ความยั่งยืน

โดย จอมป่วน เมื่อ 22 ธันวาคม 2010 เวลา 22:43 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 1485

ความยั่งยืน (Sustainable)


การจะทำสิ่งใดให้เกิดความยั่งยืน ไม่ใช่การหาวิธี หากิจกรรมหรือพิธีกรรมที่จะทำให้เกิดความยั่งยืน แต่เป็นการปรับเปลี่ยนวิธีคิดที่จะยอมรับให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ต่อเนื่อง ไม่ใช่คอยหากิจกรรมที่เป็นการเปลี่ยนแปลงทีละเรื่องทุกสองสามปี

คนเราถ้าเข้าใจว่า การทำงาน การใช้ชีวิตและการเรียนรู้เป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปตลอดชีวิต และทำงานเป็น ใช้ชีวิตเป็น เรียนรู้เป็นก็จะเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ดูง่ายๆว่าเรียนรู้เป็นไหม? ทำงานเป็นไหม? ใช้ชีวิตเป็นไหม? ให้สังเกตว่ายังเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมไหม? ก้าวพ้นงานประจำได้ไหม? ก้าวพ้นการใช้ชีวิตประจำวันได้ไหม?

คนที่เรียนรู้เป็นจะสนใจสิ่งต่างๆรอบตัว ไปจนถึงที่ไกลๆตัว เพราะทุกสิ่งเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันหมด ที่เรียกว่าปรากฏการณ์ผีเสื้อกระพือปีก สนใจในวิชาชีพตัวเอง สนใจด้านสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และด้านจิตวิญญาณ หรือที่เรียกว่ามีสุขภาพดีจะรวมทั้งมิติ กาย (จิต)ใจ สังคม และปัญญา

การก้าวข้ามพ้นงานประจำหมายความว่ายังวุ่นวายอยู่กับงานประจำจนโงหัวไม่ขึ้นหรือไม่? เพราะเป็นอาการหนึ่งของขยันไม่เข้าท่า (ขยันโง่ๆ) คือมัววุ่นวายอยู่กับกิจกรรมที่ไม่มีประโยชน์หรือมีประโยชน์น้อย บางครั้งอาจเป็นกันหมดหรือเกือบหมดองค์กร หรือแม้แต่ประเทศ

พอจะมีการพัฒนาองค์กรหรือบุคคลากร ก็มักจะได้ยินเสียงบ่นว่า งานยุ่ง ไม่มีเวลา เสียเวลาเร่งงานที่ค้างดีกว่า แล้วก็วนเวียนอยู่กับการทำผิดซ้ำซาก มัวแต่ขยันไม่เข้าท่า เล่านิทานคนตัดไม้ให้ฟังก็ไม่เข้าใจ

บางครั้งก็อุตส่าห์กัดฟันพัฒนาบุคลากรและองค์กรแล้ว ก็ยังทำไปผิดทาง ผิดวิธีอีก เลยยิ่งวุ่นวาย ยิ่งเครียด ไม่เกิดความก้าวหน้าขึ้นเลยก็มี แย่ทั้งคนและองค์กรแถมยังไม่เอะใจอีก

การก้าวพ้นงานประจำหมายความว่า สามารถจัดลำดับความสำคัญของงานประจำ ทำอย่างมีประสิทธิภาพระดับหนึ่ง มีเวลาว่างพอที่จะพัฒนาบุคคลากรและองค์กรเสมือนหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานประจำ ไม่ใช่เป็นกิจกรรมที่มารบกวนงานประจำ แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำต่างหาก และถ้าทำถูกทางแล้ว บุคลากรก็จะมีความสุขกับการทำงาน มีประสิทธภาพมากขึ้น องค์กรก็มีความเจริญก้าวหน้า

