อดอยาก อดออม อดทน…ของ”ฅน” ริมเชิงเขา

9 ความคิดเห็น โดย น้องจิ เมื่อ 17 กรกฏาคม 2010 เวลา 14:00 ในหมวดหมู่ Uncategorized #
อ่าน: 2713

อดอยาก อดออม  อดทน….ของ ” ฅน” ริมเชิงเขา

 

          ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในสังคมและความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย  ทุกอย่างถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ทุกๆสังคม  แต่ละชีวิตดำเนินไปตามหน้าที่ของตน   ในขณะเดียวกัน ณ หมู่บ้านริมเชิงเขา จังหวัดกาญจนบุรี  ยังมีชายที่ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่ายตามแบบวิถีของชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง แต่เส้นทางชีวิตของเขาไม่ธรรมดาอย่างที่คิด

                นายประวิทย์  แซ่ตัน   เกิดเมื่อวันที่ ๒๓  สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๐   บ้านเลขที่ ๓๗ หมู่ ๑๓     ต.วังไผ่  อ.ห้วยกระเจา  จ.กาญจนบุรี  อาชีพเกษตรกรรม  มีพี่น้องทั้งหมด ๕ คน  ลุงเป็นคนที่สองรองจากพี่ชายและมีน้องสาวอีก ๓ คน

                ลุงบอกว่าตอนเด็กๆพื้นที่แห่งนี้มีแต่ความแห้งแล้ง ไม่มีน้ำที่จะใช้กินใช้อาบ ดังนั้นต้องเดินไปหาบน้ำจากแหล่งน้ำที่แอ่งดินได้รองรับไว้ให้บ้างด้วยระยะทางหลายกิโลเมตร  อาหารที่ลุงจะหามาเพื่อเลี้ยงชีพสมาชิกในครอบครัวคือ หน่อไม้ในฤดูฝน  ไก่ป่าและไข่ไก่จากไก่ที่เลี้ยงไว้ในบริเวณบ้าน ในฤดูแล้งบางปีอาหารที่ต้องฝืนกลืนลงคอเพื่อประทังชีวิตก็คือ ไข่ต้ม ๑ ฟอง ที่จะต้องแบ่งสัดส่วนให้ครบตามสมาชิกเพื่อคลุกเคล้ากับข้าวสุกแต่ละมื้อในหนึ่งวัน 

                เมื่อฤดูฝนมาเยือนเหล่าบรรดาต้นไม้ใบหญ้าก็ชูช่อกิ่งใบมารับน้ำด้วยความกระหาย พืชผักต่างก็เผยโฉมออกมาให้ลิ้มรสในรสชาติ  ข้าวโพด  ข้าวฟ่าง  ที่ปลูกไว้ก็พร้อมที่จะให้ลุงเก็บไปขายทำให้ชีวิตดูจะชุ่มชื้นขึ้นมาบ้าง 

                เมื่อลุงอายุได้ ๗ ปี  ลุงก็ถูกพ่อกับแม่ส่งไปอยู่วัดสระลงเรือ จ.กาญจนบุรี  เพื่อเรียนหนังสือในระดับชั้นประถมศึกษา  ลุงถูกเด็กวัดกลั่นแกล้งสารพัด บางครั้งลุงแอบซุกหน้าไปที่เสาวัดเพื่อปาดน้ำตาไม่ให้ใครเห็น  ทุกเช้าลุงมีหน้าที่ถือปิ่นโตให้หลวงพ่อไปบิณฑบาตร หลังจากกินข้าวก้นบาตรเสร็จก็ทำความสะอาดจนเรียบร้อยจึงจะไปโรงเรียนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก

                มีอยู่ครั้งหนึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ฝังอยู่ในความรู้สึกลุงจนถึงทุกวันนี้คือลุงไปที่ร้านขายของเบ็ดเตล็ดด้วยความอยากกินขนม แต่ในกระเป๋าไม่มีเงินสักสลึง  ลุงยืนกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆไล่ความอยาก แต่ดูเหมือนความอยากจะเดินหน้าอย่างไม่ลดละทำให้ลุงตัดสินใจแอบขโมยขนมตอนที่เจ้าของร้านเผลอ  ลุงกัดขนมกินด้วยความหิวและอยากกินขนมมานานแต่ลุงก็กลับกลืนขนมลงคอด้วยความกลัวจนไม่รู้รสชาติความอร่อยของขนมเลยสักนิด

