ตะกูหรือจะสู้เอกมหาชัย
อ่าน: 10687(ต้นตะกู เคียงคู่ ต้นเอกมหาชัย)
งานปลูกต้นไม้
น่าจะเป็นกิจกรรมประจำก๊วนของคนแซ่เฮ
ที่ผ่านมาเราปลูกตันไม้ร่วมกัน
ฝากเมล็ด และต้นไม้ ให้แก่กัน
ทุกคนรู้สึกชื่นมื่นที่ได้ร่วมกิจกรรมนี้
ผมในฐานะเจ้าภาพ ทั้งเสนอและสนอง
ทั้งเพาะ ทั้งปลูก ฝากปลูก และยุให้ปลูก
ปีนี้ฤกษ์ดี เทพบันดาลฝากไผ่กิมซุ่งมาให้
ครูวุฒิฝากไผ่บงบ้าน มาให้
ท่านบางทรายเอาสะตอ มาให้
ป้าจุ๋มเอาต้นเอกมหาชัย มาให้
อาจารย์หลินฮุยฝากเมล็ดทับทิม มาให้
อาจารย์สร้อยเพาะทับทิม มาให้
อารามเอามะม่วง และเมล็ดน้ำเต้า เมล็ดฟักข้าว มาให้
ช่วงเฮฮา6 ชาวเฮมาปลูกต้นเอกมหาชัย
ปีนี้เพาะๆๆ ได้3หมื่นต้น
ปลูกๆๆ ไปหลายร้อยต้น
ลงแปลงสาธิตเรียบร้อยไปแล้วหนึ่งแปลง
ปีนี้กระแสค้นตากูมาแรง
ไปที่ไหนๆก็มีป้ายมีคนถามถึงและมีคนปลูกทั่วไป
ในความคิดผม ต้นอะไรก็ดีทั้งนั้น ขอแต่ให้มนุษย์ช่วยกันปลูก
แต่..ถ้าจะมามองถึงประโยชน์ตามวัตถุประสงค์หรือกระแสโฆษณาแล้ว
น่าจะต้องทำการวิจัย
ผมจึงปลูกต้นตากู คู่ขนานกับเอกมหาชัย
พูดไปก็อาจจะเป็นการเข้าข้างตนเอง
เพราะประเมินตามความรู้แค่หางอึ่งที่ผมรู้จักไม้2ชนิดนี้
จุดเด่นต้นตากู โตเร็ว เหมาะเป็นไม้ปลูกเบิกนำ เป็นไม้พี่เลี้ยง ไม้เสริมสภาพแวดล้อม การใช้ประโยชน์คงไม่ตรงกับที่โฆษณา ที่บอกว่าทำเยื่อกระดาษ ทำถ่าน ทำฟอร์นิเจอร์ ทำได้แต่คุณภาพไม่ดีนัก คนไทยสมัยก่อนไม่เป็นที่นิยมเอามาใช้สอยในเรื่องดังกล่าว
จุดเด่นของต้นเอกชัย ปลูกง่าย โตเร็ว ทนความแห้งแล้ง เป็นไม้ตระกูลมะกอก เมล็ดบีบทำน้ำมันเชื้อเพลิง ทำเนยเทียม น้ำคั้นที่ได้จากเปลือกนอกทำเครื่องดื่มสนุนไพร กิ่งก้านเยอะ ตัดหมุนเวียมาทำปุ๋ยและเชื้อเพลิงหุงต้มได้ เนื้อไม้แข็งปานกลางทำเครื่องเรือนได้ดี
ถ้าใครปลูกเยอะๆก็เท่ากับมีต้นปัมน้ำมันส่วนตัว
ถ้าราคาน้ำมันขึ้นลิตรละ150 บาทจะหนาว!
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ปลูกดูดีที่สุด อิอิ..