การก้าวพ้นชีวิตประจำวันก็หมายถึงการใช้ชีวิตวันๆหนึ่งอย่างมีความสุขและมีความหมาย และมีเวลาพอที่จะเรียนรู้ พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่อยู่แบบมึนๆไปในแต่ละวัน ไม่มีเวลาเหลือที่จะพัฒนาตัวเอง (ไม่ต้องพูดถึงช่วยเหลือผู้อื่นหรือสังคมเลย) วันวันนึงก็เอาแต่วีนแตก นั่งทุกข์

องค์กรก็เหมือนกัน

ถ้าองค์กรก้าวพ้นงานประจำได้ ก็จะทำงานประจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเวลาพัฒนาบุคลากร บุคลากรก็จะมีความสุข องค์กรมีความก้าวหน้า

การสังเกตดูองค์กรก็ง่ายๆ

มีแบบเฉื่อยๆ อยู่แบบไม่ค่อยมีการประชุม ไม่ค่อยมีการพัฒนาบุคลากร กลัวการเปลี่ยนแปลง(ลึกๆ) อยู่กับความสำเร็จหรือความรุ่งโรจน์ในอดีต

หรือเป็นแบบคล้ายๆจะมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ มีการประชุม การอบรมพัฒนาบุคลากรวุ่นวายไปหมด แต่ไม่เห็นดีขึ้นเลย คนในองค์กรก็เครียด องค์กรก็แย่ลงๆ

หรือจะเป็นแบบที่ทำงานประจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเวลาพัฒนาบุคลากรอย่างสม่ำเสมอ คนในองค์กรมีความสุข องค์กรมีความก้าวหน้า ซึ่งจะต้องทำให้คนในองค์กรเห็นสภาพของโลกแห่งความเป็นจริง ติดตามการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงระดับโลก ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจและสังคม นโยบายระดับประเทศ ฯลฯ ไม่ใช่สนใจแต่เรื่องภายในองค์กรเท่านั้น

องค์กรที่เรียนรู้เป็น ก็จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราว รอจนมีวิกฤตจึงจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง หรือรอจนกว่าจะมีหน่วยเหนือหรือรัฐบาลสั่งการให้ทำการเปลี่ยนแปลงแล้วสักพักหนึ่งก็เลิกทำ

ตัวท่านและองค์กรของท่านเป็นแบบไหน? อิอิอิอิอิ

ของแถม…..

นิทานเรื่องคนตัดไม้…

มีคนสองคนเป็นเพื่อนกัน มีอาชีพตัดไม้ นาบจ้างจ่ายค่าตอบแทนตามผลงานที่ได้ คนที่หนึ่งตัดได้มากได้ค่าตอบแทนมาก คนที่สองตัดไม้ได้น้อยได้ค่าตอบแทนน้อย

คนที่หนึ่งเลยบอกเพื่อนว่า

……แกตัดไม้ได้น้อย เพราะขวานแกไม่คม และวิธีตัดของแกไม่ค่อยถูกต้อง เปลืองแรงและช้า จะสอนให้ เอามั๊ย?

คนที่สองตอบว่า

……อย่าเลย ตัดอยู่วันวันนึงยังตัดได้นิดเดียวเอง ขืนมาฟังแกสอนอีกก็แย่สิ คงตัดไม้ได้น้อยลงอีกแน่ๆเลย ขอบใจๆๆๆ

แป่ววววว…….$!%*!)+!)%)&!))%+_)#^**

Post to Facebook Facebook

« « Prev : ขยันไม่เข้าท่า อิอิ

Next : ทำกลับกัน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ธันวาคม 2010 เวลา 4:34

    ภาพถ่ายสวยเขียนดีวิธีคิด
    ช่วยสะกิดหัวใจให้ผะผ่าว
    แถมนิทานสั้นๆคิดกันยาว
    เป็นเรื่องราวขมวดจิตให้ปลิดปลง

  • #2 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ธันวาคม 2010 เวลา 16:33

