กอง 4 หมู่ 4…ตอนเป็นเนตรนารีอากาศ อิอิ

6 ความคิดเห็น โดย น้องจิ เมื่อ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 14:02 ในหมวดหมู่ Uncategorized #
อ่าน: 5192

กอง 4 หมู่ 4…ตอนเป็นเนตรนารีอากาศ อิอิ

                      อดีตที่ผ่านมาไม่ค่อยนานเท่าไหร่….น้องจิอายุได้ประมาณ 14 ปี….น้องจิเรียนวิชาลูกเสือ-เนตรนารี เป็นวิชาบังคับของภาคเรียน

                     โรงเรียนบางลี่วิทยาเป็นโรงเรียนที่ใส่ชุดลูกเสือที่ไม่เหมือนใครในอำเภอ…เพราะว่าเข้าเครือข่ายลูกเสืออากาศ ดังนั้นชุดลูกเสือเนตรนารีของโรงเรียนบางลี่วิทยา จะเป็นสีกรมท่า…เป็นชุดที่เดินไปไหนมาไหนแถวย่านบ้านน้องจิก็จะถามว่าชุดอะไร ทำไมสีนี้ ไม่เคยเห็น….แสนจะภาคภูมิใจที่ได้เป็นเนตรนารีอากาศ

                        

               ลองทายกันดูนะเจ้าค่ะ ว่าน้องจิคนไหน อิอิ ใส่ชุดเนตรนารีอากาศ

                     ครูธวัช เล้าภาษิต(รองผู้อำนวยการโรงเรียนบางลี่วิทยา)….ได้สอนวิชาลูกเสือ-เนตรนารี…วันนั้นครูให้แบ่งเป็นกลุ่ม เป็นหมู่….ครูสั่งให้ลูกเสือ-เนตรนารีเรียงตามลำดับความสูง…..ทุกคนรีบปฏิบัติไม่งั้นจะโดนย่อยืด อิอิ (สั่งได้ทีละ20 เข่าล้าไปเลยเวลาเรียนลูกเสือ)……

                     Dsc01957

                            หน้าตาเอ๋อใช้ได้สมัย 4 ปีก่อน อิอิ สุดยอด!!!!!!!!

                      พอเรียงแถวเรียบร้อยก็สั่งนับเรียงตัวเลข 1-16 แล้วเริ่มนับหนึ่งใหม่….น้องจิเป็นคนนับเลข 16 พอดี แสดงว่า น้องจิสูงเป็นคนที่ 16 ในระดับชั้น อิอิ ก็ภูมิใจว่าเราก็สูง อิอิ

                       แล้วให้แบ่งนักเรียนไปตามเลขที่นับได้ ให้คนที่นับ 1-16 คนแรกยืนไว้เป็นหัวหลัก โอ้ว!! น้องจิยืนเป็นคนที่ 16 พอดีแบบว่า หมู่น้องจิอยู่ริมสุด  …ทั้งหมดมี 4 กอง กองละ 4 หมู่ น้องจิเป็นหัวหน้ากอง4 หมู่เป็นกองที่ได้ฉายาว่า เตี้ยที่สุดในกลุ่มลูกเสือ-เนตรนารี อิอิ (ถึงเตี้ยสุดแต่ก็หน้าตาดีสุดนะไม่อยากจะเอ่ย) 55555++

                       ครูธวัชตั้งคำถามมาว่า….ลูกเสือ-เนตรนารีทุกกองทุกหมู่ วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิต…ลองเอาใบไม้ไปเปรียบเทียบกับชีวิตคนเราหน่อยสิ…..ให้เวลาภายในหมู่ไปคิดมาว่าใบไม้เหมือนกับชีวิตคนอย่างไร…เพื่อนๆน้องจิเขาเป็นคนขี้อายค่ะ…เขาช่วยกันคิดมากๆแบบว่า จิคิดเลย ตอบเลย…โยนภาระมาให้หัวหน้าหมู่ว่างั้น….จำได้แม่นเลย เหอๆๆ อย่างว่าแหละคนหน้าตาดีก็งี้ อิอิ

                        ลูกเสือ กับ เนตรนารี ถูกแยกออกจากกัน….พอถึงเวลาที่ครูธวัชบอกให้หมู่น้องจิออกไปพูดวิเคราะห์ใบเหมือนกับชีวิตคน…น้องจิตื่นเต้นมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้พูดต่อหน้าเพื่อนทั้งชั้นเรียนเลย ปกติจะพูดแค่ห้องเรียนเท่านั้น…แต่เพื่อนๆให้กำลังใจอยู่ (ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการแสดงออก)….

