ทะเลาะกันไปทำไม

5 ความคิดเห็น โดย sompornp เมื่อ มิถุนายน 24, 2010 เวลา 23:09 ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, การจัดการความไม่รู้, ตามจริต, เรื่องเล่า #
อ่าน: 1070

หลาย ๆ ครั้งที่ประเด็นในการทำงานร่วมกันของความเป็นหัวหน้ากับลูกน้อง กับเพื่อนร่วมงานย่อมหลีกหนีความไม่เข้าใจ นำไปสู่การทะเลาะกันในการงานก็เป็นได้  ประเด็นที่จะกล่าวถึงไม่ใช่มองหาประเด็นว่า มันเกิดขึ้น เพราะอะไร แล้วจะแก้ไขอย่างไร  แต่วันนี้จะขอเล่าเรื่องการกลับเข้ามาดูในใจตัวเองทุกครั้งที่มีประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้น

การวางอารมณ์ไว้ภายนอกกายและใจ เป็นสิ่งที่ปฏิบัติยาก  แต่มันก็เป็นเรื่องที่พยายามที่จะเรียนรู้ทุกครั้ง เมื่อเกิดภาวะนี้ เพียงเราเริ่มต้นที่เมื่อมีเหตุเกิด มันเกิดจากความเข้าใจ ความต้องการของบุคคลนั้น ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความเข้าใจกับความต้องการของเรา  ซึ่งถามว่าผิดไหม จริง ๆ มันไม่มีผิด ไม่มีถูก  เพราะสิ่งที่เรามองนั้นเป้าหมายมันต่างกัน  จึงพยายามเรียนรู้ที่จะเข้าใจ  และถ้ามีโอกาส ก็จะรับฟังและถ้าต้องการคำอธิบายก็จะลองแลกประเด็นกัน  แต่ถ้าใจแต่ละคนไม่เปิด ที่จะยอมรับฟังกัน  สิ่งที่จะก่อประโยชน์ก็จะไม่เกิดขึ้น  บางครั้งอาจต้องการเวลา และโอกาส ซึ่งรวมถึงพื้นที่ปลอดภัย ที่จะร่วมเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

จึงเริ่มเข้าใจว่า แล้วเราจะทะเลาะกันไปทำไม

เรียนรู้เป็นเด็กอนุบาลอีกคนตาม อ.สร้อยค่ะ

 

รูปนี้ยืมน้องบ้านมกรามาค่ะ

Post to Facebook


เรื่องสืบเนื่อง(ก็แล้วกัน)

อ่าน: 1212
  • - หัวหน้าเต้นไปกับท่าน ๆ หรือเปล่า ทำไมไม่เป็น back ให้น้อง ๆ อะไรก็รับมา แบบนี้น่าจะไม่มีความสุขนะ (อืม…..1 ดอก)
  • - แล้วที่มาทำงานก่อนเวลานี่ห้องอื่นเขาทำกันหรือเปล่า หรือว่าที่ไหนขอ(บังคับ)ได้ก็ขอ แต่ที่ไหนไม่สามารถจะทำได้ก็เว้นไป (อ่อนไหนแทง แข็งไหนเว้นนั่นแหละ…อิอิอิ  ดอกที่  2 )
  • - อยากรู้เป้าหมายของการมาทำงานก่อนเวลานี่คืออะไร เพราะส่วนงานที่เราให้บริการที่เป็นงานต้องติดต่อในเวลาราชการอยู่แล้ว ถ้าเป็นส่วนที่สนับสนุนการเรียนการสอนก็เป็นอีกเรื่อง
  • @#%$@$%&^$$#%FGYT&$@$$#%$
  • จากเรื่องเล่าเมื่อวันวาน มีข้อสรุปที่ได้เรียนรู้คือ

