ลูกไฟดาวตกขนาดครึ่งเมตร พุ่งชนโลก 11-1-11 NASA ยืนยันจุดตกแล้ว

2 ความคิดเห็น โดย iwhale เมื่อ 15 January 2011 เวลา 7:10 pm ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2783

นำภาพถ่ายที่ชัดเจนและสวยงามของดาวตกมาให้ชมกันนะครับ ถ้าอยากดูภาพขนาดใหญ่คลิกที่นี่

แต่เป็นภาพของเมื่อปี 2008 นะครับ มีวัตถุจากอวกาศตกลงมาใส่โลกอยู่มากมายตลอดเวลาขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง แต่ที่ตกลงงมาในวันที่ 11/1/2011 นั้นต้องถือว่ามีขนาดใหญ่เลยทีเดียว นักดาราศาสตร์ด้านนี้ของ NASA ได้เขียนลง blog ของศูนย์ฯแล้ว วิธีการคำนวณหาขนาดของวัตถุนี้เขาคำนวณจากคลื่น Infrasound ที่วิ่งจากจุดที่ตกกระทบราวสองทุ่มครึ่ง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาทีจึงได้ยินไกลไปถึงศูนย์ Elginfield Infrasound Array (ELFO) ในแคนาดาตอนสี่ทุ่ม จากข้อมูลที่ได้คาดว่าดาวตกดวงนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว 21 นิ้ว น้ำหนัก 376 ปอนด์ และวิ่งมาชนโลกด้วยความเร็วสูงถึง 33,000 ไมล์ต่อชั่วโมง ขณะนี้ยังค้นหาวัตถุนี้กันอยู่ซึ่งคาดว่าจะตกในเทือกเขา พลังงานของดาวตกนี้เทียบเท่ากับระเบิด TNT ขนาด 40-80 ตัน ก่อให้เกิด Infrasound นานถึง 2.5 นาที

คำถามที่แวบมาในหัวคือ แล้วมันจะตกลงมาอีกเรื่อยๆหรือไม่ และมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือไม่ คงต้องคลิกย้อนไปดูเรื่องก่อนหน้านี้สักนิด ซึ่งมีสัญญาณบอกว่าแนวโน้มคือ “ใช่” และที่สำคัญคือระบบสุริยะของเรากำลังวิ่งตัดผ่านระนาบกาแลคซี่ จะส่งผลให้ดาวหางและวัตถุต่างๆวิ่งเข้าชนโลกมากขึ้น ดูจากรูปด้านล่างและจะเข้าใจมากขึ้น ว่าระบบสุริยะของเราวิ่งไปรอบกาแลคซี่เป็นคลื่นขึ้นๆลงๆและในช่วงนี้ระบบสุริยะและโลก กำลังตัดผ่านกับแนวของของกาแลคซี่พอดี

สิ่งที่ผมสงสัยมากที่สุดคือ วัฐจักรมันนานตั้ง 30 ล้านปี ทำไมมันจะต้องมาครบวงจรตอนใกล้จะปี 2012 พอดี ซึ่งอะไรๆก็มาเจอกันตอนนั้นหมด ทั้งปฎิทินมายันหมดแค่ปีนี้พอดี, ดาวทั้งระบบสุริยะเรียงตัว (มันจะดูดอุกาบาตมามากขึ้นหรือไม่?), ดวงอาทิตย์จะมีปฎิกิริยามากที่สุด ฯลฯ ถึงยังไงก็ขอให้ใช้สติและติดตามกันต่อไปนะครับ


ทฤษฎีนกตายด้วยคลื่นพิฆาตจากดาวตก

2 ความคิดเห็น โดย iwhale เมื่อ 15 January 2011 เวลา 3:53 am ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2616

ตอนที่แล้วเขียนเรื่องทฤษฎีปลาตายไปว่าปลาที่อาร์คันซอร์อาจจะตายด้วยคลื่นเสียง Infrasound แต่ยังไม่ได้เล่าต่อว่านกที่ตายโดยที่ยังไม่มีข้อสรุปในหลายๆที่เกิดจากอะไร จึงมาขอต่อทฤษฎีนี้ด้วยรูปด้านบน จะเห็นว่าต้นเหตุของ Infrasound มีหลายสาเหตุ และหนึ่งในนั้นคือ ดาวตก (meteor)

วัตถุใกล้โลกทั้งชิ้นใหญ่ชิ้นเล็กวิ่งเข้าหาโลกมากขึ้นในช่วงนี้ กราฟที่ได้เก่าไปหน่อยแล้ว แต่ยังหาล่าสุดไม่ได้จริงๆ บางกระแสก็ว่าเขาปกปิดข้อมูลที่แท้จริงเพราะมันเยอะ บางกระแสก็ว่าที่เจอเยอะเพราะเครื่องมือสมัยนี้ดี ก็ว่ากันไปครับ