                         น้องจิพูดไปว่า…ใบไม้ก็มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป….เช่นใบมะพร้าว  ใบมะยม ใบมะม่วง ใบมะขาม  ซึ่งแต่ละอย่างก็มีคุณประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป….เช่น ใบมะพร้าวเอาไว้ห่อขนม ใบมะม่วงเอาไว้เล่นขายขนมครก ใบมะขามมาทำยาได้  (ตอบไปอย่างไร้เดียงสา)55555++ นึกแล้วก็ขำเหมือนกัน ตอบไปได้อย่างไร  เหมือนกับชีวิตคนที่ต่างเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม แต่ว่าแต่ละคนนั้นก็มีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป เหมือนกับใบไม้แต่ให้คุณประโยชน์ที่หลากหลาย

                          พอน้องจิพูดจบ เนตรนารีก็ปรบมือให้…ครูธวัชบอกว่า เอาไป 1 คะแนน….หมู่น้องจิเป็นหมู่สุดท้ายในการตอบคำถามเพราะว่า เป็นเนตรนารีกอง4 หมู่ 4 …แล้วครูก็เป่านกหวีดเรียกให้ลูกเสือและเนตรนารีมารวมกัน…ครูธวัชบอกว่า เมื่อกี้กองไหนได้ 1 คะแนน ออกมาตอบให้เพื่อนๆฟังว่าตอบว่าอย่างไร….โอ๊ย!!ทีนี้ไม่ใช่แค่เนตรนารีอย่างเดียวแล้วเจ้าค่ะ น้องจิต้องพูดต่อหน้าลูกเสือด้วย โห!! อายสุด บิดไปก็บิดมา ให้พูดต่อหน้าหนุ่มๆ อิอิ

                          พูดได้ไม่ดีเหมือนตอนพูดต่อหน้าเนตรนารีด้วยกัน….แต่ก็แนวเดียวๆกัน พอพูดจบ ทุกคนปรบมือให้….

                         น้องจิภูมิใจมากกับ 1 คะแนนที่ได้มา เพราะทำให้กอง4 หมู่ 4 ของเราได้ยิ้มแก้มปริ อิอิ….ถึงจะเตี้ยที่สุดในกองเนตรนารี แต่ความสามารถของกอง4 หมู่ 4 ไม่แพ้ใครนะจ๊ะ อิอิ

                           พอนึกถึงเพื่อนๆตอนนั้นแล้ว…ป่านฉะนี้เพื่อนๆจะเป็นอย่างไรบ้างนะ อยากจะกลับไปเรียนเนตรนารีอีกครั้ง มันทำให้เกิดความรักและความสามัคคีกันมากๆค่ะ ต้องคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  รวบรวมความคิดด้วยกัน  สร้างความเสียสละ(แม้จะฝืนใจก็ตาม) อิอิ 

                           ผู้ใหญ่ทั้งหลาย ลองกลับมาเรียนลูกเสือ-เนตรนารีกันใหม่ดีไหมเจ้าค่ะ…เผื่อจะได้เรียนรู้ความรักความสามัคคีกันภายในหมู่คณะ…เรียนรู้ความเป็นผู้นำ ผู้ตาม เคารพการตัดสินใจของคนส่วนมาก และเชื่อฟังผู้นำอย่างมีเหตุผล…..

                            กอง!!!! ตรง……เรียบอาวุธ……อิอิ ยังจำได้ดีกับคำสั่งของผู้บังคับบัญชา อิอิ

                     S7000762ccc

                           เพื่อนๆ…..เฮ้อ!! คิดถึงๆๆๆ……………อิอิ

                           ขอบคุณที่คอยติดตามบันทึกน้องจิเจ้าค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ  เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ——> น้องจิ ^_^


เสียงขลุ่ยสามัคคี…ขอให้แผ่นดินนี้มีแต่สันติสุข

3 ความคิดเห็น โดย น้องจิ เมื่อ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 14:00 ในหมวดหมู่ Uncategorized #
อ่าน: 3656

เสียงขลุ่ยสามัคคี…ขอให้แผ่นดินนี้มีแต่สันติสุข

                  เมื่อครั้งที่น้องจิไปที่สวนป่าในงานเฮฮาศาสตร์ครั้งที่ 5 นั้น…น้องจิได้เป่าขลุ่ยอย่างที่น้องจิได้เล่าให้ฟังในบันทึกเก่าแล้ว….

