ความเป็นมาของลานปัญญา (ตอนที่ 1)
อ่าน: 1452จากบันทึก อยากรบกวนขอสัมภาษณ์ลุง ป้า น้า อาและพี่ๆทั้งหลายค่ะ ในลานการะเกด ของหนูเกด……
เป็นที่มาของบันทึกนี้ เพราะครูบาเคยบอกว่า ลานปัญญาเหมือนตะเกียงอาละดิน อยากได้อะไร อยากรู้อะไร ก็มาถูตะเกียงวิเศษ ยักษ์ก็จะออกมาช่วย แต่เที่ยวนี้เป็นจอมป่วนออกมา ไม่ใช่ยักษ์ อิอิ
…………
การรวมกลุ่มของลานปัญญามีที่มาอย่างไร?
สมาชิกในลานปัญญาเรียกตัวเองว่ากลุ่มเฮฮาศาสตร์ ส่วนใหญ่เริ่มรู้จักกันในฐานะ blogger ผ่าน Gotoknow.org เพราะมีความสนใจเรื่องการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ร่วมกัน
เป็นธรรมดาที่คนที่มีจริตตรงกัน มักจะชอบอ่านบันทึกแนวที่ตัวเองชอบ จึงอ่านและแสดงความคิดเห็นในบันทึกที่ตัวเองชอบ บางครั้งก็ทักทาย กระเซ้าเหย้าแหย่กันบ้าง จนเกิดความสนิทสนมกัน รู้จักกันผ่านโลกไซเบอร์
ที่ว่าจริตตรงกันคงจะเป็นเพราะคนกลุ่มนี้ชอบเรียนรู้ มีอารมณ์ขัน เรียนรู้ ทำงานและใช้ชีวิตแบบชิวๆ แต่ก็พอจะมีฝีไม้ลายมืออยู่บ้าง มาจากสาขาอาชีพต่างๆกัน ภายหลังก็มาค้นพบอีกว่าที่เหมือนกันอีกคือมุ่งพัฒนาตัวเอง มีจิตอาสาที่จะทำสาธารณะประโยชน์
5-8 เดือนเมษายน 2550 ก็มีการนัดพบกันที่สวนป่า ซึ่งเป็นที่พำนักของครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ อยู่ที่อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์นับว่าเป็นการพบปะกันเป็นครั้งแรก เริ่มเรียกตัวเองว่าเฮฮาศาสตร์ จึงนับว่าเป็นเฮฮาศาสตร์ครั้งที่ 1 และเริ่มวัฒนธรรมการกอดกันขึ้น (ตามบันทึก บันทึกจากมหาชีวาลัยอีสาน (ปฐมบทบันทึก) : สวนป่าพ่อครูบา..ผมรักบรรยากาศและทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นั่น. และบันทึก ..ผมโดนกอด…ผมโดนกอด ! (ผมตั้งตัวไม่ทัน !) ของแผ่นดิน- นายพนัส ปรีวาสนา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม )
ใครอยากเป็นยักษ์ หรือมีข้อมูลเพิ่มเติม เชิญเลยนะครับ… อิอิ
2 ความคิดเห็น
โหย…เกิดไม่ทันครับ ผมไปครั้งแรกน่ะ เฮฯ5 เข้าไปแล้ว
ที่จริงคือตั้งแต่ต้น ก็เฝ้าดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรครับ เนื่องจากตอนนั้น มีความจำเป็นในหน้าที่การงาน ว่าซ่ามากนักไม่ได้ อิอิก็ไม่ได้ครับ
คุณหมอหายไปนาน ระวังจะขึ้นสนิม อิ อิ