เรื่องของจอมป่วนตอนที่ 1 ได้อะไรจากสวนป่า?
อ่าน: 1815จำไม่ได้แล้วว่ามาสวนป่ากี่ครั้ง ไม่รู้ว่าจะจำไปทำไมด้วย แต่ก็ได้เรียนรู้และรู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้นทุกครั้งที่มาสวนป่า (ที่เรียนรู้จากอ.โสรีช์ คือคงไม่ใช่สวนป่าปัจจัยเดียวหรอกที่ทำให้เติบโต แต่เป็นทุกๆสิ่ง ทุกๆคน ทั้งต้นไม้ ดินฟ้าอากาศ ไก่ต๊อก นกยูง หมูเหมยซาน ฯ สรรพสิ่งที่เกื้อหนุนให้เกิดขึ้น)
คำถามแรกในสามคำถามที่ชอบใช้ในการประเมินผลกิจกรรมทุกครั้ง คือรู้สึกอย่างไร ? แล้วจะตามด้วย เรียนรู้อะไร? สุดท้ายจะเป็นแล้วนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตได้อย่างไร ?
มีอาจารย์หลายท่านบอกว่า พยายามแยกให้ออกระหว่างรู้สึกอย่างไร ? กับคิดอย่างไร? เพราะเป็นคนละเรื่องกัน แต่สำหรับมือใหม่หัดขับ การสะท้อนในวงสนทนาก็อนุโลมบ้าง เพราะไม่งั้นจะปิดกั้นการสนทนา ถ้าถูกทักว่าพูดผิด มีเงื่อนไขมากเกินไป หลายคนอาจเกร็ง อาจอึดอัด ทำให้กลัว รู้สึกไม่ปลอดภัย เลยไม่พูดหรือพูดแบบเกร็งๆ
บางครั้งบอกว่ารอบแรกเอาแค่รู้สึกอย่างไร? บางคนก็รวมเรียนรู้อะไร? และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไร? รวบยอดไปเลย ก็ปล่อยให้ลื่นไหลไป การสนทนาจะได้ไม่สะดุด
ความรู้สึกแรกของการมาสวนป่าครั้งนี้คือ รู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้น (แยกยากนะว่าเป็นความรู้สึกหรือเป็นความคิด แต่ก็ช่างเหอะ)
ที่ว่าเติบโตขึ้น เริ่มจากตอนเริ่มจะเดินทางเลยนะครับ ทีมลำพูนแจ้งผ่านลานเจ๊าะแจ๊ะว่าจะออกเดินทางแปดโมงเช้า คำนวณง่ายๆก็คงจะมาถึงพิษณุโลกเที่ยงหรือเที่ยงเศษๆ พาไปหาอะไรอร่อยกินกันแล้วค่อยออกเดินทางไปสวนป่า
ใกล้เที่ยงได้รับโทรศัพท์จากครูอึ่งว่าถึงเด่นชัยแล้ว แปลว่าคงถึงพิษณุโลกบ่ายสอง ถ้าเป็นสมัยก่อนรังสีอะไรบางอย่างคงผ่านโทรศัพท์ไปทางโน้นแน่นอน แต่คราวนี้ชิวๆ อาจเป็นเพราะเป็นเพื่อนเรา เป็นชาวเฮ เราเลยรู้สึกอย่างนี้ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะเป็นสองมาตรฐานไปก็ได้ อิอิ
เอาละ เที่ยงก็ยังไม่หิวข้าว อยากกินกับชาวเฮ บ่ายสองก็บ่ายสอง มีเอกสารต้องลงนามก็ทำงานไปเรื่อยๆ เสร็จแล้วก็นั่งคุยเอ็มหยอกลูกสาว(หลายๆคนเล่น) ใกล้ๆบ่ายสองครูอึ่งก็โทรมาแจ้งว่าอีกสามสิบกว่ากิโลจะถึงพิษณุโลกแล้ว จะลุกจากเก้าอี้ก็มีเอกสารมาให้ลงนามอีกสามแฟ้ม ยังกับจะแกล้งกัน แต่ก็ยังชิวๆจัดการจนเรียบร้อย
