N กลวิธีในการสอนให้สมองเด็กใหม่สดเสมอ….

โดย มิสเตอร์สะตอฯ เมื่อ 2 มกราคม 2009 เวลา 11:43 (เช้า) ในหมวดหมู่ Uncategorized #
อ่าน: 6238

สวัสดีครับทุกท่าน

             สบายดีกันนะครับ ช่วงนี้หยุดยาว หลายๆคนพักผ่อนกาย พักผ่อนใจ พักผ่อนสมอง เหนื่อยกายเค้าบอกให้พักกาย เหนื่อยใจเค้าบอกให้ทำใจ หนักสมองเค้าให้ผ่อนคลาย หากเรามองธรรมชาติ ธรรมชาติพยายามสร้างสิ่งต่างๆ ด้วยองค์ประกอบที่เหมาะสมเสมอ หากคนเราประกอบไปด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ จริง แสดงว่าธรรมชาติฉลาดมากๆ เพราะท่านพระธรรมชาติจะทราบได้อย่างไร ว่าอายุเท่านี้ จะใส่ดินกี่กิโลกรัม น้ำกี่ลิตร ลมกี่กรัม ไฟกี่องศา แล้วเด็ดดวงจิตฝังไว้ในตัวตนให้เติบโตไปด้วยกัน ทั้งธาตุสี่ จิตวิญญาณและช่องว่าง (หรือว่าธาตุ 6) แต่เรื่องการเรียนรู้นี่ซิครับ พระธรรมชาติคงปล่อยให้เติบโตกันเอาเอง แล้วแต่ว่าใครจะขวนขวายใส่หัวสมองของเราเอง บางคนก็อยากเรียนรู้มากๆ ก็รู้เยอะหน่อย บางคนขี้เกียจเรียนรู้ บ่นปวดหัว (หา…ดีกว่า) ก็มีอิสระในการทำครับ

วันนี้ผมเลยอยากจะนำเสนอ N กลวิธีในการสอนให้สมองเด็กใหม่สดเสมอ ครับ คำว่าใหม่สดเสมอ คือยังไม่ได้ใช้งาน ตามที่คนเค้าล้อๆ กันว่า สมองพี่ไทยราคาสูงที่สุด (เค้าตอบว่า เพราะมันยังไม่ได้ใช้งาน ฮ่าๆๆๆ) แต่สมองใหม่สดแบบนี้ อาจจะไม่มีคนรับเข้าทำงานหลังจากเรียนจบนะครับ

1. เลี้ยงดูริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ไข่ในหิน อิๆ

2. เด็กล้มให้ไปตีโคนเสา แล้วเด็กจะหยุดร้องไห้ หรือว่าไปตีกบ ถามว่ากบวิ่งหนีไปแล้ว อิๆ

3. เมื่อโตขึ้นหน่อย เด็กๆ ชอบตั้งคำถาม ก็ให้ตีหรือต่อว่า ว่าถามทำไม ถามมากจริงๆ  อิๆ

4. ก่อนจะเข้าโรงเรียน ให้ส่งไปเรียนติวเข้ม เรียนพิเศษตั้งแต่อายุสองสามขวบ เพื่อจะได้เข้าเรียนอนุบาลหรือ ประถมแล้วลูกเก่งๆ เหนือคนอื่นใดในห้อง (กรณีสอนให้ใช้สมองตั้งแต่ต้นเลยครับ ไปหลังๆ เด็กจะเบื่อแล้วอาจจะไม่ใช้สมองก็เป็นได้)

5. เข้าโรงเรียน หากจะสอนศิลปะให้เด็กวาดดอกไม้ คุณครูต้องวาดให้เด็กดูก่อน อย่าให้เด็กวาดด้วยจินตนาการของเด็กเองเป็นอันขาด ครูต้องวาดให้เสร็จก่อนแล้วจึงให้เด็กวาดตามที่ครูวาดไว้ในกระดาน วิธีการนี้นิยมใช้กันแพร่หลาย จนถึงระดับมหาวิทยาลัย อิๆ