    1) เริ่มแรกรู้สึกเดือด ๆ ๆ ในใจ หัวหน้าไม่ใช่กระโถนนะเฟ้ย หัวหน้าก็ทำตามหน้าที่นะ ไม่เคยที่รับปากมาโดยที่ไม่ถามความคิดเห็นลูกน้องหรอก  แต่จะพูดให้แรงแล้วได้อะไร ถามใจตัวเอง ระหว่างฟังเป็นระยะ ๆ ว่ารู้สึกอย่างไร ตัดสินไหม พิพากษาไหม ก็ค่อย ๆ ปลดทีละล๊อค ๆ ๆ อืม ความรู้สึกเดือด ๆ ก็เย็นลง ๆ ๆ ก็อธิบายด้วยเสียงที่ไม่(ค่อย)ดัง ทำให้ได้เรียนรู้อีกครั้งว่า การฟังอย่างไม่พิพากษา ไม่ตัดสินนั้น มันช่วยให้อะไร ๆ ดีขึ้นจริง  อธิบายแล้ว คุยกันแล้ว ว่ากันแล้ว ก็ประเมินเองว่า ถ้าทุกคนรู้หน้าที่ตัวเอง ไม่เทียบเคียงคนอื่น มันก็สุขได้โดยเริ่มจากใจเรานั่นแหละ  ก็หวังว่าจะเห็นทางสว่างกันบ้างนะ(อันนี้คิดให้ตัวเอง) อุอุอุ

    2) ประเด็นที่ 2 นี้ ได้อธิบายว่า ทำไมเราต้องเทียบกับคนอื่น เราเทียบกับหน้าที่เราไม่ได้หรือ เรามีหน้าที่อะไร แล้วหน้าที่ที่เราทำนั้น ทำได้ไหม มันเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติหรือเปล่า  แล้วมาปรึกษากันนี่ ก็จะถามว่าจะทำไหม สรุปคือ ไม่ทำ ก็รับไปเพื่อสรุปเสนอท่าน ๆ ว่าต่อไปเราจะทำอย่างไร (ตอนนี้ยังไม่ได้เสนอ แต่หัวหน้ามาทำงานก่อนแปดโมงแทน…เพื่อดูสถิติว่า เช้า ๆ มันมีกิจให้ต้องทำอะไรบ้าง…ลองสักตั้งคร๊าบพี่น้อง….อิอิอิ)

    3) ประเด็นนี้ เป็นคำถามเฮงซวยหรือเปล่าไม่รู้  แต่จริง ๆ บทบาทหน้าที่ตัวเองก็ต้องรู้ว่าเราทำหน้าที่อะไร  แต่การที่ไม่รู้ตัวเองนี่ อธิบายตรง ๆ ก็ไม่เข้าใจ อธิบายแบบออฟไซด์ก็จะแรงไป ก็ถามว่า ตำแหน่งของแต่ละคนคืออะไร การที่เราไม่มาทำงานตรงเวลานั้น มันกระทบใครบ้าง แล้วคนที่ต้องทำหน้าที่แทนนั้นมันกระทบกับภารงานประจำอะไรหรือเปล่า @#@$%#$%#@^%R!^ ก็เปิดประเด็นคุยกันยาว  สุดท้ายมาจบลงประเด็นที่ว่ามันก็ไม่มีปัญหาอะไรกันนี่  ก็เลยตั้งคำถามว่า แล้วที่เราบอกว่ามันไม่มีปัญหาทำไมเราต้องมีอะไรในใจว่าคนนั้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้  มันเป็นเพราะเราไม่รู้หน้าที่ตัวเองต่างหากล่ะ  แล้วถ้าทุกคนรู้หน้าที่ตัวเอง มันก็จะทำงานให้เกิดความสุขกันได้ อย่าเอารารมณ์เป็นตัวตั้งเลย  งานต่างหากล่ะ เลิกเหอะ การคิดเล็กคิดน้อย หยุมหยิม พิพากษากันว่าคนนั้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้โดยไม่ดูแลตัวเอง วงก็จบการสนทนาตรงที่ อืม….เราไม่ได้มีปัญหากันนิ  แล้วเราคุยอะไรกัน  หัวหน้าสรุปเองว่า เออ….มันอาจจะต้องคุยกันบ่อยแล้วกระมังนี่ อิอิอิ

     

    การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันในหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบที่มากกว่าคนอื่น “การฟัง” เป็นสิ่งที่สำคัญทีเดียวค่ะ

