ระบบนิเวศวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม

โดย sutthinun เมื่อ 31 มีนาคม 2011 เวลา 19:35 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 2511

สาขานิเวศวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เป็นชื่อกลุ่มสาขาที่สำนักวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น มอบรางวัลให้ในครั้งนี้ เขาคงจะเห็นว่าผมเป็นคนป่า อยู่ป่า กินนอนในป่า ปลูกป่า พูดและเขียนถึงเกี่ยวกับป่าๆมาบ้างกระมัง ก็นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งละครับที่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้ให้กำลังใจ การที่มีคนนอกมองทะลุป่ามาเห็นบริบทของคนตัวเล็กๆ ที่ล้มลุกคลุกคลานทำการสอดส่องมองหาวิธีฟื้นฟูป่า นับเป็นกุศลร่วมกันที่จะก่อการดีต่อไป..

(หลังจากทำลายป่าบุ่งป่าทามแล้วก็ไม่มีปัญญาหากินให้เจริญได้)

FAO.เคยให้รางวัลการจัดการฟาร์มต้นไม้เมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ต่อมาในงานพระราชพิธีแรกนาขวัญ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คัดเลือกให้เป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติสาขาปลูกสร้างสวนป่า ได้รับพระราชทานรางวัลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี 2523 นานมาแล้วใช่ไหมครับ จุดนั้นเองที่ทำให้ผมเกิดความชัดเจนในการวางลู่ทางของชีวิต > >

ชาตินี้ข้าน้อยจะใช้ชีวิตอยู่กับป่าไม้ที่ตนเองปลูกจนถึงวันมรณัง

หลับไม่ตื่นแล้ว..ก็ยังจะให้เอาไม้ที่ปลูกนี่แหละทำโลง

และใช้ไม้ฟืนในสวนป่าแห่งนี้เผาสังขาร

เถ้าถ่านก็เอาไปเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้

>> พวกบ้าหวยไม่ต้องมาขอเลขเด็ด !

อยากอยู่ดีกินดีก็ช่วยกันปลูกต้นไม้ให้มากๆ

(พื้นที่ทำกินกับพื้นที่ป่าควรจะสมดุลย์และสัมพันธ์กัน)

ผมลองตีแตกคำว่า วัฒนธรรมนิเวศและสิ่งแวดล้อมตามความเข้าใจของตนเอง ผมมีความเชื่อว่า ในป่าไม้มีรหัสของป่าที่ยึดโยงกันไว้อย่างแน่นเฟ้น ยากที่คนไม่สนใจด้านนี้จะเข้าใจ บางคนเข้าป่าไปเห็นศาลปู่ตา ศาลเจ้าต่างๆแล้วหัวเราะดูแคลน เอะอะมะเทิ่งทิ้งขวดและกระป๋องเบียร์เกลื่อน ทำมิดีมิร้ายต่างๆนานา ทั้งๆที่ชาวบ้านเขามีวัฒนธรรมการเข้าป่า การใช้ป่า การอนุลักษณ์ดูแลป่า ด้วยความเข้าใจและตระหนักในคุณค่าของธรรมชาติ ในชั้นหลังๆเราจะเห็นมีพิธีบวชป่า ชวนกันปลูกป่า อบรมสัมมนาเรื่องป่าไม้ ฯลฯ

ที่น่าเสียดายก็คือรากฐานทางวัฒนธรรมนิเวศที่มามาตั้งแต่ครั้งปู่ย่ายายาย

ได้สูญสลายไปพร้อมกับการล่มละลายทางวัฒนธรรมสังคมโลกกระแสใหม่

จะที่ฟื้นฟูให้กลับมาเข้มแข็งดังเดิมได้อย่างไร

จึงเสนอว่า..เราน่าจะช่วยกันสร้างวัฒนธรรมนิเวศแห่งยุคสมัย

ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับเหตุและปัจจัยสมัยนี้

การปลูกผัก/ต้นไม้/สร้างพื้นที่สีเขียว

การเอาใบไม้ไปเลี้ยงสัตว์เพื่ออธิบายว่าปลูกต้นไม้แล้วได้ประโยชน์ทางตรงทางอ้อมอย่างไร

