เสวนากับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว - สวนผึ้ง- 1

โดย จอมป่วน เมื่อ 31 สิงหาคม 2011 เวลา 0:27 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 3631

หลังจากฟังผู้ประกอบการเล่าเรื่องของธุรกิจการท่องเที่ยวที่สวนผึ้งให้ฟังพร้อมปัญหาต่างๆแล้ว  ก็ถึงคิวของการพูดคุย ซักถาม  แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

ภักดี ภักดิ์นรา  คราวนี้มาแปลก  พี่ตุ้มเราเปิดเกมส์ก่อนเลยครับ

ภักดี

พื้นที่มันน้อยลง  ก็มีคนไปหาพื้นที่ใหม่ๆ  อันนี้ทางชมรมฯ มีมาตรการอย่างไร? ที่จะป้องกันไม่ให้พื้นที่มันน้อยลงไปกว่านี้อีก

คุณอดิศัย หงษ์เหิรสถิตย์

อยู่กลุ่มวิจัยน้ำด้วยก็ออกไปสำรวจต้นน้ำกับกลุ่มของคุณพรทิพย์  เราก็อยู่ภาคประชาสังคมด้วย  ถามว่าพื้นที่น้อยลง  คนมากขึ้น  แล้วเรามีนโยบายอย่างไร? 

เราเป็นคนชอบตั้งคำถาม  กลุ่มพวกเราก็จะไปตั้งคำถามว่าทำไมพื้นที่ตรงนั้นเกิดขึ้นมาใหม่ได้  ทำไมพื้นที่ตรงนี้เกิดขึ้นมาใหม่ได้  ส่วนราชการก็จะหาคำตอบเอง  มีการแจ้งความบ้าง แต่การกระทำแบบนี้เป็นดาบ 2 คม   เพราะว่าก็ต้องมีคนไม่ชอบการทำงานของกลุ่มเรา  ก็มีเรื่องของการถูกคุกคามความปลอดภัย  แต่ผมตัวใหญ่ก็ไม่ค่อยมีคนอยากมาใกล้เท่าไหร่  ผมก็เลยรอด

ไอริณ ดำรงมงคลกุล  ผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศข่าว  ฝ่ายข่าว สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5

ไอริณ1

เป็นนักศึกษา สสสส. รุ่นสามและเป็นนักข่าวช่อง 5  ก็เคยมาลงพื้นที่ที่สวนผึ้ง  มาดูเรื่องสวนผึ้งโมเดล  แต่ไม่เคยทราบเลยเรื่องของ Scenery  สนใจเพราะว่า Scenery เองเป็นตัวดึงดูดของการท่องเที่ยวของราชบุรี  เหมือนพลิกภาพของการท่องเที่ยวของราชบุรี  ที่เคยเป็นเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมีชาวบ้านทำงาน  แต่นี่เป็นอะไรที่อินเตอร์ๆ  อย่างมีแกะยังงี้  ทำให้การท่องเที่ยวที่ราชบุรีบูมมาก  

แต่ทำไมถึงได้อยู่ดีๆก็หยุดรีสอร์ททั้งๆที่เข้าใจว่าจองเต็ม  เม็ดเงินต้องไหลเข้ามาอยู่แล้ว  ทราบจากที่เล่าให้ฟังว่าไม่ค่อยมีความสุข  แต่ประเด็นไหนที่ทำให้ทิ้งมันไปได้เลย  ขณะที่สามารถทำกำไรได้   ทำไมถึงหยุดได้  คิดยังไง 

เพราะเนื่องจากว่าสวนผึ้งนอกจากว่าจะมีปัญหามี่ดิน  เรื่องการครอบครองกรรมสิทธิ์  แต่มันยังมีเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพของธรรมชาติ  ชีวิตความเป็นอยู่  ที่ปายเองก็มีการเปลี่ยนแปลง  ที่ว่ามีสามสถานที่ที่ถ้าไม่ได้ไปอย่าเพิ่งตาย  ตอนนี้ไม่เห็นด้วยแล้ว  เพราะปายไม่ใช่อย่างงั้น  สวนผึ้งเองก็ไม่ใช่อย่างงั้น  ไม่ได้รู้สึกเลยว่ามาสวนผึ้งแล้วมีความสุข  ที่ปายก็ไปแล้วก็ไม่ได้มีความสุข  เหลือเชียงคานยังไม่ทราบ  เลยไม่อยากให้เชียงคานเป็นแบบนั้น

