เมื่่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ …ขอธรรมะมีในใจปวงประชา
เย็นวันศุกร์ ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ทิ้งแสงสุดท้ายเจิดจ้าทาบแผ่นฟ้า..ดูเหมือนจะเกือบทุ่มแล้วมั้ง
เย็นวันศุกร์ ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ทิ้งแสงสุดท้ายเจิดจ้าทาบแผ่นฟ้า..ดูเหมือนจะเกือบทุ่มแล้วมั้ง
เดือนเมษายน ปี 55 นี้อากาศร้อนมาก
เมื่อก่อนเวลาฟังข่าวบอกประเทศโน้นนี้ อากาศร้อนอุณหภูมิสี่สิบองศา…นึกว่าจะอยู่อย่างไร
ปีนี้เจอกับตัวเองซะแล้ว
เช้านี้หยิบรองเท้าสานมาใส่เพราะอากาศก็ไม่ร้อน ฝนอาจจะตก รองเท้าอื่นๆ ถ้าเจอฝนก็คงพังไปตามๆกัน ดูฟ้าก็ยังทำนายไม่ได้ว่าฝนจะตกไหม เพราะเดี๋ยวนี้ฝนจะตกก็ตกไม่มีเตือน ตกเสร็จก็ร้อนอบอ้าวไม่ได้ชุ่มเย็น
ฤดูกาลตอนนี้บอกไม่ได้ว่าอยู่ฤดูไหน จนดูเหมือนว่าควรจะเตรียมพร้อมไปทั้งสามฤดูใน 1 วัน
เรื่องว่า ตอนนี้เราอยู่ในฤดูอะไร ก็นึกถึงเมื่อวานนี้ไปส่งแม่ตรวจความจำ มีคำถามหนึ่งถามว่า ขณะนี้ฤดูอะไร ดูเหมือนแม่สอบตกไม่ได้คะแนน เพราะแม่ไปตอบว่า ไม่แน่ใจบางวันก็ฝน บางวันก็ร้อน กลางคืนก็หนาว ฮ่าๆๆ สอบตกเพราะตอบไม่ตรงคำถาม (เขาบอกว่าคำตอบคือฤดูร้อน…เพราะเป็นเดือนพฤษภาคม..อิอิ)
แต่ละวันทำอะไรไม่ได้อย่างที่ตั้งใจเอาซะเลยค่ะ
รู้สึกว่าวันเวลาผ่านเร็วจังนะคะ เวลาถูกแบ่งไปกับหลายอย่างในแต่ละวัน
หยุดสงกรานต์ 5 วัน เตรียมทำงานเอกสารต่างๆที่คั่งค้างเพราะอยากให้เกิดมงคล 1 ใน 38 ข้อที่ว่าการทำงานไม่คั่งค้าง
แต่ไม่ได้ทำเท่าที่อยากทำ
วันเสาร์ฟ้าหม่นเหลือเกิน ข่าวว่าฝนตกในเมืองกรุง…ฝนตกทางโน้น ฟ้าหม่นถึงทางนี้
วันอาทิตย์ลมพัดฝนทำท่าจะตก มีเสียงเปาะแปะบนหลังคา
รีบเก็บผ้า..ชีวิตที่พึ่งพาฟ้าดิน..แดดออกก็ซักผ้า ฝนจะมาก็รีบเก็บ
หันไปตะวันตก พระอาทิตย์ยามเย็นเตรียมหลบเร้นลับฟ้า
เหลียวตะวันออก…ดอกยางแดงเต็มต้น …พวงระย้าอย่างกับจะหยาดหยดร่วงพรู
ทั้งทิศตะวันตก และตะวันออก พระอาทิตย์และต้นยางทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์
การเปลี่ยนแปลงก็เฉกกัน…ไม่หยุดยั้ง …ซื่อสัตย์กับสัจธรรมชีวิต…ของ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย…เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป…เสมอ
รับรู้อย่างสงบ
ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ ไม่มีเรา