การปลูกพืชพลังงาน ศึกษาลู่ทางพลังงานเพื่อชุมชน

การประยุควิถีไทยแท้ให้เป็นวิถีไทยร่วมสมัย

ความตื้นเขินทางนิเวศวัฒนธรรมนั้นส่งผลน่ากลัวนัก เมื่อมนุษย์ไม่ตระหนักในคุณค่าของระบบนิเวศป่าไม้ มองเห็นป่าไม้ที่เป็นสมบัติของโลกเป็นมูลค่า หาทางละโมบเอามาเป็นรายได้แบบไก่ได้พลอย ท่านก็ลองนึกดูเถิด มนุษย์พากันโค่นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์มีมูลค่าและคุณค่ามหาศาล มาปลูกอ้อย ปลูกมันสำปะหลัง ปลูกยางพารา หรือปาล์มน้ำมัน ซึ่งเทียบมูลค่ากับป่าที่อุดมสมบูรณ์ไม่ได้เลย การที่มนุษย์ดื้อตาไส ทำอะไรลงไปอย่างไม่บันยะบันยัง เมื่อห่วงโซ่ของระบบนิเวศเสียหาย สายใยของสภาพแวดล้อมขาดสะบั้น เป็นเงื่อนไขให้เกิดการเอาคืนจากธรรมชาติ ดังที่เราเห็นภาพในทีวี น้ำท่วม ดินถล่ม บ้านเรือนแตก สะพานพัง ถนนขาด พืชไร่เสียหายยับเยิน

คำที่ขอถาม > >

“มีมนุษย์สักกี่คน ที่ไม่สำส่อนสร้างความสูญเสียให้แก่ระบบนิเวศของโลก”

“เธอทำอะไรคุ้มกับออกซิเจนที่หายใจไปทุกวันแล้วหรือยัง”

“มีพื้นที่ไหนบ้างที่มนุษย์อยู่อาศัยแล้วมีสภาพแวดล้อมสมบูรณ์เท่าที่เคยเป็นอยู่ในธรรมชาติดั่งเดิม”

เมื่อระบบนิเวศไม่สามารถปกป้องดูแลมนุษย์ได้แล้ว ต่อๆไปมนุษย์ก็จะเผชิญเคราะห์กรรมซ้ำซากทุกปี นับวันจะสาหัสสากรรจ์มากขึ้น บางพื้นถิ่นเจอเข้าไปหัวปีท้ายปี ที่น่าสังวรก็คือ..มันไม่ได้มีเฉพาะเรื่องน้ำท่วม หลังจากน้ำท่วมมันก็จะแล้งมหาโหด มีแต่เรื่องทุกข์โศกระทมมาเยือนไม่เว้นวาย

นึกถึงคำของอัลเบิร์ตไอสไตน์ที่บอกว่า

“มนุษย์ไม่มีความรู้เพียงพอที่จะอยู่บนโลกใบนี้อย่างปกติสุขได้”

ถามว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

มูลเหตุมาจากกลไกของธรรมชาติที่เคยปกป้องพื้นที่ให้เป็นปกติ ต่อเมื่อมนุษย์ทำลายล้างกลไกจนอ่อนแอ ระบบนิเวศที่เคยแข็งแรงอ่อนไหว พอมีอะไรมากระทบก็เอาไม่อยู่ จำต้องปล่อยให้เกิดวิกฤติตามสภาพความเปลี่ยนแปลง เมื่อเจอภัยพิบัติอย่างนี้แล้วยังดื้อตาใส ไม่ศึกษานิเวศวัฒนธรรมสิ่งแวดล้อม

ถามว่า มนุษย์แก้ไขปัญหาโดยเมินวัฒนธรรมนิเวศและสิ่งแวดล้อมได้จริงหรือ?