กราฟสีแดงคือพวกลูกใหญ่ สีนำเงินคือขนาดเล็ก จะเห็นว่าแนวโน้มที่เจอมีมากขึ้นอย่างน่าตกใจ และล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2554 นี้เอง มีคนโพสรูปดาวตกขนาดใหญ่ (ซึ่งมีคนเห็นจากหลายที่และแน่นอนว่าที่อาร์คันซอร์ด้วย) ไว้บนเว็บไซต์ ทีแรกคนนึกว่าเป็นภาพหลอก แต่แล้วก็มีพยานเห็นจริงๆหลายคน และมีหลักฐานในกล้องวงจรปิดหลายที่เห็นแสงแวบมาในเวลานั้น จึงได้มีการนำไปออกข่าวทางทีวีด้วย รวมถึง CNN

รายงานของ SpaceWeather Report เขียนไว้แบบนี้ครับ

On Jan. 11th around 8:45 pm CST, many people in the southeastern USA saw something streak across the sky and explode. The blast produced infrasound waves detected as far away as Canada.

Data from a University of Western Ontario monitoring station reveals the nature of the event: “It was a meter-size meteor with more than a metric ton of mass, exploding like 40 to 80 tons of TNT,” says Bill Cooke of NASA’s Meteoroid Environment Office. “This was one big rock, and the odds are good that there are fragments on the ground.” An analysis of sightings by meteorite hunter Rob Matson suggests the fall zone is in central Mississippi, possibly around Jackson. People in the area should be alert for odd-looking rocks.

เขาว่าดาวตกนี้สร้างคลื่นเสียง Infrasound และมหาวิทยาลัยชื่อดังที่มีสถานีตรวจจับอยู่บอกว่า ขนาดของมันเป็นเมตรและมีน้ำหนักเกินตัน ระเบิดด้วยแรงเหมือนระเบิด TNT ขนาด 40-80 ตัน ผู้คนแถวนั้นควรระวัง

ไดอะแกรมในรูปแสดงถึงคลื่นที่เกิดจากดาวตก เริ่มจาก (a) คลื่นช็อคที่เกิดจากดาวตกวิ่งลงมาด้วยความเร็วสูง มาในแนวตั้งฉากกับทิศทางที่ดาวตกลงมา (b) เกิดคลื่นช็อคอีกครั้งเมื่อดาวตกแตกตัว (c) เกิดคลื่นกระแทกลงในพื้นดินเมื่อดาวตกถึงพื้น และ (d) คลื่นบนพื้นดินยังวิ่งมากระทบกับคลื่น (b) ที่มาจากตอนแตกตัวได้อีก และมากระทบกับคลื่น (a) ที่ตามลงมาจากอากาศกระแทกถึงพื้นดินด้วย : Taken from Edwards et al (2008)

ผลการชันสูตรนกตายที่สวีเดนบอกว่าเกิดจาก “แรงกระแทกภายนอกอย่างเฉียบพลันทันทีและรุนแรงจนกระอักเลือดตาย” แต่ไม่มีรายงานต่อว่าเกิดจากอะไร? แต่ไม่พบสารพิษใดๆ และนกอีกหลายที่ก็ยังตายแบบปริศนา

CNN : Dead birds in Sweden killed by ‘external blows’

ที่เขียนมาทั้งหมดนี่คือทฤษฎีนะครับไม่ใช่ข้อสรุป แค่เป็นอีกหนึ่งที่อาจเป็นสาเหตุที่อธิบายการตายของนกเหล่านี้ได้


ยุคน้ำแข็งใหม่ (New Ice Age)

ไม่มีความคิดเห็น โดย iwhale เมื่อ 15 January 2011 เวลา 2:31 am ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3586

เพิ่งได้อ่านบทความเรื่อง Dramatic ocean circulation changes revealed ที่เพิ่งออกมาวันนี้แล้วเลยอดไม่ได้ที่จะต้องจดไว้ก่อน บทความนี้เขียนมาจากเจอร์นัลทางวิทยาศาสตร์เรื่อง The Deglacial Evolution of North Atlantic Deep Convection ซึ่งในเว็บไซต์ http://www.sciencemag.org/journals เขาเก็บเงินค่าสมาชิกเลยไม่ได้โหลดมาอ่าน (ถึงอ่านก็จะรู้เรื่องหรือเปล่าก็ไม่รู้?)

สรุปง่ายๆว่า Dr David Thornalley จาก Cardiff School of Earth and Ocean Sciences ของมหาวิทยาลัย Cardiff University ร่วมกับเหล่านักวิทยาศาสตร์ในอังกฤษเขาวิจัยและตีพิมพ์ออกมาแล้วว่า สาเหตุหลักๆของยุคน้ำแข็งซึ่งเดิมเคยมีทฤษฎีว่ามาจากเหตุนั้นเหตุนี้ แต่น่าเชื่อถือที่สุดจากการสำรวจคือ น่าจะเกิดจากกระแสน้ำในมหาสมุทรที่ไหลช้าลงหรือหยุดไหลเป็นหลัก