เดินลงมาตามหาคนขับรถ อิอิ หายไปไหนก็ไม่รู้ วางแผนไว้ว่าจะให้คนขับรถขับไปส่งจุดนัดพบแถวสี่แยกอินโดจีน ทีมลำพูนจะได้ไม่ต้องเสียเวลามารับในเมือง แล้วให้เอารถกลับไปจอดไว้ที่บ้าน เจอคนขับรถของคนอื่นเลยถามว่าว่างไหม? ไปส่งหน่อยสิ เลยรอดตัวไป แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ยังชิวๆอยู่ นัดทีมลำพูนว่าถึงสี่แยกอินโดจีนให้เลี้ยวขวาไปเจอกันปั๊มแรก พอรถเลี้ยวสี่แยกอินโดจีนก็เห็นรถเก๋งป้ายทะเบียนลำพูนอยู่ข้างหน้า ตรวจสอบก็ปรากฏว่าใช่จริงๆ แบบว่าเจอกันกลางอากาศเลย ก็เลยจอดขึ้นรถของทีมลำพูน ให้คนขับรถเอารถกลับไปเก็บที่บ้าน พาทีมลำพูนไปกินผัดไทวังทองเจ้าดังอย่างสบายอารมณ์
นั่งทบทวนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นสมัยก่อน คงหลายจี๊ดไปแล้ว แต่คราวนี้ชิวๆครับ พี่น้อง
ยังไม่จบครับ ระหว่างอยู่สวนป่าก็มีเรื่องราวมากมาย และระหว่างที่เดินทางกลับ ความจริงไม่ใช่กลับครับ เดินทางมา กทม. แล้วต่อมาเกาะสมุย มีอะไรๆเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ชิวๆ มาถึงสมุย แบบว่าเข้าที่พัก กอดแม่นุ เจอนายแซม น้องอ้าย ได้อาบน้ำ กินข้าว แล้วก็มาทำงานทันเวลาแบบชิวๆ
แบบนี้แหละที่รู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้น บางคนบอกว่าแก่แล้วจะเติบโตขึ้นได้อย่างไร?
เที่ยวนี้ไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปไป เลยต้องขอยืมรูปจากครูบามาใช้ อิอิ
« « Prev : จากเรื่องที่อยากพูด สู่เรื่องที่อยากเขียน
Next : คำถามเฮงซวย เรื่องของจอมป่วนตอนที่ 2 ได้อะไรจากสวนป่า? » »
2 ความคิดเห็น
อิอิ ขโมยไอเดียไปใช้ดีกว่า…ที่จริงก็ไม่ใช่หรอก เราแยกได้อย่างไรว่านี่ความคิดใคร ถ้าคิดเหมือนกัน ใครคิดก่อน ก็ไม่ใช่อีก ถ้าไม่คิดเองว่าใช่ แล้วจะใช่เหมือนกันได้อย่างไร เริ่มจะป่วนเป็น หรือ แสดงให้ป่วนเป็น หรือ จริงๆป่วนลึกๆ เอาล่ะสิ…
ป้าหวานเห็นพี่หมอเขียนแบบนี้แล้วก็รู้สึก หรือ คิด? ว่าใช่เลย สิ่งที่ได้คือเติบโตขึ้นค่ะ อิอิอิ
สวัสดีค่ะคุณหมอ อยากชิวๆนะคะ(อย่างมากมาย) แต่…. หลายต่อหลายครั้งกับงานที่มีระเบียบ ทรัพยากรจำกัดแล้วต้องแบ่งปัน ก็ยอมไม่ได้คุยหน่อยแหละถ้าไม่ฟังกัน ตกเย็นก็ฟาดๆๆลูกแบดแรงๆกับลูกสาว ลูกไม่สงสัยเพราะเคยตีลูกเร็วๆ กันเป็นประจำ ปั้นๆจักยานหลายๆรอบ หายบ้าไป ใช้แรงหมด กลางคืนสลบเหมืือดจ้า เช้าหัวเราะได้ใหม่ อิอิ