                เมื่ออายุได้ ๑๐ ปี  ก็มีเหตุการณ์ที่รู้ว่าจะต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงชีวิต เพราะครอบครัวกำลังมีปัญหาซึ่งเกิดจาก พ่อของลุงไปถูกชะตากับสาวใหญ่ในเมือง อาจเป็นเพราะพ่อของลุงพยายามหนีชีวิตความจน ความอดอยากของคนเชิงเขาที่ไม่มีแสงนีออนส่องสว่าง มีเพียงแสงตะเกียงน้ำมันที่บรรเทาความมืดมิดในยามค่ำคืน  พ่อของลุงกลับมาแห่ขันหมากขบวนโตไปสู่ขอหญิงสาวจากนั้นก็ไม่เคยหวนกลับมาให้ลุงได้เห็นหน้าอีก ทิ้งไว้เพียงความเจ็บปวดของลุงและครอบครัว

                เหตุการณ์นี้ทำให้ลุงต้องย้ายโรงเรียนจากวัดสระลงเรือมาเรียนที่วัดหลุมรัง ซึ่งอยู่ไกลจากบ้าน ๑๒ กิโลเมตร เวลาไปเรียนต้องเดินข้ามภูเขาหลายลูก  แต่ท่ามกลางความมืดมิดก็ยังจะพอมีแสงสว่างให้ลุงอยู่บ้าง   มีรถบรรทุกเร่ขายของวิ่งเข้าออกระหว่างหมู่บ้านที่ลุงอยู่กับโรงเรียน ลุงจึงขออาศัยติดรถคันนี้ไปโรงเรียนบ้างตามโอกาสจนกระทั่งเรียนจบประถมศึกษาปีที่ ๖ 

                ถึงแม้ลุงจะเรียนได้เป็นอันดับ ๑ ของชั้นเรียนแต่โอกาสที่จะได้เรียนต่อก็คงจะมืดมิดดั่งตะเกียงหมดน้ำมัน   ลุงก้มหน้าก้มตาทำงานเพื่อทุกคนในครอบครัว  อาชีพที่ลุงพอจะทำได้ในตอนนั้นคือ เผาถ่านขาย ทำให้พอมีรายได้เข้าครอบครัวบ้างเล็กน้อย  แม้เวลาจะผ่านวัน ผ่านเดือน ผ่านปี ลุงก็ไม่เคยท้อแท้หรือยอมแพ้ต่อความยากลำบาก ลุงมานะ ขยัน อดทนทำมาหากินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นในการทำความดี และอดออมมาโดยตลอด

                วันเวลาผ่านไปทำให้ลุงก้าวสู่วัยเด็กมาเป็นผู้ใหญ่   ชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำได้ จากคำสอนของเจ้าอาวาสที่ลุงเคยไปเป็นเด็กวัดมาก่อน ยังซึมซับอยู่ในจิตสำนึกของลุงมาโดยตลอด  ลุงยึดมั่นในคุณธรรม ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยไมตรีจิตที่จริงใจ  เหตุนี้เองจึงทำให้ลุงเป็นที่รักใคร่ของทุกคนในหมู่บ้าน

                ณ วันนี้ ชายผู้ยากไร้คนนั้น มีครอบครัวเป็นของตนเอง  มีฐานะที่ดีซึ่งเกิดจากความมานะบากบั่น อดทนของลุงตลอดชีวิต  แต่ลุงก็ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ชายเชิงเขาที่รายล้อมไปด้วยพืชผักที่ลุงได้ปลูกไว้กินเองส่วนหนึ่งและเอาไว้ขายส่วนหนึ่ง  วิถีชีวิตของลุงดำเนินไปตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างงดงามและสมบูรณ์

               

                  เส้นทางชีวิตของคนนั้นแตกต่างกัน  เราไม่สามารถที่จะเลือกเกิดบนกองเงินกองทองที่มีความสุขสบายได้  แต่เราเลือกที่จะสร้างชีวิตของเราให้ดีและมั่งมีขึ้นมาได้ด้วยความอดทน อดออม และใช้ความอดอยากในอดีตมาเป็นครูคอยเตือนใจในยามมั่งมี   เส้นทางของชายคนนี้อาจเริ่มต้นไม่สวยงามมากนัก  แต่ชายคนนี้ก็ปูทางขึ้นมาใหม่ด้วยสองมือที่ฝ่าฟัน สองขาที่แข็งแกร่ง และสองเท้าที่มั่นคง จนทุกวันนี้มีเส้นทางที่สวยงามสมบูรณ์ดั่งฝันของเขา

 

 

                                                                        นางสาวจิราภรณ์   กาญจนสุพรรณ

                                                                                      ๐๕๕๑๐๔๔๖

                                                                    คณะอักษรศาสตร์  มหาวิทยาลัยศิลปากร

 

******* น้องจิเขียนสารคดีชีวประวัติส่งอาจารย์…อ่านแล้วช่วยวิจารณ์ด้วยนะคะ..อิอิ…ก่อนน้องจิจะส่งเดือนหน้า*********



Main: 0.049154996871948 sec
Sidebar: 1.0887331962585 sec