ทะเลาะกันไปทำไม
หลาย ๆ ครั้งที่ประเด็นในการทำงานร่วมกันของความเป็นหัวหน้ากับลูกน้อง กับเพื่อนร่วมงานย่อมหลีกหนีความไม่เข้าใจ นำไปสู่การทะเลาะกันในการงานก็เป็นได้ ประเด็นที่จะกล่าวถึงไม่ใช่มองหาประเด็นว่า มันเกิดขึ้น เพราะอะไร แล้วจะแก้ไขอย่างไร แต่วันนี้จะขอเล่าเรื่องการกลับเข้ามาดูในใจตัวเองทุกครั้งที่มีประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้น
การวางอารมณ์ไว้ภายนอกกายและใจ เป็นสิ่งที่ปฏิบัติยาก แต่มันก็เป็นเรื่องที่พยายามที่จะเรียนรู้ทุกครั้ง เมื่อเกิดภาวะนี้ เพียงเราเริ่มต้นที่เมื่อมีเหตุเกิด มันเกิดจากความเข้าใจ ความต้องการของบุคคลนั้น ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความเข้าใจกับความต้องการของเรา ซึ่งถามว่าผิดไหม จริง ๆ มันไม่มีผิด ไม่มีถูก เพราะสิ่งที่เรามองนั้นเป้าหมายมันต่างกัน จึงพยายามเรียนรู้ที่จะเข้าใจ และถ้ามีโอกาส ก็จะรับฟังและถ้าต้องการคำอธิบายก็จะลองแลกประเด็นกัน แต่ถ้าใจแต่ละคนไม่เปิด ที่จะยอมรับฟังกัน สิ่งที่จะก่อประโยชน์ก็จะไม่เกิดขึ้น บางครั้งอาจต้องการเวลา และโอกาส ซึ่งรวมถึงพื้นที่ปลอดภัย ที่จะร่วมเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
จึงเริ่มเข้าใจว่า แล้วเราจะทะเลาะกันไปทำไม
เรียนรู้เป็นเด็กอนุบาลอีกคนตาม อ.สร้อยค่ะ
รูปนี้ยืมน้องบ้านมกรามาค่ะ
« « Prev : เรื่องสืบเนื่อง(ก็แล้วกัน)
Next : อย่าเปิดโอกาสแก่มาร… » »
5 ความคิดเห็น
พี่ที่รัก
หากเราใช้คำว่า “ทะเลาะกัน” ก็อาจมองไปได้หลาย ๆ ระดับ ตั้งแต่ ไม่มองหน้ากัน เสียงดังใส่กัน ใช้คำพูดที่ไม่ดีต่อกัน โต้เถียงกัน …. ไปถึงไม่มองหน้ากัน ไม่สนใจ ไม่….ฯลฯ
อีกมุมหนึ่ง “การทะเลาะกัน” ก็เป็นกระบวนการหนึ่งในการ ปรับ “ขอบเขต” ส่วนตัวของแต่ละคนเช่นกัน ดังนั้นการทะเลาะกันก็มีประโยชน์ให้ทุกคนต้องหันมา “เปิดใจ” มองตัวเองด้วยว่า เอ…เราไปละเมิด personal space ของใครบ้างหรือเปล่า ในขณะเดียวกันก็เป็นการประกาศว่า … personal space ของเรานะ อย่ามายุ่มย่ามกับเรา…ด้วยเหมือนกัน
ดร.วรภัทร์ ท่านบอกไว้ว่า เราต้องฝึกฝืน พัฒนาปัญญาฐานกายให้เข้มแข็งก่อน ฐานใจ ฐานคิดก็จะง่ายขึ้น สมัยก่อนผู้ใหญ่จึงเตือนว่า หากโมโห โกรธให้นับหนึ่ง-สิบก่อนค่อยพูด … นั่นคือกลับมาที่ฐานกาย รู้ตัวที่จะต้องมานับหนึ่ง….สิบก่อน
Don’t woory be happy!!!
ต้นพริกสองต้น ขึ้นเองที่บ้าน มีเมล็ดพริก 3 เม็ด ไม่ยอมออกอีกเลย…
รูปสวยยยยย เรียนตามพี่…ก๊มาเข้าแถวเร้ว …อิอิ พี่เห็นด้วยนะอึ่งอ๊อบ ว่าเรื่องที่เห็นไม่ตรงกันมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ถ้าไม่เอาอารมณ์เป็นตัวเสริมเติมเชื้อไฟ เรื่องก็จบเร็ว แต่ส่วนหนึ่งไม่ใช่…มันกรุ่นๆ เพราะลมบ่อจอยไปซะก่อน พอลมบ่อจอยลมก็ออกหู ..คราวนี้พูดอะไรก็ไม่ได้ยินแล้ว
เรื่องฟังก่อนๆ (บอกตัวเองนะไม่ใช่บอกคู่สนทนา) เลยเป็นประโยชน์มาก
(ปล. ไปปักกิ่ง 5 วัน ไม่ต้องคิดถึงนะ..ฮ่าๆๆ)
นั่นซิเนอะ ทะเลาะกันไปทำไมเหนื่อย ใครอยากจะทะเลาะก็ไม่ทะเลาะด้วย ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา พูดไปเรื่อยๆ ดูซิว่าระหว่างเราสองใครจะอึดกว่ากัน และใครจะเหนื่อยกว่ากัน พอเขาเหนื่อยเราก็พูดคุยกันใหม่ ไม่นานนักก็จะเกิดการเริ่มฟังขึ้น ตานี้ก็จะเริ่มสื่อสารกันด้วยสมองส่วนหน้าได้ค่ะ
แวะมาเยี่ยมเยือนพี่ที่รัก
……
ไม่ได้มาชวนทะเลาะ
หายเหนื่อยหรือยังคะ
เพิ่งเห็นทางสว่างว่า “เ ห นื่ อ ย” สะกดแบบนี้
อิอิอิ