ทำไมอยากเรียน - หลักสูตร 4ส3
อ่าน: 1619หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข(สสสส. หรือ 4ส) รุ่นที่ 3 ของสถาบันพระปกเกล้า โดยสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล ต้องการให้นักศึกษา
มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสภาพความขัดแย้ง สาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหา
มีทักษะในการสร้างสันติสุขในสังคม สามารถป้องกัน จัดการและแก้ไขความขัดแย้ง รวมทั้งเยียวยาสร้างความสมานฉันท์ให้กลับคืนสู่สังคม
มีเจตคติยอมรับและเห็นคุณค่าของความแตกต่างหลากหลายในสังคม
สามารถวิเคราะห์หาแนวทางแก้ไขความขัดแย้งและสร้างสันติสุขในสังคมอย่างเป็นระบบ
ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ และท่านอัยการชาวเกาะ (บัณฑูร ทองตัน) ก็เป็นตัวแทนชาวเฮฮาศาสตร์เข้าศึกษาในรุ่นที่ 1
หมอเจ๊ (แพทย์หญิงศิริรัตน์ สุวันทโรจน์) ก็เป็นตัวแทนเข้าศึกษาในรุ่นที่ 2
ความจริงก็อยากเข้าเรียนตั้งแต่รุ่นหนึ่งแล้ว แต่รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ต้องเรียนวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นานถึงเก้าเดือน แถมการดูงานในประเทศ 5 ครั้ง ต่างประเทศอีกหนึ่งครั้ง ก็จัดเวลาค่อนข้างลำบาก
ทราบข่าวว่ารุ่นที่ 3 หลักสูตรนี้ได้ปรับเวลาเรียนเป็นวันศุกร์เต็มวัน และมีการกำหนดช่วงเวลาศึกษาดูงานทั้ง 5 ครั้งล่วงหน้าไว้เลย ก็คิดว่าคงจัดเวลามาเรียนได้ ก็เลยสมัครเข้าเรียน
ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมอยากเรียนก็ตอบง่ายๆนะครับ เพราะเป็นเรื่องที่ตัวเองสนใจมานานแล้ว งานที่รับผิดชอบในตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ก็ต้องทำงานร่วมกับชุมชนและหน่วยงานอื่นอีกหลายหน่วยงาน เจอเรื่องความขัดแย้งบ่อยๆ แก้ปัญหาได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางครั้งก็เป็นตัวก่อปัญหาเองบ้าง เลยอยากเรียนเพื่อจะได้ความรู้มาประยุกต์ใช้กับการทำงาน
นอกเหนือจากงานในตำแหน่งหน้าที่แล้วยังทำงานเป็นวิทยากรด้านการจัดการขยะมูลฝอย โดยเฉพาะการทำงานแบบมีส่วนร่วมของชาวบ้าน นอกจากความรู้ด้านการจัดการความขัดแย้งแล้วยังมีโอกาสเรียนรู้เรื่องรูปแบบการจัดการฝึกอบรม มีโอกาสเรียนรู้จากวิทยากรที่เก่งๆระดับชาติอีกหลายๆท่านในหลักสูตรนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสูตรนี้การบรรยายจะน้อย เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบมีส่วนร่วม และให้ลงพื้นที่ต่างๆเพื่อให้เห็นสถานการณ์จริง เรียนรู้ด้วยตัวเองจากของจริงและจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนๆนักศึกษา อาจารย์ที่ปรึกษา
สรุป