ถ้า Scenery สามารถอธิบาย และเล่าไปสู่ภาคสังคมได้มากขึ้นว่าทำแล้วไม่มีความสุข  ทำแล้วทำให้สภาพพื้นที่มันเปลี่ยนแปลงไป  เข้าใจว่ารักในเรื่องของการมีความสุข  ถ้าสามารถทำเป็นโมเดลได้  ก็จะสามารถส่งต่อไปเชียงคาน  ส่งต่อไปหนองคาย  ส่งต่อไปอีกหลายๆที่ได้  เลยอยากทราบว่าคิดยังไง?

คุณพลกฤษณ์ สุขเกษม

จริงๆแล้วก็เหมือนเห็นแก่ตัว  แต่ก็ไม่ได้เลิกจ้างงาน  ยังเก็บไว้อยู่แปดสิบกว่าคน  เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยว   ถ้าทำธุรกิจไปถึงจุดหนึ่งแล้ว เรื่องเงินเป็นเรื่องที่หลายๆคนตัดสินใจยาก  สามปีที่ผ่านมา Scenery ก็รู้สึกว่าลูกค้าเราเริ่มเป็นเทวดามากขึ้นเรื่อยๆ  มีความรู้สึกว่า  จองที่นี่ได้  ต้องได้โง้นๆงี้ๆ  มันมาเปลี่ยนความรู้สึกว่ามีความสุขไป   ตอนแรกเราทำเพราะว่าเราทำในสิ่งที่มีความสุขมากๆ  แล้วเขาก็มาเสพสิ่งที่เราทำ  แต่ต่อมาเค้ามีความสุขมากเลยแต่เราเหลือความสุขน้อยลง  คือเขามาเปลี่ยนเรา

เพื่อนๆที่ภูเก็ตก็ทำ  แต่รู้สึกว่าทุกคนไม่สามารถข้ามเงื่อนไขของเงินไปได้  ก็ไม่ได้รวยมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าเราจะเป็นโรคอะไรตายมั๊ย  แต่ยังไงตายแน่   สิ่งหนึ่งที่คิดว่าไม่ควรทำคืด  ถ้าตื่นมาแล้วรู้สึกว่าไม่อยากทำอันนี้  แล้วต้องมาบังคับตัวเองให้ทำทุกวัน  ก็จะป่วย  ป่วยทางจิตแล้วป่วยทางกายต่อ  

คิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัว  เอาตัวเองรอดให้มีความสบายใจ  มีความสุขก่อน  Scenery ปิดตรงนั้นไปจะแย่ไหม?   โชคดีที่มีแกะมา   แกะที่มาแบบไม่ได้ตั้งใจแต่ก็เป็นสิ่งทำให้เราอยู่ได้  เราก็มีเงินใช้  ไม่เดือดร้อนมาก 

การที่จะให้โมเดลนี้เผยแพร่ออกไป   แค่เพื่อนที่โตมาด้วยกันคุยกันแล้วยังไม่สามารถเปลี่ยนได้  ทำธุรกิจกัน    ทุกที่ในประเทศไทยก็ติดในเรื่องของธุรกิจ    สิ่งที่ทำขึ้นมานี้ถ้าพอที่จะสะท้อนออกมาได้บ้างในเรื่องของเกิดอะไรขึ้นกับ Scenery   ก็มีกระแสบ้าง  มีสื่อมาช่วย  แต่ก็ได้แค่จุดประกายให้บางท่านเท่านั้น  ถ้าจะทำอะไรมากกว่านี้ก็จะมีกระแสต่อต้าน  มีคนว่าอยากดังรึเปล่า?  ทำดีอยู่แล้ว  ปิดทำไม?  แต่จะให้ความสำคัญกับความรู้สึกตัวเองมากที่สุด

ปุณณดา วรสินธุ์  ประธานกรรมการบริษัท พงษ์สุดาชาเลย์ จำกัด

ปุณณดา

ที่จริงบ้านเราอยู่ใกล้กัน  อยู่กาญจนบุรี ทำธุรกิจเดียวกัน  อยากถามว่าปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ของสวนผึ้ง   กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นโฉนดหรือ นส. 3  หรือว่าเป็น ภบท.  หรือเป็น สค.

