เพิ่งรู้ว่าป่วนมานานแล้ว
อ่าน: 1912วันนี้เทศบาลนครพิษณุโลกมีกิจกรรมอบรมสัมมนาพัฒนากลุ่มสตรีของเทศบาล ได้เรียนเชิญท่านคณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรมาพูดเรื่องครอบครัวอบอุ่นให้กลุ่มสตรีฟัง
รู้จักกับท่านคณบดีมานานแล้ว บ้านนี้เป็นคณบดีทั้งสองท่านเลย บ้านก็อยู่ใกล้ๆกัน อาจมีโอกาสพบปะพูดคุยกันน้อย แต่จะเจอสองตายายขี่จักรยานออกกำลังกายริมน้ำตอนเช้าๆบ่อยๆ ก็ทักทายกันไป
วันนี้อยู่ต้อนรับท่านและนั่งฟังท่านพูดคุยกับกลุ่มสตรี ท่านเล่าว่าปกติไม่รับเชิญบรรยายพิเศษเพราะภารกิจรัดตัวมาก เที่ยวนี้ทางคณะตกใจมากที่ท่านรับเชิญ ท่านบอกว่ารับเชิญเพราะ
1. เป็นการพูดคุยกับกลุ่มสตรี
2. เป็นเรื่องครอบครัวที่ท่านสนใจและศึกษาวิจัยอยู่
3. ท่านชื่นชมผลงานของเทศบาลนครพิษณุโลก
4. ผู้ที่เชิญเป็นกัลยาณมิตรของท่าน
ท่านคณบดีเล่าให้กลุ่มสตรีฟังว่า เมื่อประมาณยี่สิบปีที่แล้ว ท่านเสียบุตรชายไปจากอุบัติเหตุ ท่านเสียใจมาก ทำใจอยู่หลายเดือนแล้ว จิตใจไม่ดีขึ้นเลย จนไม่อยากจะอยู่ในโลกนี้แล้ว ทั้งสองท่านก็แวะมาหาที่บ้าน มาพูดคุยขอคำปรึกษา (จำไม่ได้แล้วว่าพูดอะไรไปบ้าง แต่หลังจากนั้นก็เห็นทั้งสองท่านทำงานและมีผลงานเป็นที่ยอมรับของมหาวิทยาลัยและสังคม ) วันนี้ท่านบอกว่าคำพูดของจอมป่วนทำให้ท่านเปลี่ยนมุมมองของชีวิต เปลี่ยนวิธีคิด ทำให้หลุดพ้นจากภาวะเศร้าโศรกเสียใจมาได้ และเป็นแนวทางให้ท่านใช้ชีวิตครอบครัวและการทำงานมาจนปัจจุบัน
ท่านหันมาศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรม (จอมป่วนยังไม่ได้ทำอะไรเลย) ท่านให้ข้อคิดว่าเราเปลี่ยนแปลงคนอื่นไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ จะสุขจะทุกข์ก็อยู่ที่ตัวเราเอง แถมท่านยังมีโอกาสช่วยเหลือเพื่อนๆที่ประสบภาวะสูญเสียบุตรเหมือนท่านอีกหลายราย แถมใช้ชีวิตครอบครัวและการทำงานอย่างมีความสุข ความเมตตา
นั่งฟังอยู่ก็รู้สึกแปลกๆ ดีใจ…ฯ บอกไม่ถูก ตอนที่พูดก็ไม่คิดว่าจะมีผลอะไรมากมายขนาดนี้ ไม่ได้ตั้งใจหรือคาดหวังอะไรมาก เหมือนอยากปลอบใจ อยากช่วยแนะนำอะไรบางอย่างให้คลายทุกข์โศก