                  ตอนที่น้องจิเป่าขลุ่ยนั้น ไม่ได้มีแค่เสียงขลุ่ยอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ ยังมีเสียงตะโพน ฉิ่ง กีต้าร์ ชั้นกีตาร์เทพเลยค่ะ   ทุกสิ่งทุกอย่าง ผสมผสาน สอดคล้องกันได้อย่างลงตัว

                  ขลุ่ยคือเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง ที่ใช้บรรเลงโดยการเป่า ทำให้เกิดเสียงตามช่องลมที่ได้ปิดเอาไว้

                  ตะโพน คือเครื่องประกอบจังหวะ มีทั้งหมด 2 หน้าด้วยกัน  มีจังหวะ ท่าง ติง โจ๊ะ จ๊ะ หรืออาจจะมีวิธีการเรียกที่แตกต่างกันออกไป

                  ฉิ่ง คือ เครื่องคุมจังหวะในการบรรเพลงดนตรี มีความสำคัญมาก ผู้ตีต้องใช้ทักษะในการตีและรู้จังหวะเพลงต่างๆ

                  กีต้าร์ คือ เครื่องดนตรีที่ใช้ดีด ทุกท่านคงคุ้นเคยกันดี  มีเสียงที่ไพเราะ (ถ้าดีดเป็น) อิอิ

                  จะเห็นได้ว่าเครื่องดนตรีแต่ละชนิดมีลักษณะ  เสียง รูปร่าง วิธีการเล่น ที่แตกต่างกันออกไป….ถ้าให้เครื่องดนตรีแต่ละชิ้นมาตีเดี่ยวๆชิ้นเดียว ขลุ่ยก็คงจะเป่าไปตามประสาขลุ่ย  เสียงลมของขลุ่ยอาจจะหวานจับใจ แต่ไม่ประทับใจ …..ตะโพน  ให้มาตีเดี่ยวๆ ก็มีแต่เสียงท่าง ติง โจ๊ะ จ๊ะ  ฟังไม่รู้เรื่อง ก็คงจะมันเฉพาะเสียงตะโพนไม่มีเนื้อหา…..ฉิ่ง ให้มาตีเดี่ยวๆ ก็คงจะมีแค่เสียง ฉิ่ง ฉับ แสบหูพิลึก ใครสามารถตีฉิ่งให้เป็นเพลงได้ จะมอบโล่ให้เลยค่ะ ก็มีอยู่แค่เสียงฉิ่งกับฉับ จะเป็นเพลงได้ไหมเนี่ย…..กีต้าร์  ถ้าเล่นเดี่ยวๆ ก็เพราะเสนาะหู แต่ถ้ามีลูกคู่อาจจะมันส์ก็ได้เด้อ

                     เราจะเห็นความหลากหลายของเครื่องดนตรีแล้วใช่ไหมค่ะ….แต่เมื่อเราเอาคุณลักษณะของเครื่องดนตรีที่แตกต่างกันมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว เติมความสมัครสมานสามัคคีของผู้เล่น ใส่ความรักให้กับเครื่องดนตรีในแต่ละชิ้น  ตั้งใจบรรเลงให้ผู้ฟังมีความสุขไปกับเสียงดนตรีที่เราบรรเลงแล้ว    เสียงที่ออกมามันจะเกินบรรยายเจ้าค่ะ

                     ลองมาฟังเสียงขลุ่ยสามัคคีของกลุ่มเฮฮาศาสตร์นะค่ะ  ผู้บรรเลงทั้งหมดมี 4  ท่านด้วยกันเจ้าค่ะ

                    กีต้าร์ (กีต้าร์เทพ) ผู้บรรเลงคือ ครูประสาท  มาจากภาคเหนือ ลุงดีดกีต้าร์คลอไปกับการบรรเลงด้วยเจ้าค่ะ

                    ขลุ่ย (ขลุ่ยนางฟ้า) ผู้บรรเลง คือ โก๊ะจิจัง แซ่เฮ แถมหน้าตาดีอีกต่างหาก 5555++…เป่าไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไหร่ อาศัยเสียงตะโพน ฉิ่ง กีต้าร์ กลบเกลื่อนเจ้าค่ะ อิอิ

                    ฉิ่ง  ( ฉิ่งมือทอง) ผู้บรรเลง คือ ครูพิสูจน์ ใจเที่ยงกุล พ่อสุดที่รักของน้องจิเอง อิอิ  ตีได้สะใจมากๆเจ้าค่ะ ยกฉายาฉิ่งมือทองให้ครูพิสูจน์เลยค่ะ