บ้านพังก็สร้างใหม่ ถนนพังก็ซ่อมแซม พืชไร่เสียหายก็ชดเชย ถ้าคิดและทำได้เพียงเท่านี้ ไม่ศึกษาเรียนรู้ต้นตอ..ตอปัญหา มันก็ค้างคาใจสะบัดไสวให้แตกแตนตายมากขึ้น การที่สำนักวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ตระหนักในเรื่องนี้ และพยายามนำร่องนำพวกนำทีมจัดการเชิงกระบวนการทางวิชาการ นับเป็นเรื่องดีงามที่สมควรยกย่องอย่างยิ่ง

จากการเข้าไปดูข่าวความเคลื่อนไหวของสำนักวัฒนธรรมแห่งนี้ พบว่ามีการจัดประชุมระดมสมองอยู่เสมอ ได้แนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเพื่อที่จะสอดส่องและสอดแทรกไปยังระบบการศึกษาและการวิจัย รวมทั้งการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับชุมชน ยกตัวอย่างในการจัดพันธกิจของสำนักวัฒนธรรมในครั้งนี้

สำนักวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลการพิจารณาและคัดเลือกรางวัลศิลปินมรดกอีสานและผู้มีผลงานดีเด่นด้าน วัฒนธรรมสัมพันธ์ ประจำปี 2554 รวมทั้งสิ้น 33 รายชื่อ จากการเสนอชื่อศิลปินและผู้ที่มีผลงานด้านวัฒนธรรมกว่า 60 รายชื่อ ครูสลาคว้ารางวัลมรดกอีสาน สาขาวรรณศิลป์ เตรียมพร้อมจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 1-2 เมษายน 2554 รศ.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้เกียรติเป็นผู้มอบรางวัล

พร้อมกับชมนิทรรศการกึ่งทศวรรษศิลปินมรดกอีสาน และวัฒนธรรมสัมพันธ์และพบกับการแสดงอีกมากมาย อาทิ การแสดงหมอลำถวายพระพร จาก นางฉวีวรรณ ดำเนิน ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง, การแสดง ฟ้อนถวายพระพรสิรินธรราชกุมารี โดยชมรมวัฒนธรรมอีสานใต้ มข. และการแสดงวงดนตรีดอกศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มข.

ผศ.วิชัย ณีรัตนพันธุ์ ที่ปรึกษาด้านศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า ได้ผลักดันกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมให้เข้าไปมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาชุมชน บุคลากรและนักศึกษา ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเข้มแข็งให้คนในสังคม อีกทั้งให้คนไทยได้สัมผัสกับวิถีวัฒนธรรมชุมชนผ่านประเพณี กระตุ้นให้เกิดความรัก ความภาคภูมิใจ และสร้างแรงจูงใจที่จะพัฒนาร่วมกันในด้านศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น รางวัลนี้จึงถือได้ว่าเป็นสร้างกำลังใจให้กับศิลปินที่ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน สะท้อนวิถีชีวิตและความเป็นไปของท้องถิ่น และสร้างแรงบันดาลใจให้ศิลปินรุ่นหลังในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าต่อไป

สำนักวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์การทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมที่ดี โดยได้รับเกียรติจาก ดรยันต์ วรรธนะภูติ บรรยายสรุปในหัวข้อ โลกาภิวัตน์กับการจัดการทุนทางวัฒนธรรมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง” สู่ทิศทางการกำหนดบทบาทของสถาบันอุดมศึกษากับการจัดการองค์ความรู้ด้านศิลป วัฒนธรรมจากฐานการวิจัยและ ทิศทางการวิจัยด้านศิลปวัฒนธรรมในบริบทภูมิภาคนิยม ทั้งนี้ ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ ได้ย้ำว่าการจะก้าวไปแนวทางการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมที่ดีได้นั้น ต้องเริ่มจากการพิจารณาฐานทางแนวคิดทฤษฎีที่ได้พิจารณาจากสภาวะปัญหาที่เป็นจริงของท้องถิ่น สำหรับในส่วนของการวิจัยนั้นอาจจำแนกได้ ๓ระดับคือ
๑. การวิจัยกับการบูรณาการกับการจัดการเรียนการสอน
๒. จะทำวิจัยทำอย่างไรจะทำให้มหาวิทยาลัยมีความสัมพันธ์กับฐานชุมชน
๓. งานวิจัยที่ชี้ให้เห็นปัญหาจากการจัดการทุนทางวัฒนธรรม