    Post to Facebook


    ว่าด้วยเรื่อง “อ่อนไหนแตง แข็งไหนเว้น”

    8 ความคิดเห็น โดย sompornp เมื่อ มิถุนายน 22, 2010 เวลา 23:09 ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, การจัดการความไม่รู้, ตามจริต, เรื่องเล่า #
    อ่าน: 1287

    สืบเนื่องจากการเสนอแฟ้มมาถึงเรื่องเวลาการทำงานของงานบริหารทั่วไป (จริง ๆ มันน่าจะตั้งให้เข้ากับงานที่ทำนะว่า “บริหารไปทั่ว” มากกว่า (คริคริ)

    อันเนื่องมาจากการตัดสินใจของท่าน ๆ ว่า งานบริหารทั่วไป เป็นงานหน้าด้าน เอ้ย หน้าด่าน ต้องให้การต้อนรับปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ก่อนที่จะไปถึงหน่วยงานต่าง ๆ (จริงหรือเปล่าไม่รู้นะ)  ดังนั้น ท่านจึงเสนอให้มีบุคลากรมาทำงานในเวลา 08.00 น. (เวลาราชการ 08.30 - 16.30 น.  ซึ่งจริง ๆ ก็มีคนมาทำงานก่อนและกลับเย็นก็พอมี) เพื่อจะได้รอประสานงาน ตอบคำถาม หรืออะไรอื่นจิปาถะที่จะเป็นการอำนวยความสะดวก  มาตกลงกันที่พี่คนหนึ่งอาสาว่าจะมาทำงานในเวลา 08.00 และกลับก่อนได้คือ 16.00 น.  แต่พอถึงจริง ๆ ก็มีอันต้องมาตรงเวลาบ้าง ไม่ตรงบ้าง แล้วคนที่จ้อง ๆ จะจับผิดมันก็มีว่า ไอ้คนนี้จะมาตรงเวลาจริงหรือเปล่า  ประจวบเหมาะกับวันไหนมาทำงานตามเวลา มันก็ไม่มีอะไรให้ต้องประสาน ต้องแก้ไข  แต่ถ้าวันไหนมาไม่ตามเวลา มันก็ต้องมีอันเป็นไป ซึ่งเหมือนกันว่ามันเป็นกฎแห่งการดึงดูดให้มาปฏิสัมพันธ์ในวันที่ไม่เอื้ออำนวยทั้งหลาย  ดังนั้น  จึงได้ประชุมงานบริหาร (เฉพาะห้องธุรการ 8 คน) ว่า ถ้ามาทำงานหลังเวลา 08.00 น. และท่าน ๆ มีข้อปรารภมาว่า จะบริหารจัดการอย่างไร  จึงได้พูดคุยกันอย่างเปิดใจ ปะทะคารมกันเป็นธรรมดา ได้บริหารให้เลือดสูบฉีด (ดีนะที่เป็นตอนบ่าย เพราะเปิดแอร์เย็นฉ่ำไว้รอแล้ว…แต่ตอนนี้รู้สึกปวดท้ายทอยนิด ๆ อาจเป็นผลข้างเคียงจากเลือดสูบฉีดไวไปหน่อย…อิอิ)  หลังจากเปิดใจแล้วก็มีข้อสังเกตจากพี่น้องว่า

    • - หัวหน้าเต้นไปกับท่าน ๆ หรือเปล่า ทำไมไม่เป็น back ให้น้อง ๆ อะไรก็รับมา แบบนี้น่าจะไม่มีความสุขนะ (อืม…..1 ดอก)
    • - แล้วที่มาทำงานก่อนเวลานี่ห้องอื่นเขาทำกันหรือเปล่า หรือว่าที่ไหนขอ(บังคับ)ได้ก็ขอ แต่ที่ไหนไม่สามารถจะทำได้ก็เว้นไป (อ่อนไหนแทง แข็งไหนเว้นนั่นแหละ…อิอิอิ  ดอกที่  2 )
    • - อยากรู้เป้าหมายของการมาทำงานก่อนเวลานี่คืออะไร เพราะส่วนงานที่เราให้บริการที่เป็นงานต้องติดต่อในเวลาราชการอยู่แล้ว ถ้าเป็นส่วนที่สนับสนุนการเรียนการสอนก็เป็นอีกเรื่อง
    • @#%$@$%&^$$#%FGYT&$@$$#%$

