ประเทศไทยในอนาคตจะเป็นฉันใดหนอ
อ่าน: 2729
สายวันนี้ กรรมาธิการรัฐสภา ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า ชวนไปคุยเรื่องปัญหาที่อึกกะทึกครึกโครมในบ้านเมืองเรา เพื่อค้นหาสาเหตุ หามูลเหตุ จากมุมมองของผู้สันทัดกรณีหลากหลายอาชีพที่ได้รับเชิญมาจากที่ต่างๆ งานนี้นักเรียน สสสส1 ไปร่วมด้วยหลายคน อัยการบินมาจากเกาะภูเก็ต หลวงพี่ติ๊กบินมาจากเชียงใหม่เมื่อเช้านี้ อาจารย์ชัญญาบินมาจากขอนแก่น นอกนั้นเป็นพวกที่อยู่ละแวกรอบๆกรุงนี่เอง
นนท์นที สถานที่จัดประชุม ซ่อนอยู่ในแมกไม้ที่จะแต่งไว้ร่มรื่นสวยงาม เป็นที่หลบมุมจากถนนใหญ่กิโลเมตรเศษ ถ้าไม่ได้เอารถส่วนตัวมาเข้า-ออกยากเหมือนกัน TAXI เล่าว่า..พวกดาราชอบแอบเที่ยวมาที่นี่..ดูๆแล้วเหมาะกับการจัดแบบปิดประตูตีแมว ที่พักที่ประชุมร้านอาหารและสปา มีเอกลักษณ์ไทยประยุกต์ เข้าใจว่าอยู่ในช่วงปรับปรุงไปเรื่อยๆ สมาชิกทางไกลจะพักที่นี่ ผมกับหลวงพี่ติ๊กขอกลับมานอนที่เก่าเวลาเดิม
:เมื่อผู้ร่วมสัมมนามาครบแล้ว
มีการแนะนำตัว
หลวงพี่ติ๊กเปิดฉากแนะนำว่า..อาตมาเป็นพระ โธ่ !!
ไม่บอกเขาก็รู้แล้ว
จุดนี้ทำให้ผมคิดถึง“เจ้าเป็นไผมาก”
ถ้าติดมือมาจะเขย่าความคิดได้ไม่น้อย
หลวงพี่เพิ่งกลับจากอังกฤษ มีของฝากและเรื่องดีๆมาเล่าให้ฟังเยอะ ผมชวนคุยไปถึงเรื่องหนังสือ เลยกราบนิมนต์ให้ท่านช่วยเขียนท่านเป็นไผ ท่านก็ออกตัวว่าตอนนี้กำลังเรียนปริญญาเอก 4 วัน/สัปดาห์ ไม่รู้จะเฮฮาออกหรือเปล่า
(เจ้าตัวสี่เหลี่ยมที่เห็นนั่นแหละAIRCARD )
ส่วนท่านอัยการ มาคราวนี้มี Airgard มาอวด บอกว่ารุ่นนี้เตรียมรองรับ3G.ใช้สะดวกแถมประหยัดอีกต่างหาก มีรุ่นราคา 3,800-4,200บาท ถ้าสนใจลองเข้าไปค้นดูที่ TT AIRCARD.COM หรือท่านใดมีข้อมูลดีกว่านี้ก็แนะนำด้วยนะขอรับ อิอิ
การจัดประชุมระดมความเห็นเป็นไปอย่างเรียบง่าย ยกแรกดูว่าประเทศไทยมีสาเหตุอะไร ทำไมบ้านเมืองถึงวุ่นวาย ใครมีข้อคิดเห็นประการใดก็เดินไปเขียนหัวข้อไว้ที่บอร์ด ครบแล้วค่อยมาจับขมวดเข้ากลุ่ม แล้วลงคะแนนกัน..พักรับประทานอาหารกลางวัน แล้วมาต่ออีกในช่วงบ่าย พรุ่งนี้ก่อนเที่ยงน่าจะสรุปประมวลผลได้ว่า คณะที่มาสัมมนาพากันมองอนาคตของประเทศไทยอย่างไร อีก 10-15 ปี คาดหมายว่าประเทศนี้จะมีสภาพการณ์ไปในแนวทางใด
ความเห็นที่ชาวเฮระดมกันไปที่บล็อกของท่านอัยการ มีประโยชน์มาก ผมเสนอว่าน่าจะเป็นวิธีหนึ่งในการจัดประชามติ หรือขอความเห็นจากกลุ่มประชาสังคมอื่นๆ วุฒิสมาชิกเข้าของเรื่องเล่าให้ฟังว่าจะนำไปขยายผลทางทีวี และหาลู่ทางต่อยอดเรื่องนี้ให้กว้างขวางขึ้น
พรุ่งนี้ผมคงไม่ได้ไปร่วมปิดรายการ
คุณสุชาดา เครือญาติสาย SCG.