« « Prev : ข้อสังเกตกลุ่มงานบล็อกBlog
8 ความคิดเห็น
จะว่าไปแล้ว ….ไม้ ….. เป็นวัสดุที่ใช้แล้วสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Renewable) โดยการนำกลับมาใช้ใหม่นั้น อาจไม่จำเป็นต้องใช้วิธีรีไซเคิลก็ได้ เพราะถึงแม้มันจะถูกเผาทำลาย หรือย่อยสลายไปแล้ว ก็สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกโดยผ่านกระบวนการที่เรียกว่าวัฏจักรคาร์บอน (Carbon Cycle) นั่นคือการปลูกป่าเพื่อดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศกลับมาให้เป็นไม้อีก ไม้จึงเป็นวัสดุที่ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ เมื่อเทียบกับปูนซีเมนต์ ที่ปัจจุบันเป็นตัวการในการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศในปริมาณสูงถึง 5-10 เปอร์เซ็นต์ของการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกิจกรรมทุกอย่างของมนุษย์ ทำให้ปัจจุบันอุตสาหกรรมผลิตซีเมนต์พยายามคิดค้นซีเมนต์แบบใหม่ โดยเฉพาะนาโนซีเมนต์ซึ่งจะช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศ สำหรับวัสดุอย่างไม้นั้น นาโนเทคโนโลยีสามารถนำมาใช้ปรับรูปโฉม เพื่อให้มันมีคุณสมบัติที่ดีขึ้น สามารถใช้งานได้กว้างขวางขึ้น เพื่อที่จะได้เข้าไปแทนที่วัสดุอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็น โลหะ พลาสติก เซรามิกส์ ซึ่งใช้พลังงานค่อนข้างมากในการผลิต (การใช้พลังงานมากในการผลิต ย่อมหมายถึงการต้องเผาถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ หรือน้ำมัน เพื่อนำมาผลิตกระแสไฟฟ้านั่นเอง) การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไม้ให้มีความพิเศษ ด้วยนาโนเทคโนโลยี นอกจากจะทำให้ได้ผลิตภัณฑ์หลากหลายไปใช้งานและช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังอาจช่วยให้เกิดความยั่งยืนด้านพลังงานอีกด้วย เพราะพืชเป็นเทคโนโลยีที่เก่าแก่และทรงประสิทธิภาพที่สุดในการดึงพลังงานจากแสงอาฑิตย์มาใช้งาน นาโนเทคโนโลยีอาจจะช่วยในการหาหนทางใหม่ๆ ในการนำเซล์ของพืชมาใช้เก็บเกี่ยวพลังงานจากแสงอาฑิตย์
ความเห็นจาก Smart Farm in Thailand
i-SENSE Technology
ตามพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) การปลูกต้นไม้ สามารถจะนำคาร์บอนเครดิตไปขายได้ครับ การขายคาร์บอนเครดิต จะมีผู้ตรวจสอบ และวัดกันที่น้ำหนักของเนื้อไม้ ดังนั้น ไม้ยืนต้นที่มีน้ำหนัก จะขายเป็นคาร์บอนเครดิตได้ดีกว่าไม้ล้มลุก
หมายเหตุ: ต้นไม้ใช้กระบวนการสังเคราะห์แสง เปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์ไปเป็นเซลลูโลส คือเนื้อไม้/เปลือกไม้แข็งๆ ครับ
สิทธิ และ เสียง ของประเทศด้อยพัฒนา ยังไม่พัฒนาต่อไป ทั้งๆที่สิ่งที่ทำเป็นประโยชน์ เงื่อนไขที่นำไปสู่การเฉลี่ยประโยชน์ยังยักแย่ยักงั้น แต่เราปลูกกันไว้ก่อน ให้มากๆเข้าไว้ ทุกอย่างจะสดใสทั่วไทยแลนด์
สนับสนุนให้มีการปลูกต้นไม้ ให้มากๆเลยค่ะ
การปลูกต้นไม้นี่ดีนะคะช่วยลดโลกร้อน ให้อากาศบริสุทธิ์ ถ้าคนไทยปลูกต้นไม้ได้เยอะๆอย่างนี้ก็จะดีมากเลย เมืองไทยคงจะเขียวขจีเหมือนเมื่อก่อน
ซื้อที่ดินแถวหนองพลับมา60ไร่ ปีหน้ากะว่าจะปลูกต้นไม้ แต่ยังไม่รู้ว่าจะปลูกอะไรดี ช่วยแนะนำหน่อยครับ ขอท่านผุ้รู้แนะนำด้วยครับ
อยากปลูกต้นเอกมหาชัยบ้าง ขอปันซื้อบ้างได้ไหมคะ
มาเป็นตาปลูกแท้หนอ พ่อครูคะ