ฟังเรื่องสุนทรียสนทนาที่โรงพยาบาลพุทธชินราช
อ่าน: 1892วันนี้ได้รับหนังสือเชิญจากคุณหมอสาโรจน์ สันตยากร ซึ่งรับผิดชอบการจัดการความรู้ของโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก ให้ไปรับฟังประสบการณ์การทำสุนทรียสนทนาของโรงพยาบาล ตอนบ่ายๆ ไม่ไปได้ไงล่ะครับ เพราะสัญญากันไว้ว่าจะร่วมกันสร้างเครือข่ายขึ้นในจังหวัดพิษณุโลก
เคยนัดพรรคพวกไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลมาหลายครั้งแล้วครับ ได้รับความรู้เพิ่มเติมมากขึ้นในแต่ละครั้งที่ไปเยี่ยม คราวนี้ก็ตื่นเต้นที่จะได้ไปร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอีกครั้งนึง คุณหมอสาโรจน์ก็แนะนำว่ามีเพื่อนๆจากกำแพงเพชรมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย
คุณหมอสาโรจน์ซึ่งรับบทคุณเอื้อก็เริ่มแนะนำเรื่องการจัดการความรู้และการทำสุนทรียสนทนา ใช้เวลาสั้นมากเพราะต้องการให้ทีมงานเล่าประสบการณ์ให้ฟังมากกว่า
….. คุณพะเยาว์ จากแผนกจักษุ เล่าประสบการณ์ให้ฟัง
…… เริ่มด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะราบรื่นนักในแผนก เรื่องร้องเรียนสูงมาก เขียนบ่นกันเต็มๆหน้ากระดาษ ใช้ภาษาที่ไม่ค่อยจะสุภาพ
ขำที่คุณพะเยาว์เล่าให้ฟังว่าเดิมญาติผู้ป่วยตำหนิว่า เป็นพยาบาลนะไม่ใช่ตำรวจ การซักประวัติผู้ป่วยทำยังกับตำรวจซักผู้ต้องหา
หลังจากที่ได้รับฟังคุณหมอสาโรจน์และทีมงานกล่อม ก็เริ่มสนใจและนำสุนทรียสนทนามาใช้
หลังจากนั้นก็พบว่าพฤติกรรมบริการดีขึ้น บรรยากาศการทำงานดีขึ้น การทำงานเป็นทีมดีขึ้น มีการทำงานแบบมีส่วนร่วมจากทุกๆฝ่าย มีการทำงานโดยยึดผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง
….. ที่สำคัญ มีนวัตกรรมเกิดขึ้น รวมทั้งมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นจากการเสนอแนะของคนงาน เดิมถ้ามีการเสนออะไรใหม่ก็จะมีเสียง อึ๊.. ทำไม่ได้หรอก ไม่เคยมีใครทำ ทำได้ไง ? เปลี่ยนมาเป็น น่าจะลองดูนะ
มีการเริ่มนำสุนทรียสนทนาไปใช้กับผู้ป่วยและญาติ ทำให้เข้าใจผู้ป่วยและญาติมากขึ้น คุณพะเยาว์เล่าว่าเดิมพอหมดเวลาเยี่ยมก็จะไล่ญาติที่เฝ้ากลับบ้านหมด แต่ระยะหลังพบญาติที่เป็นเด็กสาววัยรุ่นไม่อยากกลับ ก็มีการพูดคุยสอบถาม ปรากฏว่าถ้ากลับบ้านจะผ่านเส้นทางที่เปลี่ยวมาก เลยต้องอนุโลมให้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไล่กลับ ไม่พูดไม่คุยแล้ว
ที่สำคัญคือทีมงาน ผู้ป่วยและญาติเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น มีความสุขในการทำงานมากขึ้น
ตอนนี้ศึกภายในสงบแล้ว อยากสงบศึกนอกแผนกด้วย …….
มาฟังเรื่องเล่าจากอายุรกรรมชาย 3 บ้างนะครับ
จี๋ หัวหน้าตึก (ไม่เจอนานมากแต่ก็ยังสาวและสดชื่น) เล่าว่าเป็นตึกที่ดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง มีเป้าหมายจะเป็น Hospitel ตอนจะเริ่มใช้สุนทรียสนทนา ก็นึกไม่ออกว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ? พยาบาลอายุรกรรมมีแต่คนเก่งๆ อัตตาสูง เดิมแค่ส่งเวรก็ทะเลาะกันเป็นประจำแล้ว
อยากทำแต่ก็มีปัญหาว่าจะมีใครในหน่วยงานที่สนใจและจะมาช่วยทำ แต่ก็โชคดีได้ 3 ขุนพลมาช่วย
เจี๊ยบ (หนึ่งในขุนพลของอายุรกรรมชาย 3) ก็มาเล่าต่อ
…… อยากรู้ว่าสุนทรียสนทนาคืออะไร ?
…… ถ้าทำสุนทรียสนทนาแล้วจะสามารถพัฒนาบุคลากรในหน่วยงานได้อย่างไร ?