6. เวลาเด็กถามในห้อง ต้องดุเด็กเพื่อไม่ให้เด็กกล้าถามอีก เพื่อให้ง่ายในการควบคุมและอบรมให้อยู่ในกรอบ เป็นระเบียบวินัย เพื่อว่าวันหนึ่งเด็กจะกดดันแล้วแหกกฏระเบียบหลังจากที่บ่มไว้นานๆ อิๆ

7. วิธีการเรียนทำได้เยอะ เช่น สั่งให้เด็กไปอ่านมาแล้วพรุ่งนี้มาสอบ เรื่องแต่ละเรื่องก็อาจจะตื่นเต้นหรือน่าเบื่อแตกต่างกัน ไม่รู้เด็กอ่านหนังสือหรือว่าหนังสืออ่านเด็ก เอาว่าผลัดกันอ่านครับ แข่งกันว่า หนังสือกับเด็กใครจะไปเข้ากรม(หลับ)อุตุ ก่อนกัน อิๆๆ

8. เวลาสั่งงานแล้วเด็กไม่ทำงาน อย่าไปต่อว่าเพราะจะทำให้เด็กเกิดอคติ ให้ปล่อยๆ ไป หากอยู่ประถมก็ให้มัธยมค่อยสอนเติมเอง หากอยู่ ม.ต้น ก็ปล่อยให้ ม.ปลายเสริมพื้นฐานประถม พื้นฐาน ม.ต้นให้เอง หรือโยนไปให้ระดับมหาวิทยาลัยปูพื้นฐานกันเอาเอง ดังนั้นใครสอนระดับใดก็ต้องช่วยกันผลักดันพื้นฐานกันนะครับ เช่นมหาวิทยาลัย ก็อาจจะต้องสอนความรู้ ม.ต้น และ ม.ปลาย ด้วย

9. วิธีการอื่นๆ เติมได้นะครับ…. จนกว่าจะได้ N (End) วิธี ครับ

ที่ตั้งชื่อว่า N วิธี เพราะว่ามันเพิ่มเติมได้ เมื่อ N เป็นจำนวนนับครับ  วิธีการตัวอย่างเหล่านี้ให้คิดก่อนนำไปใช้ครับ เพราะอาจจะเจ็บปวดในภายภาคหน้าได้ครับ

ต่อไปในอนาคต…จะมีหลักสูตรอบรมมากมายเกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น เรียนอย่างไรให้ได้เอ ได้สี่

บทความนี้เขียนเพราะมีแรงบันดาลใจเกี่ยวกับ การพัฒนาการของสมองไทยเรา และด้วยความเป็นห่วงระบบการศึกษาไทย ผมไม่เคยเห็นแม่ไก่ไปสอนลูกไก่จิกปลาในทะเล เค้าสอนให้จิกสิ่งรอบตัว หากินในบริเวณรอบตัว หรือว่าแม่ไก่สอนลูกไก่ให้ติดกรอบ แต่ลูกไก่แต่ละตัวก็สอนให้ลูกจิกกินกันเองเอง ลูกตัวไหนไม่จิกก็อด จะช่วยก็เพียงแค่จิกก้อนใหญ่ให้เล็กๆ ในตอนที่ลูกไก่ยังเล็ก แต่ไม่เคยบดอาหารในปากแล้วกรอกปากให้ลูกไก่เลย

ปล. บทความนี้หากไปโดนต่อมคันของผู้อ่านท่านใด ผู้เขียนจะไม่ช่วยเกาให้เด็กขาดครับ แต่ขอให้ท่านระบายความคันกันต่อๆ ไปในบันทึกนี้เอาเองนะครับ

ด้วยมิตรภาพครับ

เม้ง

« « Prev : สวัสดีปีใหม่…สวัสดีวันใหม่…สวัสดีหัวใจเดิมๆ

Next : เสน่ห์ใน มอ. » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

786 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 1.7157468795776 sec
Sidebar: 0.024559020996094 sec