เด็กคนนี้มีดนตรีในหัวใจ….อิอิ
อ่าน: 2200คุณหมอก็ต้องมีเข็มฉีดยาเป็นอาวุธ……คุณครูก็ต้องมีไม้เรียวเป็นอาวุธ…..พันธมิตรก็ต้องมีมือตบเป็นอาวุธ…..รัฐบาลก็ต้องมีคุณธรรมเป็นอาวุธ……..นักเรียนก็ต้องมีปากกาเป็นอาวุธ…..น้องจิเองก็มีขลุ่ยเป็นอาวุธเช่นกันเจ้าค่ะ
เวลาน้องจิไปไหนมาไหนน้องจิจะต้องพกอาวุธไปด้วยตลอด ไม่ใช่มีด ไม่ใช่ไม้ แต่เป็นขลุ่ยคู่ใจที่ครูพินิจ เมฆฉา ครูที่สอนดนตรีไทยน้องจิตั้งแต่ม.1 เป็นผู้ให้น้องจิมา…..
ตอนนี้หนังทางช่อง7 มีหนังชื่อว่า ” ธิดาวานร “…….แม่ก็บอกว่า เหมือนน้องจิเลย….เพื่อนก็บอกว่าเหมือนน้องจิเลย….ไม่เหมือนสักหน่อย น้องจิไม่ใช่ลิงนะ ออกจะเรียบร้อย….เหมือนผ้า(ยับ)ที่พับไว้ หลักฐานก็มีนี่ไง
บอกแล้วว่าไม่ใช่ลิงก็ไม่เชื่อ……..น้องจิรักธรรมชาติมากๆ….ถ้าให้น้องจิเลือกระหว่างไปเดินตากแอร์เย็นๆในป่าคอนกรีต กับ เดินตากแดดอ่อนๆในป่าที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ น้องจิเลือกไปเดินป่ามากกว่า เพราะว่ามีต้นไม้ให้ปีนเยอะแยะเลย
น้องจิยังจำได้ดี…ที่น้องจิไปเฮฮาศาสตร์ครั้งที่ ๕ ที่สวนป่า…น้องจิได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย….โดยเฉพาะด้านเสียงดนตรี ซึ่งเป็นสิ่งที่น้องจิชอบอยู่แล้ว……น้องจินำขลุ่ยไปด้วย แต่ไม่ได้นึกว่าจะเอาไปเป่าอย่างเป็นทางการ กะว่าเป่าเล่นๆสนุกๆ…..แต่การที่น้องจิติดขลุ่ย ขาดขลุ่ยไม่ได้นั้น ทำให้น้องจิได้เรียนรู้สิ่งที่น้องจิไม่เคยคิดว่าน้องจิจะทำได้มาก่อน
ลุงประสาทนำกีต้าร์มา….ลุงบางทรายมอบฉายาให้ลุงประสาทว่า กีต้าร์เทพ…และมอบฉายาให้น้องจิว่า ขลุ่ยนางฟ้า….ลุงประสาทสอนให้น้องจิเล่นขลุ่ยแบบไม่ยึดติดกับตัวโน้ต…เป่าตามจินตนาการของเราเหมือนเราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เราชอบ….เสียงขลุ่ยออกมาเป็นอย่างไรไม่รู้ต้องถาม ลุง ป้า น้า อา ที่ไปฟังน้องจิที่สวนป่าในวันนั้น
ผลที่น้องจิเป่าขลุ่ยอย่างไร้ตัวโน้ตในวันนั้น…ทำให้น้องจิเรียนดนตรีอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นในวันนี้…..เมื่อน้องจิเรียนเอกสังคีตศิลป์ไทย คณะอักษรศาสตร์…..การคิดค้นบทเพลงใหม่ๆ การแต่งพลงนั้นเป็นคุณสมบัติที่นักเรียนทุกคนต้องทำได้…และน้องจิก็ได้เรียนรู้มัน…
น้องจิอยู่กับเสียงดนตรี ไม่ว่าจะสุข หรือ ทุกข์…ทุกท่านเป็นเหมือนน้องจิหรือเปล่าค่ะ…เวลามีความสุขเราก็ร้องเพลง…..เวลามีความทุกข์ เราก็ใช้เสียงเพลงบรรเทารักษาจิตใจของเรา…..เสียงเพลงนั้นมันเกิดมาพร้อมๆกับตัวเรานี่แหละค่ะ มันเกิดมาตั้งแต่หมอตบก้นเราให้ร้องแล้วล่ะค่ะ….
น้องจิเองถ้าขาดเจ้าขลุ่ยเพื่อนยากของน้องจิไปน้องจิคงจะแย่….ตอนอยู่หอคงมีเพียงเสียงขลุ่ยที่คุยกับน้องจิได้ตลอดเวลา……ดังนั้น ดนตรีคือเพื่อนแท้ของน้องจิเลยค่ะ
น้องจิเคยเป่าขลุ่ยให้หมาฟังด้วยนะค่ะ …..หมาหลับเลยแหละค่ะ …..นี่ไงหลักฐาน อิอิ…น้องหมานอนหลับเฉยเลย คงจะชอบฟังเสียงขลุ่ยน้องจิแน่ๆเลย อิอิ…เอ๊ะๆๆ ดูไปดูมา น้องหมาหลับหรือแกล้งตายน้องจิจะได้หยุดเป่า อิอิ 5555++
เสียงขลุ่ยครวญหวนมากับลม….พี่สะอื้นฝืนระทมกล้ำกลืนขืนข่มใจเหงา…ขลุ่ยครางครวญพี่หวนคะนึงถึงเจ้า…ฟังเสียงหริ่งหริ่งเร้า พี่ยิ่งเศร้าไม่วาย…..อิอิ
ดนตรีนั้นคือชีวิต..จังหวะคอยลิขิตให้ชีวิตก้าวไป…แสงสีที่สวยสดใสนั้นเป็นจิตใจที่สดใสเสรี…..
เครื่องดนตรีแต่ละชนิดที่น้องจิเล่นนั้นล้วนแล้วแต่มีความแตกต่างให้อารมณ์ที่แตกต่างกันออกไปเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะเป็น
ซอสามสายช่วยทำให้เราเรียบร้อยขึ้น 55555++
ขิมก็ทำให้น้องจิหวานขึ้นอีกหน่อย…(หรือเปล่า)
ซออู้ก็สื่ออารมณ์เย็นๆๆๆๆ……..นิ่มๆๆๆ…เพราะว่า อู้ๆค่ะ
จะเข้เวลาดีดจะออกแนวแมนๆนิดหนึ่ง อิอิ..เพราะต้องใช้พลังนิ้วมากๆค่ะ
ซอด้วงก็แหลมได้ใจ…สีมากๆแก้วอาจแตกได้ อิอิ
เครื่องดนตรีแต่ละชนิดล้วนแล้วทำให้เรามีอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป…..ถ้าทุกคนติดใจในเสียงดนตรีโดยเฉพาะดนตรีไทยแล้วนั้น…จะรู้ว่าเสียงดนตรีไทยมีเสน่ห์ที่ควรจดจำเลยล่ะค่ะ…อิอิ
บันทึกนี้ก็เลยว่าด้วยดนตรีล้วนๆ……..ดังคำที่ว่า ” ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก “ จริงไหมค่ะ
รักและคิดถึงทุกๆท่านนะเจ้าค่ะ เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ—–>น้องจิ ^_^