ยุคน้ำแข็งนั้นคือช่วงที่โลกส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งคือเมื่อราวๆ  20,000 ปีที่แล้ว แต่ที่ใกล้ตัวหน่อยคือยุค Little Ice Age คือเกิดขึ้นสามช่วงในราวๆปี 1650 และราวๆปี 1770 กับในปี 1850

ยุคนั้นมีภาพวาดแม่น้ำเทมส์เป็นน้ำแข็งกันเลยทีเดียว

ช่วงนี้มีข่าวว่าอเมริกามีหิมะตกกันทุกรัฐ แม้กระทั่งฮาวายยังไม่เว้น แต่เว้นฟลอริดาไว้เพราะอยู่ต่ำที่สุดยื่นลงมา จึงลองตั้งข้อสังเกตดูว่ามันจะเกิดสาเหตุผิดปกติกับกระแสน้ำที่ Great Ocean Conveyor Belt ได้หรือไม่?

เส้นทางการเคลื่อนตัวของกระแสน้ำโลก หรือ Great Ocean Conveyor Belt จะพาความอบอุ่นบริเวณศูนย์สูตรมาส่งให้กับบริเวณยุโรปและอเมริกา และรับเอาความเย็นของซีกโลกเหนือลงไปให้บริเวณศูนย์สูตร การไหลของกระแสน้ำนี้ถูกจับตาอยู่ตลอดว่ามันเคลื่อนตัวช้าลง เพราะภาวะโลกร้อนที่ทำให้น้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือและกรีนแลนด์ได้ละลายลงไปในมหาสมุทรจำนวนมหาศาล ทำให้น้ำทะเลบริเวณนั้นเค็มน้อยลง น้ำทะเลบริเวณแอตแลนติกเหนือก็จะไม่จมตัวลง และส่งผลให้กระแสน้ำเย็นลงจนเคลื่อนตัวช้าลง การถ่ายเทความอบอุ่นไปซีกโลกเหนือจึงไม่ดีเหมือนเดิม ผลที่ตามมาหากเกิดขึ้นจริงคือ ยุโรปและอเมริกาจะเกิดความหนาวเย็นฉับพลันขึ้น เรื่องนี้เคยมีคนทำเป็นภาพยนต์แล้วถ้าใครจำได้จะเป็นเหตุการณ์หนึ่งในเรื่อง The Day After Tomorrow ส่วนจะทำให้เข้าสู่ยุคน้ำแข็งใหม่หรือ New Ice Age หรือไม่ก็ต้องรอดูกันไป แต่ผมไปเจอคลิปที่ชาวอเมริกันทำแล้วโหลดไว้ดูถึงกับตั้งชื่อนี้กันแล้ว เพราะพวกเขาไม่ได้เตรียมตัวและรถขับไปไหนไม่ได้ ร้านรวงจึงปิดบริการกัน



ต้นปีที่มีข่าวว่าปลาตายขึ้นมาทีเดียวเต็มหาด 2 ล้านตัวเพราะมันเจอน้ำเย็น

มาดูจุดเกิดเหตุที่ Chesapeake Bay แมรี่แลนด์ อยู่ตามแผนที่เลยครับ

ยังคงตืดตามเรื่องนี้ต่อไปว่าจะเป็นยังไง แม้จะยังไม่มีข้อสรุปอะไรแต่ขอยอมรับว่าตั้งแต่ปีใหม่มา 15 วันนี้ โลกของเราเจอศึกหนักต่อเนื่องมาตลอดทุกวันครับ ขออย่าให้ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลย


การเตือนภัยน้ำท่วมฉันพลัน จากการตรวจวัดปริมาณน้ำฝน

3 ความคิดเห็น โดย iwhale เมื่อ 13 January 2011 เวลา 3:17 am ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3194

ดูข่าวน้ำท่วมหนักที่ออสเตรเลียแล้วก็เศร้าใจ คลิปนี้มีคนดูเกิน 2 ล้านคนแล้วครับ เป็นเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันที่ Toowoomba รุนแรงมากจนหอบพารถไปได้หลายคัน สำนักข่าวบางที่รายงานสภาพน้ำที่สูง 6-10 ฟุตและไหลมาอย่างแรง
ว่า “Instant Inland Tsunami” หรือ สึนามิบนบก

คุย Gtalk กับ @preedano ก็ได้ข้อมูลที่ไม่ค่อยดีมาเช่นกัน

“น้องสะใภ้ย้ายไปอยู่เพิร์ท ออสเตรเลีย ไม่ดีเลย
เพื่อนเก่าสมัยมัธยม เป็นพาณิชย์นาวีลงเรือปีละ 10.5 เดือน
บอกว่ากระแสน้ำในทะเลแย่มาก ธุรกิจเดินเรือกำลังลำบากมากครับ
มันเพี้ยนไปหมดครับ สัปดาห์หน้าจะมาหาผม หลังงจากไม่ได้เจอกัน 20 ปีครับ”