    ชอบบันทึกนี้ค่ะ อ่านแล้วไม่ต้องหาเครื่องปั่น เครื่องตี และเครื่องกรอง มาตีความ รวมความและแยกความ อิอิ บันทึกนี้รวมไว้แล้ว 3 in 1 ขอบพระคุณบทความดีๆอีกบทหนึ่ง(ในหลายๆบทความดีๆของพี่หมอ )ค่ะ

    หมายเหตุ ช่องนี้ สีนี้ คนไม่ค่อยแก่ พิมพ์แล้วมองบ่ค่อยเห็นเจ้า…

  • #3 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ธันวาคม 2010 เวลา 20:37

    ผมอยากจะมองจากมุมเล็กๆ ว่า ความยั่งยืนนั้น ความหมายและองค์ประกอบอาจจะแตกต่างกันไป
    อะไรยั่งยืน ความยั่งยืนนั้นกินขอบเขต หรือในบริบทไหน นักวิชาการก็ต้องตั้งเกณฑ์ ชี้วัดมากน้อยแล้วแต่ จะคิดอ่านกัน
    รายละเอียดเรื่องนี้ ทำกันมาเยอะ มีทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง

    หากผมมองในเรื่องของความยั่งยืนของการพึ่งตนเองของชาวบ้านที่ผมทำงานอยู่
    หากมองจากนักวิชาการจ๋าก็หนีไม่พ้นกำหนดตัวชี้วัด จะมีส่วนร่วม หรือไม่มี หรือมีมากน้อยแค่ไหน ผู้รับผิดชอบก็สร้างมันขึ้นมา หรือเวลาทำมีส่วนร่วมบ้าง แต่เวลาเขียนรายงานก็สร้างภาพเสียมากมายก่ายกองก็มีเยอะ
    ข้อตำหนิที่ผมมักตำหนิบ่อยๆคือ นักวิชาการประเภทนี้มักเยึดเอาวิชาการเป็นสรณะ ไม่มอง Trend หรือมองแต่ไม่ได้หยิบเอามาอธิบาย หรืออธิบายแต่ไม่ได้ขยายความให้มันเห็นความเกี่ยวเนื่องของการเคลื่อนตัวของ คน ครอบครัว องค์กร สังคม เมื่อตัวเลขของการประเมินตามตัวชี้วัดออกมาว่า ดี ก็อธิบายว่าดี หรือเมื่อตัวชี้วัดออกมาว่าไม่ดี ก็เขียนว่าไม่ดี แต่ไม่ได้อธิบาย trend ของมัน

    หากเราจะมองที่ตัวคนหรือครอบครัว
    ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยข้าวไม่พอกิน ตัวชี้วัดออกมาเช่นนั้น ก็อธิบายว่าตกเกณฑ์ และไม่มีความยั่งยืน
    แต่ความจริงของเขานั้น มีการแก้ปัญหาในหลายวิธีจนมีข้าวพอกิน แต่ความจริงนี้ไม่ปรากฏในการศึกษา ในการประเมินผล ในการวิเคราะห์ แล้วไปสรุป แล้วก็ไปสรุปท้ายสุดไม่ยั่งยืน นักวิชาการที่เป็นคนนอกที่ไม่เข้าใจวงจรแห่งวิถีชุมชนก็บกพร่องได้บ่อยๆ

    ชาวบ้านมีฐานของการตื่นรู้ และปรับตัวไปตามเงื่อนไขที่แวดวล้อมเขา
    ความยั่งยืนที่มองจากข้างนอก กับความยั่งยืนที่เขามองก็ต่างกัน

    นี่เป็นบางมุมที่เกี่ยวกับความยั่งยืน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ยังเป็นประเด็นในทุกกลุ่ม

  • #4 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ธันวาคม 2010 เวลา 6:41

    ขออนุญาตแบ่งปัน ถ่ายทอดค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.19838309288025 sec
Sidebar: 0.39242196083069 sec