อดอยาก อดออม อดทน…ของ”ฅน” ริมเชิงเขา

โดย น้องจิ เมื่อ 17 กรกฏาคม 2010 เวลา 14:00 ในหมวดหมู่ Uncategorized #
อ่าน: 2714

อดอยาก อดออม  อดทน….ของ ” ฅน” ริมเชิงเขา

 

          ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในสังคมและความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย  ทุกอย่างถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ทุกๆสังคม  แต่ละชีวิตดำเนินไปตามหน้าที่ของตน   ในขณะเดียวกัน ณ หมู่บ้านริมเชิงเขา จังหวัดกาญจนบุรี  ยังมีชายที่ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่ายตามแบบวิถีของชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง แต่เส้นทางชีวิตของเขาไม่ธรรมดาอย่างที่คิด

                นายประวิทย์  แซ่ตัน   เกิดเมื่อวันที่ ๒๓  สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๐   บ้านเลขที่ ๓๗ หมู่ ๑๓     ต.วังไผ่  อ.ห้วยกระเจา  จ.กาญจนบุรี  อาชีพเกษตรกรรม  มีพี่น้องทั้งหมด ๕ คน  ลุงเป็นคนที่สองรองจากพี่ชายและมีน้องสาวอีก ๓ คน

                ลุงบอกว่าตอนเด็กๆพื้นที่แห่งนี้มีแต่ความแห้งแล้ง ไม่มีน้ำที่จะใช้กินใช้อาบ ดังนั้นต้องเดินไปหาบน้ำจากแหล่งน้ำที่แอ่งดินได้รองรับไว้ให้บ้างด้วยระยะทางหลายกิโลเมตร  อาหารที่ลุงจะหามาเพื่อเลี้ยงชีพสมาชิกในครอบครัวคือ หน่อไม้ในฤดูฝน  ไก่ป่าและไข่ไก่จากไก่ที่เลี้ยงไว้ในบริเวณบ้าน ในฤดูแล้งบางปีอาหารที่ต้องฝืนกลืนลงคอเพื่อประทังชีวิตก็คือ ไข่ต้ม ๑ ฟอง ที่จะต้องแบ่งสัดส่วนให้ครบตามสมาชิกเพื่อคลุกเคล้ากับข้าวสุกแต่ละมื้อในหนึ่งวัน 

                เมื่อฤดูฝนมาเยือนเหล่าบรรดาต้นไม้ใบหญ้าก็ชูช่อกิ่งใบมารับน้ำด้วยความกระหาย พืชผักต่างก็เผยโฉมออกมาให้ลิ้มรสในรสชาติ  ข้าวโพด  ข้าวฟ่าง  ที่ปลูกไว้ก็พร้อมที่จะให้ลุงเก็บไปขายทำให้ชีวิตดูจะชุ่มชื้นขึ้นมาบ้าง 

                เมื่อลุงอายุได้ ๗ ปี  ลุงก็ถูกพ่อกับแม่ส่งไปอยู่วัดสระลงเรือ จ.กาญจนบุรี  เพื่อเรียนหนังสือในระดับชั้นประถมศึกษา  ลุงถูกเด็กวัดกลั่นแกล้งสารพัด บางครั้งลุงแอบซุกหน้าไปที่เสาวัดเพื่อปาดน้ำตาไม่ให้ใครเห็น  ทุกเช้าลุงมีหน้าที่ถือปิ่นโตให้หลวงพ่อไปบิณฑบาตร หลังจากกินข้าวก้นบาตรเสร็จก็ทำความสะอาดจนเรียบร้อยจึงจะไปโรงเรียนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก

                มีอยู่ครั้งหนึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ฝังอยู่ในความรู้สึกลุงจนถึงทุกวันนี้คือลุงไปที่ร้านขายของเบ็ดเตล็ดด้วยความอยากกินขนม แต่ในกระเป๋าไม่มีเงินสักสลึง  ลุงยืนกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆไล่ความอยาก แต่ดูเหมือนความอยากจะเดินหน้าอย่างไม่ลดละทำให้ลุงตัดสินใจแอบขโมยขนมตอนที่เจ้าของร้านเผลอ  ลุงกัดขนมกินด้วยความหิวและอยากกินขนมมานานแต่ลุงก็กลับกลืนขนมลงคอด้วยความกลัวจนไม่รู้รสชาติความอร่อยของขนมเลยสักนิด