เหตุการณ์ที่ออสเตรเลียทางตะวันออกเฉียงเหนือ เกิดจากภาวะโลกร้อนที่ชื่อ ลานีญา ทำให้ฝนตกลงมาหนักในบริเวณนั้นและทำท่าจะตกไปอีกนาน ช่วงนี้ลองค้นเว็บไซต์ดูจึงเจอเว็บไซต์ “บริการเตือนภัยน้ำท่วมแห่งชาติ” ของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ออสเตรเลีย เห็นว่าน่าสนใจจึงลองเขียนถึงซะหน่อย

สิ่งที่ประทับใจคือ แผนที่ประเทศจะถูกแบ่งเป็นส่วนๆ เมื่อคลิกเข้าไปแล้วจะเห็นข้อมูลการตรวจวัดปริมาณน้ำฝนที่ลึกลงไปอีกชั้น

การใช้สีก็ชัดเจนดีคือ แดง ส้ม แสดงสถานการณ์ที่หนักเบา ลงไปจนถึง เขียว น้ำเงิน ฟ้า และเทา

ลองคิดต่อลงไปอีกชั้น จะเห็นว่าจุดวัดปริมาณน้ำในเยอะดีจริงๆ และกระจายตัวตามจุดเสี่้ยงที่ควรตรวจวัด เช่น บริเวณชายฝั่งจะหนาแน่นกว่าใจกลางของประเทศ และคลิกดูเป็นค่าสะสมรายชั่วโมงได้ด้วย

ลองแว้บกลับมาดูที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา มีแผนที่ประเทศใหญ่ๆเหมือนกันเลย

คลิกลงไปในแต่ละภาค ส่วนใหญ่ตัวตรวจวัดน้ำฝนจะติดอยู่ตามสถานที่ราชการ เช่น อบต., สถานีอนามัย ฯลฯ

จากจุดนี้คลิกต่อไปไม่ได้แล้ว และถ้าผมตาไม่ฝาด ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส มีตัวตรวจวัดระดับน้ำฝนเพียงจังหวัดละจุดเท่านั้น

ซึ่งขณะนี้จังหวัดที่กำลังเสี่ยงต่อการเกิดสถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมต่อเนื่อง คือ ตั้งแต่พัทลุงลงไป

แนวทางที่อยากนำเสนอ คือ การเพิ่มจุดตรวจวัดระดับน้ำฝน และถ้าจะลงทุนแล้วมันราคาไม่แพงหรอกครับที่จะวัดเรื่องอื่นไปด้วยทีเดียว เช่น ความกดอากาศ, ความเร็วและทิศทางลม, ระดับน้ำในแม่น้ำลำคลอง ในจุดที่ใช่ และทำเป็น Open Data ให้สามารถบูรณาการข้อมูลร่วมกันได้ เจ้าภาพที่ติดจะเป็นใครก็ได้เช่นหน่วยงานราชการที่เป็นแม่งาน, เอกชนที่มีจิตศรัทธา หรือ ชุมชน แต่ตัวภาพรวมใหญ่น่าจะมีเจ้าภาพดูแลประสานงานในส่วนนี้ครับ

การลงทุนนี้แค่เพียงช่วยชีวิตคนได้เพียง 1 คนจากภัยพิบัติ ก็จะถือว่าคุ้มค่ามากมายแล้ว

ครั้งนี้น้ำท่วมที่ออสเตรเลียมีผู้เสียชีวิตน้อยกว่าน้ำท่วมของไทยมากนะครับ


วิศวกรอาสาเพื่อสังคม

3 ความคิดเห็น โดย iwhale เมื่อ 12 January 2011 เวลา 1:12 am ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2317

ไปเที่ยวดูงานมาหลายที่จนพบว่า น่าจะต้องเริ่ม StartUp กลุ่มวิศวกรอาสาขึ้นมาบ้างแล้ว โดยลองทำตามแนวทางของวิศวกรไร้พรมแดน ซึ่งไม่ได้จำกัดว่าจะต้องจบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์หรือได้ใบรับรองอะไร แค่มีทักษะทางช่างและชอบช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ ลุยงานกันหรือสนับสนุนในด้านต่างๆเช่น การสร้างฝาย, ทำระบบชลประทานขนาดเล็ก, ติดตั้งระบบพลังงานทดแทนขนาดเล็กเช่น กังหันลมหรือกังหันน้ำ ในจุดที่จะเป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านส่วนรวม

ในช่วงแรกจะเริ่มจากการไปทำให้โดยไม่คิดมูลค่าก่อน สร้างการมีส่วนร่วมด้วยการลงขัน ลงแรง และแบ่งปันความสำเร็จและความภาคภูมิใจกัน ส่วนในระยะยาวมีโครงการจะทำเป็นแบบ Social Enterprise เพื่อให้ช่างชุมชนสามารถมีรายได้ที่เหมาะสมด้วย