ท่านคณบดีบอกว่า จำได้จนถึงวันนี้ว่า จอมป่วนพูดว่า “ อาจารย์ต้อง break cycle นี้ให้ได้ ไม่งั้นมันจะวนเวียนและทำให้ทุกอย่างแย่ลง ” ไม่แน่ใจว่าท่านจะเข้าใจว่ามันเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง หรือคนหัวสีเหลี่ยม (คนที่คิดเหมือนเดิม ทำเหมือนเดิมแต่หวังว่าจะเกิดสิ่งใหม่ๆได้) ที่ทำให้ท่านปิ๊งแว๊บ แล้วเปลี่ยนวิธีคิด ทำให้ท่านหลุดวงจร หลุดจากภาวะตรงนั้นได้
เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ไม่รู้จักจิตวิวัฒน์ กระบวนกร ธรรมะ การโยนตัวกวน ฯลฯ อะไรทั้งนั้น แถมสารพัดอบายมุข (ยังไม่ได้เป็นโจรกลับใจ) แต่ตอนที่คุยกับอาจารย์ รู้สึกรักเพื่อน เข้าใจเพื่อน หวังดีอยากให้เพื่อนพ้นทุกข์เท่านั้นเอง เลยตอกย้ำความเชื่อว่า ถึงไม่ทราบเทคนิค กิจกรรม วิธีการ แต่ด้วยอานุภาพของความรัก ความเข้าอกเข้าใจ ความเห็นใจ เราทำ พูดไปตามธรรมชาติ ก็อาจเกิดผลที่เราไม่เคยคาดหมายไว้ก็ได้
Next : ตรวจคำตอบ ไม่ใช่ตรวจข้อสอบ อิอิ » »
10 ความคิดเห็น
ป่วนได้อมตะนิรันดร์กาลอย่างยอดเยี่ยมจริงครับ
เขียนไม่ค่อยเก่ง เลยสื่อสารออกมาได้ไม่ชัด
ความจริงต้องการสื่อและให้กำลังใจว่า คนตัวเล็กๆ ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร ถ้าหัวใจโตๆก็ทำเรื่องราวดีๆได้มากมายครับ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวลอะไรครับ อิอิ
มาป่วน…
เพื่อนลูกสาวเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย
เห็นนักศึกษาสมัยใหม่นุ่งกระโปรงสั้นมาเรียน เธอบอกว่า ให้คนที่สวม “กระโปรงสั้นจุ๊ดจิ๋ม” ออกไปนอกห้อง
เด็กฟังก็งงๆ ทำไมไม่สั้นจุ๊ดจู๋ เธอก็เฉลยว่า เพราะคนที่สวมกระโปรงสั้นนั้นมันไม่มีจู๋ไง….ฮิ้วๆๆ
ในความเป็นกัลยาณมิตรนั้น มีความจริงใจ กล้าที่จะเตือน กล้าที่จะพูดความจริงอยู่ด้วยครับ (เรียกว่าป่วน)
ส่วนจะ “เอ๊ะ” หรือไม่นั้น ขึ้นกับพื้นฐานของผู้(รับ)ฟัง แต่เมื่อเป็นเพื่อนกันที่สนิทกันมากกว่าคนแปลกหน้า คงหาวิธีพูดที่เหมาะกับผู้ฟังได้ครับ
มาป่วน หัวหน้าแก๊งค์ ค่ะ อิอิ
อิอิ สั้นจุ๊ดจิ๋ม คิดได้ไง
ชะแว๊ปจากการทำงาน มาอ่านบันทึกจอมป่วน..
กำลังประทับใจในอานุภาพของความรัก เมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน..
อ่านต่อลงมาถึง กระโปรงสั้น..จุ๊ดจิ๋ม..ในความเห็นของท่านอัยการ..
ทำอะไรต่อไม่ได้เลย..นั่งหัวเราะ กั๋กๆๆๆ อยู่คนเดียว..
คิดได้ยังไงค้า..จุ๊ดจิ่มเนี่ย…555555
อ้าว..พี่ตึ๋ง…ไหงยอมรับง่ายๆซะงั้นละพี่….ว่าแต่ว่า…น้องฑูร…พ่อครูนะเขายอมรับเหมือนพี่จริงๆรึ…… อิอิอิ