                    ตะโพน (ขุนพลตะโพนทอง) ผู้บรรเลง คือ นายศุภกิจ เสถียรอินทร์  มาจากโรงเรียนบางลี่วิทยา ตีได้มันส์หยดติ๋งๆเลยเจ้าค่ะ

                                               

                   ชีวิตคนเราก็เหมือนเครื่องดนตรี มีความแตกต่าง มีความสามารถที่ไม่เหมือนกัน  แต่ละสิ่งของเราก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งนั้น แต่มันจะมีประโยชน์มากๆ ถ้าพวกเราใช้ความสามารถของพวกเราร่วมกัน มาร่วมมือที่จะพัฒนาประเทศของเราให้เจริญก้าวหน้าต่อไปเจ้าค่ะ  อย่ามองเพียงตัวเองสบาย แต่จงมองถึงส่วนรวมด้วย ก็เหมือนเสียงดนตรี คนเล่นจะมีความสุข ถ้าคนฟังรู้สึกสนุกไปกับการบรรเลง

                    เมื่อสักครู่รายการถามจริง ตอบตรงพึ่งจบไป …ฟังลุงเอก และผู้ร่วมรายการพูดถึงการแก้ไขปัญหาชาติ  น้องจิว่า แก้ง่ายนิดเดียวถ้าทุกคนเปิดใจที่จะรับฟังซึ่งกันและกัน แต่ปัญหาใหญ่มันอยู่ที่ว่า ใจของแต่ละคน เสริมคอนกรีตก่อเป็นกำแพงแบ่งฝ่ายแบ่งพวก  เราจะทำลายกำแพงนั้นลงได้อย่างไร  ชาติจะไปรอดไหม ถ้าเลือดที่จะไปหล่อเลี้ยงหัวใจถูกกั้นอยู่เช่นนี้

                     เราคนไทยด้วยกัน  ใช้ภาษาเดียวกัน  อยู่แผ่นดินเดียวกัน  จะคุยกันไม่รู้เรื่องเลยหรือค่ะ ….จะให้ชาติใดมาคุยด้วยเล่า…….เฮ้อ!! กลุ้ม  เด็กคืออนาคตของชาติจริงหรือเจ้าค่ะ

                      เรามาสามัคคีกันเถอะเจ้าค่ะ ใช้คำพูดที่เสนาะหูจะได้ไพเราะเหมือนเสียงดนตรีที่ร่วมกันบรรเลง อิอิ  สิ่งที่จะมีความสุขก็คือประเทศชาติค่ะ

                      ขอบคุณทุกๆท่านที่คอยติดตามข่าวคราวและติดตามลุงเอกเจ้าค่ะ…รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ —->น้องจิ ^_^


เรียนรู้ไปกับธรรมชาติ…ผ่านกระบวนการกรองใจ อิอิ

9 ความคิดเห็น โดย น้องจิ เมื่อ 15 ตุลาคม 2008 เวลา 16:28 ในหมวดหมู่ Uncategorized #
อ่าน: 3111
เรียนรู้ไปกับธรรมชาติ…ผ่านกระบวนการกรองใจ อิอิ

             ตั้งแต่วันที่น้องจิพาน้องๆบางลี่วิทยาไปสอบวิชาเฉพาะ…มีครูโย่งกับพี่นาไปคอยดูแลอย่างใกล้ชิด อิอิ จนพี่นาต้องตามมาสุพรรณด้วยเลยเจ้าค่ะ

             การเรียนรู้โดยไร้ตัวหนังสือ…..ไร้พรหมแดน…ต่างวัฒนธรรม…ต่างท้องถิ่นก็เริ่มเกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ…..

            ช่วงออกพรรษานี้ พี่นาบอกว่า ชาวอีสานจะนำต้นข้าวที่ตั้งท้องไปวัดเพื่อเวียนเทียนด้วย…แตกต่างจากแถวบ้านน้องจิตรงที่แถวบ้านน้องจิออกพรรษาไม่มีการเวียนเทียน อิอิ…..