โครงการแรกๆก็จะตามพี่หนุ่ย อาสาดุสิต ไปลุยที่ภูทับเบิกก่อนเนื่องจากพี่เขาไปบุกเบิกทำโครงการตามรอบเท้าพ่อหลายอย่างที่นั่นแล้ว ด้านการเกษตรที่เขียนไว้ในตอนก่อน ค่อยไว้จัดเป็น Crop Mop แรลลี่ไปปลูกฟืช เล่นฟาร์มวิลกันจริงๆซักที ส่วนสายลงไม้ลงมือ ก็มองไปที่การเตรียมน้ำเพื่อการทำการเกษตรซึ่งใช้งบประมาณไม่มาก แต่ใช้ความรู้ที่ได้มาจาก @superconductor มาช่วยในการพัฒนาพื้นที่นี้ ต่อยอดจากสิ่งที่เกษตรกรในพื้นที่ได้ทำไว้บ้างแล้ว เช่นในรูปมีการนำน้ำขึ้นมาเก็บไว้บนยอดเขาเพื่อจ่ายลงไปยังพื้นที่การเกษตร

ซึ่งในขณะที่เริ่มงานไปผมก็จะ Apply EWB ไปด้วยเลยในแบบ StartUp ครับ :)


ร่วมใจสร้าง “พระบรมฉายาลักษณ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก”

2 ความคิดเห็น โดย iwhale เมื่อ 11 January 2011 เวลา 4:02 pm ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3233

บนพื้นที่ 150 ไร่ บริเวณภูทับเบิก เพชรบูรณ์ เห็นได้ชัดเจนจากทุกจุด เช่น จุดชมวิว และยอดเขาต่างๆ

ดำเนินงานในรูปแบบ Social Enterprise คือได้ประโยชน์แบบสามประสาน

(1) ชาวบ้านได้พัฒนาอาชีพทำกินจากเกษตรเชิงเดี่ยวใช้ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง เป็นเกษตรผสมผสานปลอดสารเคมี

(2) สังคมและสิ่งแวดล้อมได้ประโยชน์ พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และพื้นที่ทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม

(3) มีผลกำไร ผู้ลงทุนร่วมกับสหกรณ์จะได้เป็นหุ้นส่วนกับชาวบ้าน ช่วยกันผลิต ช่วยกันบริโภคในสิ่งที่ดี ลดปัญหาอาหารเป็นพิษ ลดช่องว่างระหว่างคนเมืองกับคนชนบท

ดำเนินงานโดยกลุ่มสหกรณ์เศรษฐกิจพอเพียงภูทับเบิกแนวคิดคือการทำใบหุ้นโครงการทำไร่ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ในพื้นที่เดิมที่ปลูกแต่กะหล่ำปลี ซึ่งปัจจุบันราคาตกเพราะถูกกดราคารับซื้อ และยังทำให้ดินเสียเพราะเป็นการปลูกพืชเชิงเดี่ยว โอกาสเสี่ยงต่อดินถล่ม (landslide) ก็มีสูงเนื่องจากกะหล่ำปลีไม่มีรากที่จะยึดดินไว้ มาเป็นทำไร่ผสมผสานเช่น ท้อ, พลับ, พลัม, กะหล่ำปลี, สตอเบอรี่ หัวไชเท้า, ผักกาดขาว, ฟักแม้ว ฯลฯ ตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง

โครงการนี้ต้องการระดมทุนที่ 5 ไร่ = 1 แสนบาท ดังนั้นพื้นที่ 150 ไร่ ต้องการทุน 3 ล้านบาท เมื่อเก็บผลผลิตทางการเกษตรแล้วคาดว่าจะคืนทุนของผู้ลงทุนใน 3 ปี หลังจากนั้นเป็นผลกำไรจากการทำไร่นี้ ถ้าใครสนใจสอบถามได้นะครับ ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบใบหุ้นให้สวยงาม และจัดทำรายละเอียดของโครงการ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะจำหน่ายหุ้นใบละเท่าไหร่ แต่คิดไว้น่าจะเริ่มที่ 5,000 บาท

โครงการน่าจะเปิดให้ชมได้ในเดือนมิถุนายน 2554 จะเห็นเป็นภาพที่ภูเขาแล้วครับ

ขอขอบคุณ พี่หนุ่ย จากอาสาดุสิต ผู้ริเริ่มโครงการดีๆและพาผมไปช่วยบรรเจิดกันต่อ จนต้องมาโพสชวนเพื่อนๆมาร่วมใจกันด้วยครับ :-)


ทฤษฎีคลื่นเสียงพิฆาต ปลาตาย นกตาย ฯลฯ

5 ความคิดเห็น โดย iwhale เมื่อ 7 January 2011 เวลา 12:35 pm ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 5056

เริ่มกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วโลก ในกรณีนกตาย ปลายตาย และสัตว์อื่นๆพากัยตายหมู่ในหลายๆที่ทั่วโลกตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมา

ในระหว่างที่รอสาเหตุการตายก็มีเสียงวิพากษณ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานาๆใน Social Media และโดยเฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุก็จะเกิดความหวาดวิตกกันมากหน่อย จากการวิเคราะห์ข้อมูลเท่าที่มีในวันนี้นับเป็นเวลาราวหนึ่งสัปดาห์มาแล้วของการเกิดเหตุ ผมขอนำเสนอทฤษฎีที่น่าจะอธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุด คือ ทฤษฎีคลื่นเสียงพิฆาต (Deadly Sound Theory)