จุดหมายของสวนผึ้งจริงๆคืออะไร?  เพราะเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วมาสวนผึ้ง  ส่วนมากก็มาหาคนงานกัน  ถ้าอยากได้คนงานก็ต้องมาตอนกลางคืนแล้วกลับไปตอนตีสาม  พาแอบกลับไป  แต่ตอนหลังพอมีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวได้ก็ไม่มีปัญหาตรงนี้

ด้านการท่องเที่ยวสวนผึ้งแทบไม่มีอะไรเลย   แต่เป็นเพราะกระแสรึเปล่า  เป็นเพราะหนังสือท่องเที่ยวรึเปล่าที่บอกว่าถ้าไม่ได้ไปสามแห่งแล้วจะนอนตายตาไม่หลับ  อาจจะเป็นกระแสก็ได้

ที่เขาใหญ่ ถ้าพูดถึงระยะเวลาการเดินทาง  ไปง่ายกว่ามาสวนผึ้ง  ง่ายกว่ามากาญจนบุรี  เขาใหญ่มีธรรมชาติ  ต้นไม้  ก็ไปได้เรื่อยๆ   แต่วังน้ำเขียวดังเพราะปั่นกระแสเหมือนกัน  ผลสุดท้ายก็มีปัญหา

กาญจนบุรีแรกๆก็มีปัญหาเอกสารสิทธิ์  ตอนหลังกรมป่าไม้ออกสำรวจส่วนมากก็ได้โฉนดกัน แต่ก็จะมีติดเป็นที่ของทหาร  เพราะที่ไหนก็ทหาร  ทหารครอบครองที่มากเหลือเกิน   ตรงนั้นก็ทหาร  ตรงนี้ก็ทหาร  สังเกตดูว่าประเทศไทยจะมีแต่ที่ทหาร  ไม่รู้จะเก็บไว้ทำอะไร  เก็บที่ไว้  ปล่อยรกร้าง  จะเข้าไปทำมาหากินก็บอกว่าเป็นที่ของทหาร

ไม่ทราบว่ามีมาตรการอะไร  อย่างที่วังน้ำเขียว  เวลาเข้าไปจะทำกิน  ราชการก็น่าจะรู้แล้ว  ไม่ว่าจะทำรีสอร์ทหรือบ้านพัก  นี่ปล่อยให้ทำไปจนเสร็จ  ผ่านมาตั้งสามปีห้าปี  เพิ่งมาเจอ  แล้วมาบอกว่าไม่ถูกต้อง  อันนี้ก็เป็นเรื่องของทางราชการ

คิดว่าถ้าผิด  ราชการก็ต้องผิดด้วย โชคดีที่รีสอร์ทของตัวเองเป็นโฉนด  พูดถึงจุดขายสวนผึ้งไม่มีอะไรเลย  กาญจนบุรีมีแม่น้ำสองสาย  แควน้อยกับแควใหญ่   น้ำตกก็เยอะ  ถ้ำก็เยอะ ประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เยอะ   แต่สวนผึ้งเป็นอำเภอเล็กๆ  แต่ต้องชื่นชมมากๆว่าการพัฒนาในเรื่องของที่พัก  พัฒนาเร็วมาก   ทำให้คนอยากจะมาสักครั้งนึง   แต่มาแล้วจะกลับมาครั้งที่ 2 รึเปล่าก็อยู่ที่พวกเราผู้ประกอบการ

สิ่งที่อยากทราบคือเรื่องเอกสารสิทธิ์  ผู้ประกอบการที่สวนผึ้งถือเป็นอะไรไว้ ?