            การกิน…ที่บ้านพี่นาจะใช้ข้าวเหนียวแทนข้าวสุก แต่ชาวภาคกลางใช้ข้าวสุกกัน อิอิ แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่รู้ๆกันอยู่แล้วใช่ไหมค่ะ

            การพูดสำเนียงภาษา…ทั้งน้องจิ น้องโย่และพี่นาต่างได้เรียนรู้ภาษาถิ่นของกันและกัน…พี่นาเว้าลาวใส่เป็นชุด ส่วนน้องจิกับน้องโย่ก็เหน่อใส่…ตอนนี้น้องจิก็พูดอีสานเป็นบางคำ ส่วนพี่นานั้นก็ พูดอีสานเหน่อได้แล้วเจ้าค่ะ

             น้องจิพาพี่นาไปทัวร์ในสวนผัก ไร่มะระ พาลุยไปทั่วทุกทิศและบุกโรงเรียนบางลี่วิทยา เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบางลี่…..ชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินที่บ้านน้องจิ….อิอิ…ทุกสิ่งทุกอย่างคือกระบวนการเรียนรู้ที่ไม่มีตัวหนังสือแม้แต่ตัวเดียว มีเพียงจิตใจที่เปิดกว้างยอมรับและเรียนรู้ไปร่วมกัน

                               Ha6

                               Ha4

              พี่นาได้เรียนรู้วิชาเหาะศาสตร์….จากที่พี่นาไม่ค่อยได้ปีนต้นไม้เลย…วันนี้พี่นาก็แสดงให้เห็นว่าพี่นาได้มาเรียนรู้การปีนต้นไม้จากน้องจิกับน้องโย่ได้สำเร็จแล้ว โดยเมื่อเช้าก่อนจะกลับบ้าน พี่นาได้ขึ้นไปบนต้นมะม่วงพร้อมน้องจิและน้องโย่…(อันสุดท้ายนี่สาระไม่ค่อยจะมี) อิอิ

                                Haha

               น้องจิได้เรียนรู้การขับมอเตอร์ไซค์…พี่นาเก็บได้ทุกช๊อตเลย อิอิ ฮาได้อีก พอเห็นรูปตัวเองทีไรก็อดขำไม่ได้ ทำกันได้ลงนะพี่น้อง

                                Ha26

               น้องจิกับน้องโย่ คุณแม่และคุณป้า ดีใจมากๆที่พี่นามาเยี่ยมที่บ้าน….คุณแม่บอกให้น้องจิเรียบร้อยเหมือนพี่นาบ้างซิ…น้องจิก็เลยตอบไปว่า..น้องจิก็เรียบร้อย(เป็นบางเวลา)….อิอิ…..ตอนนี้พี่นาก็เดินทางกลับไปแล้ว ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะเจ้าค่ะพี่สาวที่น่ารัก

               ธรรมชาติกับมนุษย์…มนุษย์กับมนุษย์….มนุษย์กับสังคม…..สังคมกับธรรมชาติ……ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้จะอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว…ถ้าเปิดใจ ยอมรับซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะมนุษย์กับมนุษย์

               เมื่อเช้าน้องจิฟังลุงสุดที่รักของน้องจิออกทีวีรายการมองรัฐสภา…ลุงเอกพูดได้ดีมากๆในเรื่องของปัญหาสังคมไทยสมัยนี้….

              ไม่มีฝ่ายไหนทำถูกต้องสักฝ่ายเดียว…ตอนนี้ทุกฝ่ายที่กระทำลงไปก็เหมือนจะฆ่าตัวเอง ตัดแขน ตัดขาตัวเอง…แล้วเด็กอย่างน้องจิถามหน่อยว่า…จะทำไปเพื่ออะไร..อย่างไรหรือที่เรียกว่า ” รักชาติอย่างแท้จริง “

                จับมือซิพี่น้อง  …กอดกันซิพี่น้อง….เปิดใจซิพี่น้อง…ยอมรับกันได้ไหมพี่น้อง….พี่น้องเอ๊ยลืมตาซักที…ลืมตามาดูธงชาติของเรามีทั้งหมด 3 สีนะพี่น้อง….แดงคือชาติ  ขาวคือศาสนา น้ำเงินคือพระมหากษัตริย์…..สามสิ่งนี้รวมกันเป็นชาติไทยนะพี่น้องทั้งหลาย

                ข้าวปลาอาหารเมืองไทยก็อุดมสมบูรณ์….จะไปกินกันทำไม หิน ดิน ทราย ถนน ….หันมากินข้าวกินปลากันเถอะ

                 อ้าว!!! แล้วๆๆๆ พูดเล่าเรื่องมีคนหน้าตาดีมาเยี่ยมบ้าน เข้าไปเรื่องการเมืองได้จังได๋…สงสัยเข้าถึงอารมณ์มากไปหน่อย เป็นเสียงเด็กพลังเด็ก ถึงจะเป็นเสียงเล็กๆแต่แหลมนะจะบอกให้ 55555++