การตั้งทฤษฎีคือหนึ่งในกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อนำไปทดลองหาข้อเท็จจริงต่อไป ดังนั้นเมื่ออ่านแล้วควรยึดหลักกาลามสูตรคืออย่าเพิ่งเชื่อนะครับ

คลื่นเสียง สามารถส่งพลังงานผ่านตัวกลางมาได้ เช่น อากาศ ลองดูการทดลองทำแก้วไวน์แตกได้ด้วยการเปิดคลื่นเสียงสั่นสะเทือน

เสียงมีความถี่ที่แตกต่างกัน มนุษย์สามารถได้ยินเสียงที่มีช่วงความถื่เสียง 20Hz - 20,000 Hz โดยประมาณ ย่านเสียงความถี่ต่ำ (<20 Hz) จะเรียกว่า “Infrasound” ส่วนย่านความถี่สูง (> 20,000 Hz) จะเรียกว่า “Ultrasound’

เราคุ้นเคยกับอัลตราซาวน์เป็นอย่่างดี โดยเฉพาะตอนที่แพทย์ให้ดูบุตรในครรภ์มารดาด้วยการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงเข้าไปสะท้อนออกมาสร้างเป็นภาพ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับที่ค้างคาวส่งเสียงความถี่สูงออกไปใช้ในการมองเห็นในเวลากลางคืน ส่วนอินฟราซาวด์นั้นสัตว์บางชนิดก็ได้ยิน เช่น สุนัข,ช้าง จะสามารถได้ยินเสียงสั่นสะเทือนฮัมๆที่เป็นความถี่ต่ำได้ด้วย ช่วงที่จะเกิดสีนามิจึงสังเกตว่า ช้างไทยและช้างในเอเชียได้ยินเสียงนี้และพยายามวิ่งหนีออกห่างฝั่ง ปลาและกุ้ง สัตว์ทะเลหลายๆชนิดต่างพากันหนีมาที่ชายฝั่งให้จับกันได้ง่ายๆเป็นต้น

กบพยายามวิ่งเสี่ยงตายข้ามถนนช่วงที่จะเกิดแผ่นดินไหวในจีน

สิ่งหนึ่งที่วิจารณ์กันมากคือ ทำไมสัตว์บางชนิดเท่านั้นที่ตายแต่สัตว์อื่นไม่ตายในบริเวณเดียวกัน ขอยกตัวอย่างปลา Drum Fish ซึ่งหากถูกสารพิษในแหล่งน้ำก็น่าจะมีสัตว์อื่นตายไปด้วย สิ่งที่ดรัมฟิชแตกต่างคือ กายวิภาคของมัน คืออวัยวะที่ใช้ในการส่งเสียงและรับเสียง ที่มันชื่อดรัมฟิชก็เพราะมันสร้างเสียงได้แปลกๆและมันก็มีอวัยวะรับเสียงพิเศษอยู่ด้านหลังดวงตา ต้องชำแหละออกมาจึงจะเห็น ซึ่งอวัยวะนี้จะรับเสียงเข้าสู่สมอง จึงเป็นไปได้หรือไม่ว่า ดรัมฟิชได้ยินเสียงความถี่ต่ำพร้อมๆกัน  และอาจเป็นเสียงที่ดังมากจนมันได้รับพลังงานสูงและตายในที่สุด ซึ่งตรงนี้อยากให้มีการชำแหละอวัยวะชิ้นนี้ออกมาดูว่ามันมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่

ต้นกำเนิดเสียงความถี่ต่ำ (Infrasound) น่าจะมาได้จากแผ่นดินไหว เสียงการเคลื่อนใต้ธรณี ภูเขาไฟ หรือแม้แต่บนอากาศเช่น ออโรร่า, เสียงประจุไฟฟ้า ฯลฯ หรืออาจเกิดจากฝีมือมนุษย์ก็ได้เช่น ดอกไม้ไฟ, เสียงระเบิด หรือแม้กระทั่งลือกันว่ามีการสร้างอาวุธชนิดใหม่เกิดขึ้น

ประเด็นนี้ยังต้องติดตามต่อกันอีกครับ ข้อเสนอตอนนี้ของผมคือ ควรที่จะสร้างเครือข่ายรับมือ - Crisis Response Network ขึ้นทั่วประเทศและทั่วโลก โดยเน้นประสานงานทุกภาคส่วนและให้ภาคประชาสังคมเป็นแกนนำเพราะจะกระจายตัวทำงานได้ในทุกพื้นที่และทุกเวลาอยู่แล้วครับ


สัญญาณอันตราย? สัตว์ตายทั่วโลก

2 ความคิดเห็น โดย iwhale เมื่อ 6 January 2011 เวลา 12:40 am ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3778