โทรมาบอก จะมารับไปกินข้าวเที่ยง
หารือกันเรื่องที่จะยกขบวนลงไปที่สวนป่า
วันที่ 24-27 เดือนนี้
เย็นพรุ่งนี้ถ้าไม่ติดอะไรอีกผมก็จะกลับบ้าน
มีนัดประชุมกับผู้ทรงคุณวุฒิ
เรื่องทิศทางมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
วันที่11 มิถุนายน ศกนี้
พักนี้เจอแต่เรื่องทิศทาง
แสดงว่ามีปัญหาซ้ายหันขวาหันกันเสียก็ไม่รู้
อิ อิ
Next : คนที่ถามหาเจ้าเป็นไผ » »
9 ความคิดเห็น
มองหา ไม่เห็น ความเห็น โธ่ๆๆ
วันนี้ ความคิดของกลุ่มเฮฮาศาสตร์ได้ออกอาละวาดให้เป็นที่สนใจของท่านประธานอนุกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความสมานฉันท์ทางการเมืองของสังคมไทย (ท่านตวง อันทะไชย) ผมนั่งทานข้าวกับท่าน ท่านขอบทความกับข้อคิดเห็นของกลุ่มเฮฮาศาสตร์มาประมวลเนื่องจากท่านอยากจะให้มีการแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางที่ยังเป็นช่องว่างคือ การแสดงความคิดเห็นทางอากาศ(พูดผ่านโทรศัพท์จากท้องนา…ท้องไร่) ทางอินเทอร์เน็ต ก็ฌป็นอีกทางหนึ่งที่ท่านอยากรับฟังความคิดเห็น
ปิดท้ายในวันนี้เล่าให้ฟังถึงบทความของน้องเบิร์ดเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์กับของอาจารย์แม่หลินฮุ่ยเกี่ยวกับการวางแผนอนาคตเกี่ยวกับผลิตผลทางเกษตรกรรม อึ้งครับอึ้ง…นี่แหละที่เขาต้องการ
บทความของพี่บางทรายก็เท่ห์ไม่หยอก พรุ่งนี้คงมีโอกาสฉายขึ้นจอ ให้เห็นว่าศักยภาพของพวกเรามีอย่างไร
ทฤษฎีลูกตุ้มนาฬิกาของท่านจอมป่วนก็ได้นำเสนอแล้ว ความคิดเห็นของป้าจุ๋ม ท่านรอกอดก็ตรงกับที่ประชุมโดยเฉพาะเรื่องความไว้วางใจ,ผลประโยชน์ส่วนตัว
พรุ่งนี้อีกครึ่งวันครับ แล้วไปพบนายกฯชวน หลีกภัย เพื่อฟังท่านคอมเม้นท์เรื่องร่างรายงานภาคใต้ที่กลุ่มผมทำอยู่ครับ
มาแ๊ร๊วอิอิ ขอให้หลับฝันดีนะคร๊าบบบบบบบบบบบ
ที่นี่ คลับคล้ายคลับคลาว่าลุงเอกเคยพาไปกินข้าวครั้งหนึ่งครับ แต่ไม่ได้ปิดประตูตีแมว ฮา เพราะกินกันริมคลอง
ติดตามอ่านเรื่องค่ะ
วันนี้ฟังเรื่องเจ้าหน้าที่อำเภอแกล้งดองเรื่อง
ต่อด้วยเรื่องชวนปวดเฮดในคณะ
สิ่งที่มองเห็นนะคะครูบาคือ เมื่อไหร่ที่มีไอ้บ้ากลุ่มหนึ่งมันบ้าอำนาจ แล้วมันใช้อำนาจเพื่อกลั่นแกล้งคนอื่น จะด้วยวิธีอะไรก็ตาม…ในวงราชการก็ใช้เรื่องขั้นเงินเดือน ในการปกครอง การเมืองก็ใช้เรื่องกดดันข่มเหงรังแก
มันก็ทำให้คนที่ถูกกระทำอยากโต้ตอบเอาคืนเพราะเหลืออด…อย่างเถื่อนๆ ก็คือทำวิธีที่ถูกกระทำนั้นแหล่ะ เพื่อหาทางเอาคืนไอ้บ้ากลุ่มนั้น…กลายเป็นไอ้บ้ากลุ่มใหม่ มองไม่เห็นความดีความงามที่สะสมเอาไว้แล้ว กะว่าเอาคืนได้ก็ต้องครองอำนาจต่ออีกไม่งั้นถูกเอาคืนกลับ