                 รักและคิดถึงทุกๆท่านนะเจ้าค่ะ เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ——> น้องจิ ^_^


คิดถึงเพื่อนรัก…อยากเจออีกจัง…อิอิ

ไม่มีความคิดเห็น โดย น้องจิ เมื่อ 15 ตุลาคม 2008 เวลา 16:25 ในหมวดหมู่ Uncategorized #
อ่าน: 1788

คิดถึงเพื่อนรัก…อยากเจออีกจัง…อิอิ

                สวัสดีเจ้าค่ะ….วันนี้น้องจิไปทำบุญมาด้วยเจ้าค่ะ…เผื่ออะไรๆจะได้ดีขึ้น…ตื่นมาแต่เช้า…พี่นาปลุก..รอบแรกพี่นาสะกิดน้องจิก็ตื่น…แล้วบอกให้พี่นาไปอาบน้ำก่อน..(ความจริงน้องจิอยากนอนต่ออีกหน่อย 555++)…พอพี่นาอาบน้ำเสร็จก็มาปลุกน้องจิอีกรอบเพื่อไปทำบุญกัน

                น้องจิ พี่นา น้องโย่ กับคุณป้าก็ไปทำบุญกันในตอนเช้า…ดวงน้องจิเริ่มมาแล้วเจ้าค่ะ….พี่นากับเจ้าโย่ชวนน้องจิไปซื้อไอติมกินกัน…ไปซื้อคนละแท่ง…ปรากฏว่า น้องจิได้ไม้ฟรี 55++…น้องจิเลยได้กินไอติม 2 แท่งเลยแต่กินไม่หมดให้เจ้าโย่ช่วยกิน ดวงดีอันแรก มาแว้วววววววว…..

                 พอน้องจิมาเปิดคอม…ความจริงเน็ตน้องจิยังใช้ไม่ค่อยได้…วันนี้เปิดอ้าวเน็ตเล่นได้ อ้าวดวงเริ่มดี…พอเปิดงานดู..ป๊าดดดดดดดดดดด เจองานซี 8 ที่มันหายไป 555++ เริ่มดวงดี….วันนี้ดีจริงๆ…พอมาเปิดไฟล์อัลบั้มดูก็ปรากฏว่าเจอภาพเพื่อนรักของน้องจิ…คิดถึงอย่างแรง

                อ้าย  ออย  ฝ้าย  น้องนีน่า น้องไผ่ …..เมื่อไหร่จะได้เจอกันอีกน๊า…อยากให้ถึงเฮฮาศาสตร์ 6 ไวๆจังเลย น้องจิจะได้เจอเพื่อนๆ อิอิ คิดถึงๆๆๆ อ้ายโทรมาหาน้องจิบ่อยอยู่เหมือนกัน แต่ออยน้องจิไม่ค่อยได้คุยเลย ส่วนฝ้ายก็เงียบไปเลย ลุงสิงห์จ๋า น้องจิฝากความคิดถึง ถึงฝ้ายด้วยนะค่ะ…..อิอิ 

 

 

          วันเวลาเนิ่นนานเท่าไหร่….ความผูกพันในหมู่มิตรก็ยิ่งล้นเหลือ….เมื่อไหร่จะได้เจอกันจ๊ะเพื่อนจ๋า…(อันนี้คงต้องขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ซะแล้วววว อิอิ)…แต่เดี๋ยวก็คงจะได้เล่นด้วยกันอีก…..อิอิ

            ทุกท่านเจ้าขา…ตอนนี้บ้านน้องจิมีผลไม้เยอะเลยเจ้าค่ะ….เอามาให้ดูเรียกน้ำย่อยกันไปก่อน อิอิ

                                  

 

                  อิอิ…น้องจิกำลังสนุกกับการตกแต่งบันทึกเจ้าค่ะ อย่าพึ่งตาลายกันนะเจ้าค่ะ …อิอิ รักและคิดถึงทุกๆท่านเจ้าค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ—–>น้องจิ


เรียนรู้จากคนรอบข้าง..ด้วยมิตรภาพที่ซึ้งใจ

ไม่มีความคิดเห็น โดย น้องจิ เมื่อ 15 ตุลาคม 2008 เวลา 16:24 ในหมวดหมู่ Uncategorized #
อ่าน: 2045

เรียนรู้จากคนรอบข้าง..ด้วยมิตรภาพที่ซึ้งใจ

                 รากฐานของตึกคืออิฐ  รากฐานของชีวิตคือการศึกษา…อนาคตของเด็กไทยทุกวันนี้ทุกท่านอาจจะคิดว่าเป็นเพราะว่า…เด็กจะต้องเรียนหนังสือมีการศึกษา…แต่สำหรับน้องจิเอง…อนาคตของน้องจิไม่ได้อยู่ที่การศึกษาเพียงอย่างเดียว…แต่น้องจิจะต้องลงมือปฏิบัติจริงได้ด้วย….