เขียนรายงานเรื่องปลาและนกตายที่อาร์คันซอร์ ไว้ก่อนจะไปเป็นเด็กดอยมาสามวัน กลับลงมาอ่านข่าวเจอเรื่องที่ไม่อยากจะให้เจอเลย

แต่ก็ต้องรายงานกันต่อ เพราะว่าปรากฎการณ์นี้กำลังลุกลามไปในสถานที่ต่างๆของโลก เช่น

ฝูงนกตกลงมาตายที่สวีเดนหลายร้อยตัว ตำรวจสันนิษฐานว่าเกิดจากการช็อคเนื่องจากจุดดอกไม้ไฟในช่วงปีใหม่

นกอีกหนึ่งโหลตกลงมาตายที่หน้าบ้านสาวนางหนึ่งที่เคนตั๊กกี้ คราวนี้คาดว่าเกิดจากความหนาวเย็น

นกอีก 500 ตัวตกลงมาตายที่หลุยเซียน่า คาดว่าเกิดจากความหนาวเย็นอีกเช่นกัน

ค้างคาวตกลงมาตาย 70 ตัวที่อริโซนา คาดว่าเกิดจากอุณหภูมิที่อุ่นขึ้น (อุ่นตาย - -?)

ข่าวปลาตายก็เยอะไม่ใช่น้อย

Spruce Creek มีปลาตายเป็นพันๆตัว

Chesapeake Bay มีปลาตายเกลื่อนหาดร่วม 2 ล้านตัว คาดว่าเกิดจากน้ำเย็นจัด

ปลาตายราว 15 ตัน ที่บราซิล

ปลาตายอีกเป็นร้อยที่นิวซีแลนด์

หอย ปู ปลา ตายเกลื่อนที่อิตาลี

ปลาตายอีกเป็นร้อยที่อังกฤษ

ยังคงติดตามดูต่อไปและไม่สรุปอะไร โปรดอยู่ในความสงบ อย่าตระหนกตกใจไป (โปรดอ่านอีกครั้งหนึ่ง)


ฉันเห็นปลาตาย

2 ความคิดเห็น โดย iwhale เมื่อ 3 January 2011 เวลา 4:37 am ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2998

วันที่ 30 ธันวาคม 2553 ก่อนปีใหม่ Arkansas Game & Fish Commission ได้รายงานว่ามีนกดำ จำนวนมากราวสองพันตัว ตกลงมาตายอย่างปริศนา พื้นที่เกิดเหตุก็จำกัด ขณะนี้กำลังหาสาเหตุ เบื้องต้นไม่พบสารพิษ และไม่พบร่อยรอยบาดเจ็บบนตัวนก เจ้าหน้าที่เดินเก็บซากนกจำนวนมากตามท้องถนนและหลังคาบ้าน ที่น่าสนใจคือมีนกเพียงสปีชีส์เดียวที่ตกลงมาตาย และมีตัวหนึ่งในข่าวที่เดินวนไปวนมาบนพื้นแบบงงๆ ไม่ร้องสักแอะและยังบินไม่ได้ ดูคลิปข่าว

เหตุการณ์นกตกลงมาตายมากๆนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วที่นิวเจอร์ซีย์ปีก่อน

นอกจากนกที่ตกลงมาตายแล้ว ยังพบปลาเป็นจำนวนมาก ข่าวว่าเป็นแสนๆตัวตายกันเกลื่อนในระยะทางหนึ่งไมล์ของแม่น้ำ

ที่น่าสนใจคือเป็นปลาสปีวีส์เดียวอีกเช่นกันที่ตายพร้อมๆกันเช่นนี้คือ drum fish ระยะห่างระหว่างที่เกิดเหตุทั้งสองคือราว 125 ไมล์

และช่วงปีใหม่ที่อาร์คันซอร์มีพายุทอร์นาโดรุนแรงเกิดขึ้นด้วยแต่อยู่ห่างออกไปจากจุดที่ปลาและนกเสียชีวิต

ขณะนี้ยังรออยู่ว่าจะมีข้อมูลใดๆมาเพิ่มหรือไม่จึงยังไม่มีข้อสรุป แต่เคยมีคนวิเคราะห์ไว้ว่าบริเวณนั้นมีหินภูเขาไฟมาก และคาดว่าจะมีภูเขาไฟอยู่ข้างใต้แต่ไม่มีปฎิกริยาใดๆมาก่อน


แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เกิดจากการระเบิดในอวกาศ?