    ขอเบาะ ๆ แค่สามประเด็นนี้ก็ให้มีการเปิดอภิปรายอย่างกว้างขวา ง  พรุ่งนี้จะมาสรุประเด็นให้ฟังนะจ๊ะ

    วันนี้อารมณ์เสียแล้วแระ อิอิอิ

    ฝันดีนะจ๊ะ

    Post to Facebook


    ว่าด้วยเรื่อง “การเสนอแฟ้ม”

    9 ความคิดเห็น โดย sompornp เมื่อ มิถุนายน 21, 2010 เวลา 16:57 ในหมวดหมู่ การจัดการความไม่รู้, ตามจริต #
    อ่าน: 2095

    เคยนั่งวิเคราะห์งานว่า ตำแหน่งหัวหน้างานบริหารทั่วไปนี่ ภารกิจมันมีอะไรบ้าง (นอกจากด่าลูกน้องไปวัน ๆ …กร๊ากส์) ตัวอย่างเช่น วันนี้ เข้ามาทำงานและได้รับคำสั่งเรื่องการเสนอแฟ้ม ขอให้เสนอเป็นเวลา เพราะท่านรองฯ บอกว่าหลังสี่โมงแล้วยังมีเอกสารเสนออยู่หรือ (อิอิอิ) จึงมาทบทวนว่า เวลาเสนอแฟ้มที่ได้ตกลงกันไว้คือเช้า เวลา 10.00 น. บ่ายเวลาไม่เกิน 15.00 น. จึงบอกให้น้อง ๆ ว่าขอเสนอให้หัวหน้าไม่เกินกี่โมงก็ว่ากันไป

    แต่เนื่องจากการปฏิบัติค่อนข้างจะมีปัญหาพอสมควร เพราะบางครั้งมีประชุมเช้าบ่าย บางครั้งทั้งวัน ทำให้ไม่สามารถเสนอแฟ้มได้ตรงเวลา จึงตกลงกันเป็นการส่วนตัวว่า ถ้าเสนอแฟ้มไม่ทันตามเวลา ขอเสนอเป็นตอนเย็นหลังสี่โมง แล้วท่าน ๆ จะมาดูเวลาไหน (ก็ช่างท่าน) ก็แล้วแต่ เพราะทราบว่าท่านทั้งหลายมาทำงานเช้า ดังนั้น จะได้มีเวลาดูแฟ้มตอนเช้าก่อน น่าจะเป็นการดี เหตุนี้ก็เป็นที่ทราบกันด้วยความเข้าใจ แต่ปฏิบัติไป ชักจะลืม ๆ เลือน ๆ หรือเราเสนอนอกเวลาบ่อยไป จึงเกิดอาการ เปรย ๆ ว่าทำไมเสนอแฟ้มหลังเวลาอีกแล้ว ก็คิดในใจแบบเสียงดังไปว่า ก็ประชุมมันทั้งวันแล้วจะให้ทำอย่างไร คิวประชุมอาทิตย์นี้สำหรับตัวเอง จันทร์ประชุมเที่ยงทานข้าวด้วย อังคารประชุมบ่าย ประชุมในมหาวิทยาลัยอีกคิวหนึ่ง พุธประชุม11.30 น. กินข้าวด้วย พฤหัสประชุมแปดโมงเช้า ศุกร์ประชุมบ่ายโมง นี่ยังไม่รวมว่าไฟฟ้าดับ น้ำประปาไม่ไหล ลิฟท์เสีย แมวขี้เยี่ยวเรี่ยราด คนทำความสะอาดทำไม่สะอาด อาคารตรงโน้นเป็นแบบนี้ คนสวนตรงนั้นเป็นแบบนั้น แอร์เสีย กล่องจดหมายไม่เป็นระเบียบ (โอ้ย….มานมีเวลามานั่งดูกันจัง) 0#@&*%#@!$#$% etc.