คุณอดิศัย หงษ์เหิรสถิตย์

เอกสารสิทธิ์สวนผึ้ง 20% ของผู้ประกอบการเป็น นส.3  ส่วนที่เหลือเป็น ภบท.5 

เกือบจะทั้งหมด   90% ของรีสอร์ทในสวนผึ้งอยู้ฝั่งซ้ายของลำภาชี  อยู่ในแนวเขตทหารเดียวกันกับที่กาญจนบุรี  จริงๆเมืองกาญจน์เป็นเขตพื้นที่ทหารโดยสมบูรณ์ที่เขาประกาศไว้ตอนต้น   ที่บอกว่าไปตรงไหนก็มีแต่ที่ทหาร   เพราะตอนประกาศก็ประกาศครอบไปก่อน  พอตรงไหนไปเจอที่ชาวบ้าน ก็ให้ชาวบ้านไปพิสูจน์สิทธิ์เอง  ถ้าพิสูจน์น่าเชื่อก็ค่อยให้ออกเป็นโฉนด

เมืองกาญจน์นี่โชคดีมาก เพราะว่าเขาประกาศเขตเมืองกาญจน์เขายังให้โอกาสชาวบ้านเมืองกาญจน์พิสูจน์สิทธิ์จากการใช้ประโยชน์ที่ดิน   แต่เขาประกาศฉบับเมืองกาญจน์นี่  ในแผนที่ของเมืองกาญจน์เขตลากเขตเข้ามาในพื้นที่สวนผึ้ง  เป็นการประกาศที่หวงห้ามที่ดินเขตจังหวัดกาญจนบุรี

ก็ไม่อยากไปโต้แยังกับเจ้าหน้าที่   แต่ทำไมไม่ให้โอกาสเราพิสูจน์เหมือนคนเมืองกาญจน์บ้าง  คนอยู่สวนผึ้งถูกด่าอย่างเดียวว่าบุกรุก  เขาให้สิทธิ์คนที่ออก นส.3 ไป  พอจะรื้อฟื้นก็บอกว่าไม่ใช่อีกละ  บอกว่าออกผิด  อยากให้มีการจัดการที่ดินสวนผึ้งด้วยเหมือนกัน

เช่นถ้าบอกว่าเป็นที่ราชพัสดุทั้งหมดเลย ก็ยกเลิก นส.3 ไปให้หมดเลย  ผมเองนอกจากมีที่ดิน ภบท.5  ก็มีที่ดิน นส.3 ด้วย  ถ้าบอกว่ามันผิดก็ยกเลิกไปให้หมดเลย  ยกเลิกวันนี้เลย

เสริมนิดนึงที่ว่าสวนผึ้งมันอยู่ได้ด้วยอะไรกันแน่  มันมีจุดเด่นอะไร?  มันถูกปั่นกระแสเพื่อหลอกขายรึเปล่า?  มีลูกค้าที่เข้ามาปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 5 ครั้งก็มี  เขาชอบอากาศ  อากาศสดชื่น   ห่างจากชายฝั่งอ่าวไทย 75 กม.   ห่างจากชายฝั่งของฝั่งทะเลอันดามันประมาณ 75 กม.  อากาศของสวนผึ้งไม่มีที่อื่นเหมือน   อากาศเป็นสิ่งเดียวที่ที่อื่นก็ลอกเลียนไม่ได้   แนวติดเทือกเขาตะนาวศรีเป็นเอกลักษณ์ของสวนผึ้งซึ่ีงพื้นที่เมืองกาญจน์ก็ไม่มี  จุดขายตัวหลักจริงๆของสวนผึ้งคืออากาศกับธรรมชาติ

       

 

 

          

 

Post to Facebook Facebook

« « Prev : สวนผึ้งโมเดล -1

Next : เสวนากับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว - สวนผึ้ง- 2 » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "เสวนากับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว - สวนผึ้ง- 1"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.58558583259583 sec
Sidebar: 0.036394119262695 sec