1 ความคิดเห็น โดย iwhale เมื่อ 1 January 2011 เวลา 5:06 pm ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4658

ในวันปีใหม่เห็น @superconductor ฉลองปีใหม่เข้าให้ด้วยเรื่อง สึนามิปี 2547 เกิดจากการระเบิดในอวกาศ? ถูกใจพระเดชพระคุณมาก เลยต้องขอร่วมทฤษฎีสมคบคิดด้วยคน ด้วยการเขียนเรื่องแนวเดียวกัน หัวเรื่องก็ลอกกันมา แถมใส่ “เครื่องหมายเอาตัวรอด” ไว้เหมือนกันอีก (สงสัยอะไรก็ใส่เครื่องหมาย ? ต่อท้าย ฮาๆๆ)

สรุปจากเรื่อง สึนามิปี 2547 เกิดจากการระเบิดในอวกาศ? ได้ใจความว่า แผ่นดินไหวครั้งที่เกิดสึนามินั้นไม่ธรรมดาเพราะแรงกว่าครั้งก่อนๆในรอบ 25 ปีเป็นสิบเท่า เพราะมีความแรงถึง 9.3 Magnitude และภายหลังหลังจากเกิดสึนามิไม่นาน ดาวเทียมตรวจวัดรังสีแกมมาหลายดวง ได้ตรวจพบการแผ่รังสีแกมมาที่มีความรุนแรงได้จากการระเบิดในอวกาศได้ และมีความรุนแรงกว่าที่สูงที่สุดที่เคยวัดได้มาถึง 100 เท่า

จึงอาจเป็นไปได้ว่ามีดาวที่ระเบิดจากการชนกันแล้วส่งคลื่นแรงโน้มถ่วงมากระทบโลก โดยคื่นนี้มีลักษณะเป็นระลอกๆดังโมเดลการระเบิดของดวงดาวในรูป คลื่นอาจเดินทางมาถึงก่อนรังสีแกมมาเล็กน้อย จึงได้ไปกระทบกับเปลือกโลกในส่วนที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขึ้น

อีกทฤษฎีหนึ่งที่น่าสังเกต เป็นไปได้หรือไม่ที่คลื่นแรงโน้มถ่วงนั้นจะไปกระทบกับสิ่งอื่นก่อน เช่น ดวงอาทิตย์แล้วส่งผลมายังโลกด้วย

ลองดูปรากฎการณ์บนดวงอาทิตย์ในวันที่ 22 มกราคม 2547 ซึ่งหากมีรังสีใดแผ่จากดวงอาทิตย์มาถึงโลกจะใช้เวลาราวสามวัน จะเห็นว่าดวงอาทิตย์ในวันนั้นมีปฎิกริยาและเกิดเส้นมืด filament หรือกลุ่มก๊าซความหนาแน่นสูง แต่ยังไม่รุนแรงจนถึงขั้นเป็นสึนามิบนดวงอาทิตย์

แต่ปรากฎการณ์ที่น่าสนใจต้องมองไปที่ดวงจันทร์ ที่ช่างภาพชาวอิตาลีจับแสงวาบไฟประหลาดไว้ได้ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2547

เนื่องจากแผ่นดินไหวเกิดในมหาสมุทรจึงไม่มีใครได้มีโอกาสสังเกตท้องฟ้าที่จุดเกิดเหตุ แต่ถ้ามองใกล้เข้ามาหน่อยในช่วงก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ชิลี ที่ระดับความแรง 8.8 Magnitude เมื่อต้นปีนี้ มีประชาชนหลายคนที่สังเกตเห็นท้องฟ้ามีสีแปลกๆดังในภาพก่อนเกิดเหตุเล็กน้อย

ท้องฟ้าก็จะเห็นเป็นระลอกคลื่นราวกับถูกกระทบด้วยคลื่นแรงโน้มถ่วงจากนอกโลก และมีคนให้สัมภาษณ์กับทาง MSNBC ว่าเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนสีด้วย

เมื่อมองย้อนไปดูท้องฟ้าก่อนเกิดแผ่นดินไหวขนาดความแรง 7.9 Magnitude ที่เมืองเสฉวน ประเทศจีนเมื่อวันที่ 12 พค. 2551 ก็จะเห็นเป็นแสงเหมือนสีรุ้งหรือเป็นแบบออโรร่าเช่นกันในเวลากลางวันแสกๆ เพียง 30 นาทีก่อนเกิดแผ่นดินไหวจนโรงเรียนถล่มมีเด็กนักเรียนเสียชีวิตถึง 19,065 คน รวมผู้เสียชีวิตกว่า 90,00 คนในครั้งนั้น

ก่อนการเกิดแผ่นดินไหวในเฮติ ก็มีผู้สังเกตและถ่ายภาพแสงวาบจากอวกาศได้เช่นกัน

อีกทฤษฎีหนึ่งที่หลายคนใช้อธิบายเรื่องนี้ผมจะไม่ขอกล่าวในที่นี้ คือ มีคนสงสัยว่ามีการทดลองใช้อาวุธประเภท Natural Warfare โดยสั่งให้ธรรมชาติแปรปรวนแล้วโจมตีข้าศึกในพื้นที่นั้น โดยกล่าวหาว่าสถานีวิจัยโครงการ HAARP(High Frequency Active Auroral Research Project) เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้

อ่านเรื่องนี้จบแล้วคงต้องขอไว้เป็นเพียงข้อสังเกตนะครับ ยังไม่มีสรุปใดๆขอให้ข้อมูลไว้ในเบื้องต้นเท่านี้ก่อนครับ



Main: 0.11203598976135 sec
Sidebar: 0.0071680545806885 sec