                 สมมติว่าเราขับรถไปแรงเร็ว…เกิดเหตุกระทันหันที่จะต้องเบรคเพื่อไม่ให้รถไปชนกับคันข้างหน้า…เราคำนวณได้ว่าจะต้องเหยียบเบรคด้วยความเร็ว 10 m/s แต่เราไม่รู้ว่าเบรคมันเหยียบตรงไหน….ก็คงช่วยอะไรไม่ได้……

                  การเรียนรู้ของเรา..เราก็ต้องเรียนรู้ให้เป็นธรรมชาติ…เป็นตัวของเราเอง…จำเป็นไหมที่จะต้องเปิดหนังสืออยู่ตลอดเวลา…คำตอบของหนูคือ ไม่จำเป็นค่ะ…เพียงแค่เปิดใจ เราก็สามารถเรียนรู้ได้แล้ว…ถ้าเราเปิดใจที่จะเรียนรู้ เพียงก้าวออกจากประตูบ้านก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ให้เราเรียนรู้มากมาย

                 นอกจากเราจะเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นวิชาความรู้เพื่อการพัฒนาตนเองแล้ว…เราจะต้องเรียนรู้วิชาดุ๊กดิ๊กศาสตร์ด้วยเจ้าค่ะ….ดุ๊กดิ๊กศาสตร์คืออะไร..ดุ๊กดิ๊กศาสตร์ก็คือวิชาที่สร้างกำลังให้หัวใจของเราไงเจ้าค่ะ…อิอิ

                  เมื่อวานนี้มีรุ่นน้องจากโรงเรียนบางลี่วิทยา…มาให้น้องจิช่วยพาไปสอบวิชาเฉพาะที่โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย…ถามว่าน้องจิเคยไปไหน ก็ตอบได้อย่างมั่นใจว่า เคยแน่นอนเพราะน้องจิก็ไปสอบที่โรงเรียนนี้เหมือนกัน..แต่ถ้าถามว่าจำทางได้ไหม..ก็ตอบอย่างมั่นใจเลยว่า หลับตลอดทางไม่ได้มองทางอะไรเลย 555++…แต่จะให้น้องจิไปเป็นเพื่อนอ่ะไปได้แน่นอน จะพยายามศึกษาเส้นทางให้ เพื่อเป็นกำลังใจให้น้องๆที่น่ารักในการสอบ

                    มีพ่อของน้องคนหนึ่งขับรถไป….น้องจิแทบนั่งไม่ติดรถเลยเจ้าค่ะ เหยียบทีหนึ่ง 130 km/h…หายใจไม่ทั่วปอดเลยค่ะ ต้องเกร็งอยู่ตลอด..แผนตอนแรกที่น้องจิจะบอกก็คือให้เลี้ยวทางช่องนพวงศ์เพื่อเข้าปทุมธานี…แต่พ่อน้องเขาขับไวจนน้องจิบอกทางไม่ทันเลยไปเลย…ที่นี้ก็ต้องหาทางกันใหม่ซิเจ้าค่ะ แล้วไม่มีใครรู้ทางด้วย..นั่นๆๆ งานเข้าแล้ว..น้องจิก็บอกทางไปตุ้มๆต่อมๆ..จนไปถึงสนามบินดอนเมือง เลี้ยวเข้าไปในสนามบินเลยเจ้าค่ะ ป๊าดดดดดดดดดดดดด…เจอทหารขวักมือเรียก ถือปีนยาวเหยียดเลย ถามว่า จะไปไหนน้องจิก็เลยบอกว่า จะไปสอบวิชาเฉพาะค่ะ เขาก็ถามว่า ที่ไหน น้องจิก็บอกโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย..เขาเห็นน้องจิกับน้องๆใส่ชุดนักเรียนไปก็เลยให้ผ่านได้…และแล้วก็เจอโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัยจนได้…งานนี้พาน้องๆไปถึงยังจุดหมายสำเร็จ ….น้องๆก็ให้น้องจิติวให้นิดหนึ่ง แล้วน้องจิก็พาน้องๆไปกินข้าว