จะให้สมานฉันท์ได้ ไม่ใช่ให้ไอ้บ้าสองกลุ่มมาจับมือลงคำมั่นสัญญา เพราะต่างก็เห็นหางโผล่ ส่วนวิธีใช้อำนาจเหนือกว่ามากำหลาบทั้งสองกลุ่ม ได้ผลชั่วคราวแหล่ะค่ะ
หาวิธีให้คนรอบวงไอ้บ้าทั้งสองกลุ่มมีอำนาจเหนือกว่าคือไม่ยอมให้มีกลุ่มไอ้บ้าคนไหนมีสิทธิเหนือคนอื่นดีกว่า พัฒนาคนรอบๆ วงมั่งซิคะ
ทุกวันนี้ทุ่มพลังให้กับการแก้ไขความบ้าดีเดือดด้วยตัณหาของไอ้บ้าต่างๆ ไปเท่าไหร่แล้ว แต่ยังไม่เห็นจะใช้พลังในการคุ้มครองและดูแลคนรอบวงเลย
เหมือนๆเวลามีคนป่วยโรคอะไรสักอย่างสักคน ทุกคนก็ทุ่มพลังไปจับตาเฝ้าระวังนับจำนวนคนเป็นโรคกับคนตาย ไม่เห็นจะทุ่มพลังไปดูที่ไม่ตายแต่รอดหรือไม่ป่วยทั้งๆที่อยู่ในบริเวณเดียวกันเลย….แล้วมันจะไปเรียกว่าดูแลแบบมนุษย์เป็นศูนย์กลางได้อย่างไงก็ไม่รู้ เห็นแต่ดูแลโรคเป็นศูนย์กลาง เหมือนๆ ดูแลโหมพลังให้กับคนบ้าอำนาจเป็นศูนย์กลางมากกว่าคนปกติหรือคนที่กำลังร่อแร่จวนจะบ้า หนำซ้ำกลับปล่อยให้คนที่ถูกไอ้บ้าพวกนั้นมันลุกล้ำใช้สิทธิเกินขอบเขตต้องเผชิญวิบากตามลำพังเพราะดั้นไปมองว่ามันยังไม่บ้า…ยังไม่ต้องรักษา….ซะงั้น
พลังคุณธรรม ความดี ต้องออกแรงมากขึ้น มิใช่เป็นเพียงพลังเงียบ ปล่อยให้อันธพาลในคราบผู้ดีมาลาก ถู ผลักสังคมเราบิดเบี้ยวไป จนคนที่ไม่มีสติหลงไปว่าโลกเราเบี้ยวจริงๆ
ความดี ต้องแสดงพลัง ให้มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นครับ จึงจะเข้ามาคัดหางเสียสังคมให้หันไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ถ้ามีบางเรื่องที่ไม่กล้าพูด (เลยไม่พูด) มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ อิอิ
หลักการทำงานของกลุ่มผลประโยชน์และอำนาจ
ถ้ามีอำนาจควบคุมการทำบัญชีต้องห้ามมีอำนาจจับจ่าย
ถ้ามีอำนาจการจ่ายห้ามทำบัญชี
และทั้งสองกลุ่มต้องดูแลโดยกลุ่มคนที่มีอำนาจเหนือกว่า คือการกำหนดนโยบาย
ฉะนั้น ทั้งสามกลุ่มอำนาจต้องดูแลซึ่งกันและกัน
ทุกวันนี้ การเมืองสามารถกำหนดทั้งนโยบาย อำนาจ และการเงิน
ทุกสายทางก็มุ่งการเมือง
โดยการทุ่มสู่ธุรกิจการเมือง
ด้วยวิถีทางทุกๆทางเพื่อให้มาซึ่งอำนาจทั้งสามกลุ่มคือเป็นนักการเมือง โดยไม่คำนึงว่าจะได้มาด้วยเช่นใด
วิธีสกปรกและการต่อสู้เพื่อให้ได้มาจึงสามารถอธิบายได้โดยไม่ยาก
กติกาต่อไปจึงต้องแยกออกให้ได้ (รัฐธรรมนูญ)
สมานฉันท์เป็นวิธีที่ทำให้กลุ่มผลประโยชน์ ฮั้วกันได้เท่านั้นเอง ซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาการเมืองที่สกปรกได้
ฉะนั้น การแก้ปัญหาทุกปัญหาของบ้างเมือง หรือการเมือง ไม่สามารถแก้โดยนักการเมือง
สรุปคือ ให้นักการเมืองแก้ปัญหาการเมืองที่มีปัญหาไม่ได้
และต้องแก้โดยประชาชนที่ซึ่งได้รับผลจากนักการเมือง