โดยแนวทางดังกล่าวจะนำไปสู่การกำหนดทิศทางการวิจัยศิลปวัฒนธรรมในบริบทภูมิภาคนิยมได้นั้น สำนักวัฒนธรรมจำเป็นต้องเริ่มจากการทบทวนเอกสารและงานวิจัยด้านศิลปวัฒนธรรม ที่มีผู้ทำมาก่อนเพื่อจะได้ไม่เริ่มต้นจากศูนย์ และควรเปิดพื้นที่ให้มีการสนทนาเพื่อรับฟังเสียงจากชาวบ้าน ส่งเสริมให้เกิดการทำงานวิจัยร่วมกันระหว่างนักพัฒนานักวิจัย และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของรัฐ

ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ ยังได้ชี้ให้เห็นความจำเป็นในการพิจารณาจุดยืนและหน้าที่ของสำนักวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการวิจัยประเด็นทางสังคมวัฒนธรรมที่ขาดหายไป เช่น การวิจัยเพื่อศึกษาสถานภาพและการเปลี่ยนแปลงศิลปวัฒนธรรมอีสาน โดยมีระบบครอบครัวอีสานเป็นหน่วยในการวิจัย เพราะในอดีตการศึกษาระบบครอบครัวเป็นประเด็นสำคัญที่นักวิจัยให้ความสนใจศึกษา แต่ปัจจุบันกลับไม่นิยมศึกษาทั้งที่นำไปสู่การอธิบายปรากฏการณ์ทางสังคมได้หลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์การอพยพแรงงานจากชนบทสู่เมือง หรือการแตกสลายของระบบครอบครัว

คำถามคือใน พ.ศ.๒๕๕๔ เรามีความรู้เกี่ยวกับครอบครัวอีสานหรือไม่ต่างไปจากที่ Keyes ศึกษาไว้เมื่อ๕๐ที่แล้วหรือไม่อย่างไร หรือแนวคิดเรื่องการแต่งงานของคนอีสาน สะท้อนความสัมพันธ์ที่ต่างไปจากเดิมอย่างไร ทั้งนี้สำนักวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น และศูนย์วิจัยด้านสังคมวัฒนธรรมควรได้กำหนดแนวทางการวิจัย ดังนี้
๑. การวิจัยพื้นฐาน
๒. การวิจัยเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน
๓. การวิจัยมรดกวัฒนธรรมอีสาน(ถอดบทเรียนเพื่อเข้าถึงชุดความรู้ท้องถิ่น)
๔. งานวิจัยวัฒนธรรมชายแดน ข้ามแดน
๕. นิเวศวัฒนธรรมและการจัดการทรัพยากร เช่น ระบบนิเวศวัดป่าความหลากหลายของพืชผักพื้นบ้านอีสาน วัฒนธรรมชุมชนและการจัดการทรัพยากร การผลิตและเส้นทางค้าเกลืออีสาน เป็นต้น

งานนี้มีคนรู้จักมากหน้าหลายตา ศิลปินดังๆของท้องถิ่นอีสานบ้านเฮานั้นไม่ธรรมดาเลยนะครับ ยังจะได้เจออาจารย์สวิง บุญเจิมด้วย ท่านเป็นคนรวบรวมเพลงกล่อมลูกอีสานที่ผมเอามาเปิดในที่สัมมนาเสมอ งานนี้ผมชวนอาจารย์ในมหาวิทยาลัยอื่นไปร่วมรับรู้ความก้าวหน้าของสำนักวัฒนธรรมแห่งนี้ด้วย