    เหตุที่ว่ามานี่ไม่ถึงครึ่งภาระที่มีอยู่ หลาย ๆ ส่วนเป็นมูลเหตุแห่งพิษที่ทำให้สมองอันสร้างสรรค์เกิดหยุดการเจริญเติบโต และมีก้อนแห่งความไม่เบิกบานเข้ามาแทนที่ ก้อนใหญ่ขึ้น ๆ ๆ ๆ ก็อาจทำให้เป็นก้อนแห่งเนื้อร้ายได้ (เอาเข้าไป) กลับมาถึงเรื่องการเสนอแฟ้ม คิดถึงตอนที่เป็นเลขาคณบดีมา 8 ปี ไม่เคยมีปัญหาในประเด็นดังกล่าวเลย เพราะทุกเย็นจะต้องนำแฟ้ม(หลายตะกร้า) ยกเว้นเรื่องด่วน ไปเสนอให้ท่านเซ็นที่บ้าน (แต่ท่านมีเวลาก็เซ็นที่ทำงานนะ) ดังนั้นเรื่องจึงไม่ค้าง และไม่เป็นเหตุให้ต้องเกิดความไม่สบายที่ต้องกระทบกระทั่งกันเลย
    คิดเทียบกับปัจจุบัน สำหรับท่านคณบดีคนต่อมาที่ได้สัมผัส ถ้ามีประชุมท่านก็จะเซ็นตอนเย็น เพื่อไม่ให้มีแฟ้มที่ค้าง ซึ่งท่านก็บริหารตัวท่านเอง อาจจะมีบ้างบางครั้งที่มีปัญหา เราก็ใช้ปิยะวาจาในการเจรจา ท่านก็เข้าใจ บางครั้งมันด่วน(ฉิบหาย) ก็นำไปเสนอที่บ้าน ที่ห้องประชุมในมหาวิทยาลัย ก่อนขึ้นเครื่องก็มี (อิอิอิ) ซึ่งงานแบบนี้ใครไม่กล้า ต้องเอาน้าอึ่งอ๊อบเป็นหน่วยกล้าตายคนเดียว (ถ้าหัวหน้าเป็นจอมป่วนสมัยก่อนละก็….พี่น้องครับ…แฟ้มปลิวแน่ ๆ ๆ )

    กลับมาถึงปัจจุบัน ก็คิดว่า แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหน(ฟระ) จริง ๆ ผู้ที่ปฏิบัติงาน ถ้ามีแฟ้มนำเสนอ ก็เสนอตามเวลา หรือเสนอตามที่งานมีเข้ามา เลขาหน้าห้องจะเสนอเวลาไหน ก็น่าจะเป็นเรื่องการบริหารจัดการของเลขา หรือเลขานุการคณะ รองฯ จะผ่านงานเวลาไหน ก็น่าจะเป็นเรื่องของท่าน ๆ ที่บริหารจัดการเอง ถ้าตัวเองสรุปแล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันน่าจะมาจากการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการเวลา บริหารจัดการอารมณ์ บริหารจัดการความคิดของตัวเอง อืม….แล้วหลาย ๆ ท่านคิดว่าน่าจะมีทางไหนที่จะสร้างสรรค์ให้เป็นทางเลือกว่า “แค่เรื่องเวลานำเสนอแฟ้ม” ยังบริหารจัดการอารมณ์ เวลา และความรู้สึกไม่ได้ ท่านจะไปทำมาหารับประทานอะไรได้มิทราบ อั้นนี้เป็นความคิดด้านลบด้านใน แต่มันถูกลบไปแล้วนะ จะถามท่าน ๆ ว่าการนำเสนอแฟ้มในความคิดของท่านสร้างสรรค์ได้อย่างไรบ้างจ๊ะ

    อิอิอิ….ด้วยความรัก

     

     

     

     

     

     

     

     

    พักผ่อนบ้างก็ดีนะ นอนเลยคร๊าบบบบบบบบ

    Post to Facebook



    Main: 0.57428312301636 sec
    Sidebar: 0.23583984375 sec