                เมื่ออายุได้ ๑๐ ปี  ก็มีเหตุการณ์ที่รู้ว่าจะต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงชีวิต เพราะครอบครัวกำลังมีปัญหาซึ่งเกิดจาก พ่อของลุงไปถูกชะตากับสาวใหญ่ในเมือง อาจเป็นเพราะพ่อของลุงพยายามหนีชีวิตความจน ความอดอยากของคนเชิงเขาที่ไม่มีแสงนีออนส่องสว่าง มีเพียงแสงตะเกียงน้ำมันที่บรรเทาความมืดมิดในยามค่ำคืน  พ่อของลุงกลับมาแห่ขันหมากขบวนโตไปสู่ขอหญิงสาวจากนั้นก็ไม่เคยหวนกลับมาให้ลุงได้เห็นหน้าอีก ทิ้งไว้เพียงความเจ็บปวดของลุงและครอบครัว

                เหตุการณ์นี้ทำให้ลุงต้องย้ายโรงเรียนจากวัดสระลงเรือมาเรียนที่วัดหลุมรัง ซึ่งอยู่ไกลจากบ้าน ๑๒ กิโลเมตร เวลาไปเรียนต้องเดินข้ามภูเขาหลายลูก  แต่ท่ามกลางความมืดมิดก็ยังจะพอมีแสงสว่างให้ลุงอยู่บ้าง   มีรถบรรทุกเร่ขายของวิ่งเข้าออกระหว่างหมู่บ้านที่ลุงอยู่กับโรงเรียน ลุงจึงขออาศัยติดรถคันนี้ไปโรงเรียนบ้างตามโอกาสจนกระทั่งเรียนจบประถมศึกษาปีที่ ๖ 

                ถึงแม้ลุงจะเรียนได้เป็นอันดับ ๑ ของชั้นเรียนแต่โอกาสที่จะได้เรียนต่อก็คงจะมืดมิดดั่งตะเกียงหมดน้ำมัน   ลุงก้มหน้าก้มตาทำงานเพื่อทุกคนในครอบครัว  อาชีพที่ลุงพอจะทำได้ในตอนนั้นคือ เผาถ่านขาย ทำให้พอมีรายได้เข้าครอบครัวบ้างเล็กน้อย  แม้เวลาจะผ่านวัน ผ่านเดือน ผ่านปี ลุงก็ไม่เคยท้อแท้หรือยอมแพ้ต่อความยากลำบาก ลุงมานะ ขยัน อดทนทำมาหากินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นในการทำความดี และอดออมมาโดยตลอด

                วันเวลาผ่านไปทำให้ลุงก้าวสู่วัยเด็กมาเป็นผู้ใหญ่   ชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำได้ จากคำสอนของเจ้าอาวาสที่ลุงเคยไปเป็นเด็กวัดมาก่อน ยังซึมซับอยู่ในจิตสำนึกของลุงมาโดยตลอด  ลุงยึดมั่นในคุณธรรม ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยไมตรีจิตที่จริงใจ  เหตุนี้เองจึงทำให้ลุงเป็นที่รักใคร่ของทุกคนในหมู่บ้าน

                ณ วันนี้ ชายผู้ยากไร้คนนั้น มีครอบครัวเป็นของตนเอง  มีฐานะที่ดีซึ่งเกิดจากความมานะบากบั่น อดทนของลุงตลอดชีวิต  แต่ลุงก็ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ชายเชิงเขาที่รายล้อมไปด้วยพืชผักที่ลุงได้ปลูกไว้กินเองส่วนหนึ่งและเอาไว้ขายส่วนหนึ่ง  วิถีชีวิตของลุงดำเนินไปตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างงดงามและสมบูรณ์

               

                  เส้นทางชีวิตของคนนั้นแตกต่างกัน  เราไม่สามารถที่จะเลือกเกิดบนกองเงินกองทองที่มีความสุขสบายได้  แต่เราเลือกที่จะสร้างชีวิตของเราให้ดีและมั่งมีขึ้นมาได้ด้วยความอดทน อดออม และใช้ความอดอยากในอดีตมาเป็นครูคอยเตือนใจในยามมั่งมี   เส้นทางของชายคนนี้อาจเริ่มต้นไม่สวยงามมากนัก  แต่ชายคนนี้ก็ปูทางขึ้นมาใหม่ด้วยสองมือที่ฝ่าฟัน สองขาที่แข็งแกร่ง และสองเท้าที่มั่นคง จนทุกวันนี้มีเส้นทางที่สวยงามสมบูรณ์ดั่งฝันของเขา

 

 

                                                                        นางสาวจิราภรณ์   กาญจนสุพรรณ

                                                                                      ๐๕๕๑๐๔๔๖

                                                                    คณะอักษรศาสตร์  มหาวิทยาลัยศิลปากร

 

******* น้องจิเขียนสารคดีชีวประวัติส่งอาจารย์…อ่านแล้วช่วยวิจารณ์ด้วยนะคะ..อิอิ…ก่อนน้องจิจะส่งเดือนหน้า*********

« « Prev : ~*~งานบุญงานบวช..น้องจินำบุญมาฝากค่ะ ~*~


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

9 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 1.1547141075134 sec
Sidebar: 1.7532470226288 sec