ก็เลยเปิดเน็ต (ค้นจิตวิวัฒน์ วงน้ำชา สุนทรียสนทนา) อ่านหนังสือ แล้วไปอบรม หัวหน้าเห็นสนใจก็ยกให้จัดทีมงานทำกันเลย
เจี๊ยบเล่าได้สนุกมาก น่าติดตามเพราะเล่าจากประสบการณ์จริงๆ ทำไปศึกษาไปร่วมกับคนที่มาร่วมสุนทรียสนทนา
…… ใหม่ๆ ไม่มีคนพูด
…… ไม่ตั้งประเด็นจากปัญหา แต่เริ่มจากสิ่งดีๆ
…… เริ่มค้นหาคำคม เอามาติดบอร์ด ติดแม้กระทั่งห้องน้า
…… ใช้ India Stick (ไม้วิเศษ) ใครถือไม้ก็มีสิทธิพูด
……. เกิดนวัตกรรมในการทำงานจากความเห็นของทุกระดับ ทำให้ทีมงานมีความภูมิใจและมีความสุขที่ได้รับการยอมรับ
…… มีการนำเสนอความสำเร็จ ทำให้เกิดความภูมิใจ
…… ลองเอาญาติและตัวผู้ป่วยมานั่งคุยด้วย บันทึก VDO มาให้ดูด้วยเลย ประทับใจมาก
……. จากการพูดคุยกัน ทำให้เข้าใจความต้องการของผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย
……. สามารถทำให้ญาติรู้สึกมั่นใจว่าสามารถดูแลผู้ป่วยได้ เมื่อผู้ป่วยกลับบ้าน
……. ที่ชอบใจเพราะเล่าว่าหลังจากเริ่มพูดคุยกับผู้ป่วยและญาติ เพิ่งรู้จักและเข้าใจผู้รับบริการ ซึ่งเดิมไม่เคยสนใจเลย (ดีนะที่เอะใจ)
……. ที่ประทับใจก็เป็นตอนที่ให้ญาติเริ่มฝึกที่จะดูแลผู้ป่วยเด็กสาวที่มีอาการอ่อนแรงของแขนขาชั่วขณะ พ่อถามว่าช่วยทำได้เหรอ แล้วก็ได้ดูแลลูก ได้กอดลูก พอลูกหายก็มาเล่าว่า รู้ว่าพ่อรักเพราะพ่อกอดตอนป่วย……ความสัมพันธ์พ่อลูกดีขึ้นมาก
ตอนนี้เริ่มเอามาใช้กับเรื่องของวิชาการ หลังจากเปิดใจพูดจากันได้สักพัก กิจกรรมทางวิชาการมีบรรยากาศที่ดีขึ้นมากๆ มีคนอาสาที่จะพูดเรื่องทางวิชาการ คนฟังก็สนใจที่จะฟัง ต่างจากเดิมคนพูดก็กลัว คนฟังก็ไม่อยากมาฟัง
ที่เขียนบันทึกนี้เพราะความประทับใจในกิจกรรมสุนทรียสนทนา และที่ประทับใจมากที่สุดก็คือ เจี๊ยบ คนที่สนใจสุนทรียสนทนาก็ค้นคว้าด้วยตัวเอง เป็นตัวอย่างของการทำด้วยหัวจิตหัวใจ ความรัก ความหวังดี ด้านเทคนิคและวิธีทำก็ทำไปศึกษาไป ผลงานจะแตกต่างจากผลงานที่แข็งกระด้าง ไม่มีชีวิตจิตใจจากคนที่รอบรู้เทคนิคต่างๆมากมาย แต่ขาดความรัก ความเห็นอกเห็นใจ การรู้จักและเข้าใจ
ก่อนกลับก็ไม่ลืมที่จะไปพบปะพูดคุยกับเจี๊ยบและทีมงาน แถมได้พูดคุยกับทีมงานจากกำแพงเพชร จีบๆไว้เป็นเครือข่ายไว้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ
ทำงานเริ่มต้นด้วยความรัก ความหวังดี ความเห็นอกเห็นใจ การรู้จักและเข้าใจคนที่เราทำงานด้วย เทคนิคและวิธีการเป็นเรื่องรองครับ
« « Prev : ผาซ่อนแก้ว - อีกครั้งครับ
2 ความคิดเห็น
มาบอกว่ายกมือเห็นด้วย และมาเสริมว่า
ทำงานเริ่มต้นด้วยความรัก ความหวังดี ความเห็นอกเห็นใจ ที่มีการรู้จักและเข้าใจตัวเองเป็นพื้นฐานก็จะมีความรัก ความหวังดี ความเห็นอกเห็นใจให้กับคนที่เราทำงานด้วย เทคนิคและวิธีการที่บอกว่าทำไม่เป็นนะ เป็นเรื่องรองค่า
ขอบคุณน้องตุ๊กตามากครับ ที่ช่วยมาต่อยอดความรู้ อิอิ