ผมสงสัยบักขนาด

ใครนะ..แอบส่งชื่อผมไปป้วนเปี้ยนงานนี้

ทางสำนักฯมอบโต๊ะจีนให้ 1 โต๊ะ

เสียดายแม่ใหญ่ไม่อยู่

ป้าจุ๋มก็ไม่รู้อยู่ไหน?

ยังดีที่มีป้าหวานคอยยิ้มยืนพื้นรักษาระดับอารมณ์ฮา แซ่เฮไว้

ไม่อย่างนั้นคืนวันที่ 2 เมืองขอนแก่นกระเจิงแน่เธอเอ๋ย

ชิมิ ชิมิ . .

« « Prev : นม อย่าคิดว่าไม่สำคัญ

Next : จดหมายรักจากอุบล » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 มีนาคม 2011 เวลา 20:07

    ของ(ครูบา)เขาดี จริงๆ มาปรมมือแสดงความยินดีเป็นคนแรกในบล็อกครูบา
    แต่ไปแสดงความยินดีในบล็อกเก็บเรื่องมาเล่าของบางทรายมาก่อนหน้านี้แล้ว…..อิอิ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 มีนาคม 2011 เวลา 20:14

    ขอบคุณคร๊าบบบ
    เชียร์กันเอง อิ อิ

  • #3 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 มีนาคม 2011 เวลา 21:28

    ป้าจุ๋มไปหลวงพระบางกับครอบครัวครับตั้งแต่วันที่ 25 ช่วงนี้น่าจะกลับมาแล้วครับ

    ท่านอาจารย์ชยันต์ วรรธนภูตินั้น ท่านชุบชีวิตผมขึ้นมาจากท้องร่องครับ เพราะหลัง 14 ตุลานั้น ผมทำงานชนบทที่สะเมิง และโดนทางการกระทำมากมายหลายอย่าง ท่านอาจารย์ชยันต์ลงไปลากผมขึ้นมาและปกป้องผมเท่าที่อาจารย์จะมีเครือข่าย และก็ได้ผลจริงๆ ท่านยังชวนผมทำวิจัยชุมชนให้กับ UNRISD จนเกือบได้รางวัลนักวิจัยหน้าใหม่ดีเด่นทำนองนั้น แต่ผมมีปัญหาซะก่อน เมื่อผมย้านฐานทำงานมาอีสานท่านก็ยังตามมาเชื่อมอีก โดยเฉพาะกับ RDI ที่สมัยท่าน มรว. รตอ. รศ.ดร.อคิน รพีพัฒน์เป็น ผอ. และเริ่มเปิดเวทีการวิจัยเชิงคุณภาพขึ้นในเมืองไทยจนทุกวันนี้…….

    นักสังคมศาสตร์ในเมืองไทยต้องรู้จักท่าน เพราะท่านเป็นคนแรกๆที่กล่าวถึง กระบวนการ การผลิตซ้ำ (Reproduction) ที่มหาวิทยาลัย Stanford นั้นผลิตนักสังคมศาสตร์ดีดีในเมืองไทยหลายท่าน

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 มีนาคม 2011 เวลา 22:23

    โลกมันกลมจริงๆ ผมรู้จักดร.ชยันต์ โดยบังเอิญ
    นานมาแล้ว ซาซากาว่า ญึ่ปุ่น เชิญไปดูงานพร้อมกันที่ฟิลิปปินส์
    สมัยนั้นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ว่าใครเป็นใคร
    จนกระทั้งมายุคหลังๆถึงได้รู้ว่าเรานี่เฉียดฉิวกับจอมยุทธระดับอ๋อง อิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 3.2995300292969 sec
Sidebar: 0.083962917327881 sec