็สนุกยังงี้แหละ มีเรื่องให้ลุ้นระทึกอยู่เรื่อยๆ
ที่สวนป่า เสียเวลากับการจัดการตรงจุดนี้ไปพอสมควร เพราะมีปัญหาเรื่องอาหารงชาโคในฤดูแล้ง ที่หญ้าและวัชพืชพออาศัยก็แห้งเหี่ยวฟุบตามความแห้งแล้ง
ขืนเลี้ยงไปโคก็หิวโหยนะสิครับ จนมาฟลุ๊ก! เรื่องเอาใบไม้เลี้ยงโคนี่แหละ
ที่ผมตีปีกพับๆ..พบทางออกที่น่าจะพัฒนากระบวนการปศุสัตว์ได้ เรื่องนี้โม้ไปหลายเวที จนกระทั้งสภาวิจัยแห่งชาติชวนให้ทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมขออนุญาตจัดเป็นชุดโครงการวิจัย โดยจะร้องขอให้หน่วยงานต่างๆมาเป็นภาคีพี่เลี้ยง ดังต่อไปนี้ อิ
1 มหาวิทยาลัยเทคโนสุรนารี เรียนเชิญท่านจอหงวน-อาจารย์สุรีลักษณ์ รอดทอง
2 กรมป่าไม้ คุณวิฑูรย์ เหลืองวิระยะแสง จากสำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้
3 มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ส่งนักศึกษา ป.เอก มาร่วมสังคายนาขยายผล
4 สถาบันวิจัยสังคมจุฬาฯ ติดตามประเมินผล และให้ข้อเสนอแนะเชิงสังคม
5 บล็อกลานปัญญา จะขอสมาชิกแซ่เฮจ๊ะจ๋า ให้ความรู้ความคิด ข้อเสนอแนะ ฯลฯ
เรื่องนี้เหมือนไฟล้นก้น จะต้องส่งโครงสร้างวิจัยภายในเดือนนี้ โดนทวงมาเป็นระยะๆ ตั้งใจจะปั่น..แบบตี๋หน้าตั้งในวันสองวันนี้ ขืนอ้อยอิ่ง เส้นยาแดงผ่าแปดโทนโท่อยู่ตรงหน้า มองหาคนช่วยปลดคล็อกก็ไม่มี จึงดำน้ำเขียนตามที่เข้าใจ ถ้าตรงไหนไม่ดีพอก็ขอให้ตีกลับ จะได้ปรับปรุงให้ถูกสุขลักษณะของธรรมเนียมวิจัยของไทย โจทย์ใหญ่ก็คือ..การค้นหาวิธีการยกระดับการงานอาชีพของเกษตรกรต้นแบบประมาณ 100 ครัวเรือน จะมีการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเป็นระยะ ถึงเวลานั้นจะส่งเทียบเชิญชาวฮามาทำหน้าที่วิทยากร เป็นระยะนะคร๊าบบบบบบ
“จะเอาต้นไม้กับการปศุสัตว์มาอยู่ในวงจรเดียวกัน”
ปรับปรุงความเข้าใจชวนไต่ระดับศักยภาพของเกษตรกร
ปลูกต้นไม้ ผักยืนต้น ไม้พื้นเมืองไม้เศรษฐกิจ ไม้ไผ่
เลี้ยงโค เลี้ยงแกะ พัฒนาพันธุ์ การเลี้ยง การจำหน่าย
ใช้ใบไม้เป็นอาหารเลี้ยงโค
เอาหวดข่ามาทำไวน์เลี้ยงโค
เอากราวเครือขาวมาบดผสมอาหารข้นเลี้ยงโค
หน่อไผ่ถ้ามีมากล้นก็เอามาสับเลี้ยงโค
มะม่วง มะละกอ ขนุน กินไม่หมดก็เอามาเลี้ยงโค
ปลูกพืชอาหารสัตว์ ปลูกหญ้า ปลูกอ้อย ไว้เป็นอาหารโค
เอาปุ๋ยมาทำแก็ส
ผลิตปุ๋ยชีวภาพใช้เอง
ชวนกันเรียน ชวนกันทำ
ทำสาระพัดที่เห็นว่าดีและเกี่ยวข้องกัน
ทำเป็นเรื่องเป็นราวให้กระชับๆ..เพื่อเน้นคุณภาพของงาน
ถ้างานดีและถูกต้อง รายได้ชาวบ้านมันจะไปไหนเสีย
แ ล้ ว ส รุ ป ว่ า อ ย่ า ง นี้ ดี ไ ห ม ..แล้วยังต่อ
« « Prev : เรียนจนกว่าจะเป็นปุ๋ย
2 ความคิดเห็น
ที่สวนป่าขอบคุณสุทธินันท์คงสนุกทุกวัน เพราะเพียงแค่อ่านอย่างเดียวก็รู้สึกสนุกตามแล้วค่ะ
และโคที่สวนป่าก็โชคดีจังที่มีอาหารให้เลือกหลากหลาย ดิฉันเห็นโคทางนี้นอกจากกินหญ้าแห้งซะส่วนมากแล้วก็มีอีกอย่าง grainค่ะ ซึ่งก็ได้แก่พวก wheat oats หรือ baley ผสมกัน
พยายามเลี้ยงเลียนแบบธรรมชาติ ภายใต้ข้อสมุติฐานที่ว่า สัตว์ป่า โค วัว ป่า อยู่แบบป่าๆ คงไม่มีอาหารข้นกระมังครับ มนุษย์ปรุงแต่งอาหารให้ภายใต้ข้อจำกัดที่จัดให้สัตว์ โดยที่สัตว์ไม่มีสิทธิ์เลือกสักเอ๊ะ