                               

                               

                     และแล้ว ” วิชาหัวใจศาสตร์ ” ก็เกิดขึ้นเจ้าค่ะ….น้องจิโทรหาครูโย่ง…ครูโย่งก็มาหา…สักพักพี่นาก็ตามมา….ถามว่า ครูโย่ง กับ พี่นา มาทำไม…คำตอบง่ายๆก็คือมาเพราะ วิชาหัวใจศาสตร์นี่แหละเจ้าค่ะ….มิตรภาพที่หาไม่ได้อีกแล้ว….น้องจิยังเชื่อกับคำที่กล่าวว่า ” ก่อนที่เราจะได้ความรักจากคนอื่น เราจะต้องมอบความรักให้คนอื่นก่อน “….

                                

                               

                     ถามว่า ..ทำไมญาติๆใน gotoknow ถึงรักกัน…แถมบ้าหรือเปล่า เจอกันต้องกอด…คำตอบก็คือ…” ถึงเค้าจะบ้า ก็บ้าเพราะรักนะจ๊ะ “…..พวกเรามีความผูกพันกันเหมือนว่า ” ชาติที่แล้วสร้างเวรสร้างกรรม ” เอ๊ย ” ทำบุญมาด้วยกัน ” ชาตินี้ก็เลยได้เกิดมาพบเจอกันอีกครั้ง สวรรค์บันดาลเจ้าค่ะ….

                                 

                                 

                                 

                                 

                                      พาลิงทัวร์……จนแทบจะหมดแรง ….อิอิ

                     ครูโย่งงานเข้าอยู่เป็นเพื่อนน้องจิได้แปปหนึ่ง…พี่นาอาสารับเลี้ยงเด็กคนนี้ต่อไป..น้องจิไม่ค่อยได้เข้ากรุงเทพฯมากนัก..พี่นาเลยพาน้องจิไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆที่พอจะไปได้ภายในวันเดียว….พี่นาพาน้องจิไปเที่ยวสวนจตุจัก บรรยากาศดีมากเจ้าค่ะ ได้พายเรือเล่นด้วย แต่ว่าเจ้าเรือน้อยเนี่ย พายเท่าไหร่ ก็วนอยู่ที่เดิม แถมอยู่กลางคลองอีกต่างหาก คนข้างคลองช่วยลุ้นใหญ่เลยว่าจะพายเข้าฝั่งได้หรือเปล่า ในที่สุดก็ถึงฝั่ง 55555++…แล้วพี่นาก็พานั่งรถไฟใต้ดินด้วยค่ะ น้องจิไม่เคยนั่งเลย ครั้งนี้ครั้งแรก ตื่นเต้นๆๆ อิอิ

                                   

                                   

                                   

                                   

                      พอเที่ยวสวนจตุจักรให้อาหารนก  อาหารปลาเสร็จแล้ว พี่นาก็พาน้องจิไปมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต…หรือที่เรียกกันว่า RBAC นั่นแหละเจ้าค่ะ….ได้ถ่ายภาพเป็นที่ระทึก เอ๊ย ระลึกด้วยเจ้าค่ะ แล้วพวกเราก็ไปร้องเพลงกัน…..ร้องเพลงจบประมาณ 4 โมงกว่าๆ ป๊าดดดดดดดด ต้องรีบกลับบ้านเดี๋ยวรถหมด…

                       ขากลับนี่ไม่เหมือนขาไป…ขาไปชุดนักศึกษาเรียบร้อย ขากลับพี่นาให้เปลี่ยนชุดเป็นชุดธรรมดา 5555+++….พี่นาไม่ปล่อยให้น้องจิกลับคนเดียวค่ะ พี่นาเก็บเสื้อผ้ามากับน้องจิด้วย อิอิ วันนี้น้องจิเลยเป็นไกท์พาพี่นาทัวร์สุพรรณบ้าง อิอิ

                       สายใยที่ผูกพันกันเป็นสายโซ่ในโกทูโนว์นี้…ยากที่จะหาได้อีกแล้วเจ้าค่ะ….ตอนนี้ภูมิอากาศแปรปรวนขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ…รักและเป็นห่วงทุกๆท่านเจ้าค่ะ…..

                        ใครเป็นคนสอน ” วิชาหัวใจศาสตร์ “……มันขึ้นอยู่ความหัวใจของแต่ละคนเจ้าค่ะ พี่น้อง อิอิ

                       เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ……——> น้องจิ ^_^



Main: 0.058640003204346 sec
Sidebar: 0.36066508293152 sec