การเข้าเรียนในหลักสูตรนี้คาดหวังว่าจะได้ความรู้ความเข้าใจเรื่องความขัดแย้ง สามารถวิเคราะห์ปัญหา สาเหตุ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้จัดการความขัดแย้งได้
นอกจากนี้ยังคาดหวังที่จะได้เรียนรู้การจัดหลักสูตรการเรียนการสอน การเรียนการสอนแบบลงพื้นที่จริง เรียนรู้จากอาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อนๆร่วมรุ่น ทั้งยังมีโอกาสเรียนรู้จากวิทยากรเก่งๆอีกหลายท่าน
« « Prev : ออกแขก
4 ความคิดเห็น
ท่านที่สนใจเรื่องความขัดแย้งในหัวใจ ไม่ผิดหวัง โปรดติดตามอ่านจากรายงานชั้นเทพในบล็อกนี้ต่อไป อิ อิ
งั้นไว้ให้เรียนจบก่อน จะถามว่าได้ใช้สิ่งที่เรียนมาไปทำอะไรบ้าง กั่กๆๆๆ
ผมเป็นคนมีชีวิตแต่ไม่มีวาสนา อิอิ เลยพลาดการเรียนไปทั้งที่ผ่านเจ้านายมาสามคน คนที่ 4 ตกกระป๋องเลย
ความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติ ตั้งแต่เกิดกลุ่มมนุษย์ ก็เริ่มขัดแย้ง จนมาถึงยุคสมัยนี้ความขัดแย้งพัฒนารูปแบบ สาระไปมากมายจนซับซ้อนมากกว่าสิ่งที่เห็นภายนอก
โดยเฉพาะความขัดแย้งทางอุดมการณ์
ความขัดแย้งมีหลายระดับ ทุกท่านทราบดี จากเรื่องเล็กๆไปจนถึงเรื่องคอขาดบาดตาย เรื่องผลประโยชน์เล็กๆไปจนถึงผลประโยชน์มหาศาลบานตะไท จาำเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวเป็นความขัดแย้งหมู่ พวก กลุ่ม สี ฯลฯ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า “ผลึกความคิด” ของคู่ขัดแย้งนั้นคืออะไร อันนี้สุดฝีมือเลย เพราะความขัดแย้งมากมายเราเพียงสัมผัสภายนอกเท่านั้น มิเคย ไม่สามารถ และมิอาจเข้าประชิด “ผลึกของความคิด” ที่ส่งผลต่อความขัดแย้งได้ ผมว่านี่คือสุดยอดวิชา สุดยอดปัยหาความขัดแย้ง
หากวิเคราะห์ลึกๆถึงรากเหง้าของความขัดแย้ง แม้ว่าสาเหตุมีมากมาย แต่ “แก่นแกน” ของมันก็เป็นความผิดเพี้ยนของมนุษย์ที่ออกนอกลู่นอกทางจากหลักธรรมของศาสนาทุกศาสนานั่น
“ความขัดแย้งทางอุดมการณ์” หรือ “ความขัดแย้งจากเหตุของ ผลึกความคิด ที่แตกต่างกัน” นั้นยากมากๆ เพราะเขาสามารถแลกด้วยชีวิต และทุกอย่าง ลูก เมีย สมบัติ ของรักของหวง ไม่สามารถมาทดแทน ผลึกความคิดที่ ขัดแย้งได้
แต่มิใช่ว่า อุดมการณ์เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ดูองค์คุลีมาน ซิ ดูลุงประเสริฐ และอีกมากมาย ดูแก่นแกนของเหลืองกับแดง เดิมคือเพื่อนร่วมอุดมการณ์ เข้าป่ารบมาด้วยมาวันนี้อุดมการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นคู่ปรับกัน…
อ้าวผมเอามะพร้าวห้าวมาขายหมอ เอ้ยมาขายสวนซะแล้ว อิอิ มาตามติดบทเรียนหมอเด้อครับ
เพียงแต่คนที่มีสติ คงไม่ไปร่วมวงกับเขา ถ้ามีโอกาสก็อาจทำอะไรเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยคนใกล้ตัว องค์กรของเรา ให้มีสติ แบบว่าทำสิ่งเล็กๆที่ยิ่งใหญ่
แต่สุดท้ายก็คงเป็นไปตามเหตุ………อิอิ