ทฤษฎีคลื่นเสียงพิฆาต ปลาตาย นกตาย ฯลฯ
เริ่มกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วโลก ในกรณีนกตาย ปลายตาย และสัตว์อื่นๆพากัยตายหมู่ในหลายๆที่ทั่วโลกตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมา
ในระหว่างที่รอสาเหตุการตายก็มีเสียงวิพากษณ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานาๆใน Social Media และโดยเฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุก็จะเกิดความหวาดวิตกกันมากหน่อย จากการวิเคราะห์ข้อมูลเท่าที่มีในวันนี้นับเป็นเวลาราวหนึ่งสัปดาห์มาแล้วของการเกิดเหตุ ผมขอนำเสนอทฤษฎีที่น่าจะอธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุด คือ ทฤษฎีคลื่นเสียงพิฆาต (Deadly Sound Theory)
การตั้งทฤษฎีคือหนึ่งในกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อนำไปทดลองหาข้อเท็จจริงต่อไป ดังนั้นเมื่ออ่านแล้วควรยึดหลักกาลามสูตรคืออย่าเพิ่งเชื่อนะครับ
คลื่นเสียง สามารถส่งพลังงานผ่านตัวกลางมาได้ เช่น อากาศ ลองดูการทดลองทำแก้วไวน์แตกได้ด้วยการเปิดคลื่นเสียงสั่นสะเทือน
เสียงมีความถี่ที่แตกต่างกัน มนุษย์สามารถได้ยินเสียงที่มีช่วงความถื่เสียง 20Hz - 20,000 Hz โดยประมาณ ย่านเสียงความถี่ต่ำ (<20 Hz) จะเรียกว่า “Infrasound” ส่วนย่านความถี่สูง (> 20,000 Hz) จะเรียกว่า “Ultrasound’
เราคุ้นเคยกับอัลตราซาวน์เป็นอย่่างดี โดยเฉพาะตอนที่แพทย์ให้ดูบุตรในครรภ์มารดาด้วยการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงเข้าไปสะท้อนออกมาสร้างเป็นภาพ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับที่ค้างคาวส่งเสียงความถี่สูงออกไปใช้ในการมองเห็นในเวลากลางคืน ส่วนอินฟราซาวด์นั้นสัตว์บางชนิดก็ได้ยิน เช่น สุนัข,ช้าง จะสามารถได้ยินเสียงสั่นสะเทือนฮัมๆที่เป็นความถี่ต่ำได้ด้วย ช่วงที่จะเกิดสีนามิจึงสังเกตว่า ช้างไทยและช้างในเอเชียได้ยินเสียงนี้และพยายามวิ่งหนีออกห่างฝั่ง ปลาและกุ้ง สัตว์ทะเลหลายๆชนิดต่างพากันหนีมาที่ชายฝั่งให้จับกันได้ง่ายๆเป็นต้น
กบพยายามวิ่งเสี่ยงตายข้ามถนนช่วงที่จะเกิดแผ่นดินไหวในจีน
สิ่งหนึ่งที่วิจารณ์กันมากคือ ทำไมสัตว์บางชนิดเท่านั้นที่ตายแต่สัตว์อื่นไม่ตายในบริเวณเดียวกัน ขอยกตัวอย่างปลา Drum Fish ซึ่งหากถูกสารพิษในแหล่งน้ำก็น่าจะมีสัตว์อื่นตายไปด้วย สิ่งที่ดรัมฟิชแตกต่างคือ กายวิภาคของมัน คืออวัยวะที่ใช้ในการส่งเสียงและรับเสียง ที่มันชื่อดรัมฟิชก็เพราะมันสร้างเสียงได้แปลกๆและมันก็มีอวัยวะรับเสียงพิเศษอยู่ด้านหลังดวงตา ต้องชำแหละออกมาจึงจะเห็น ซึ่งอวัยวะนี้จะรับเสียงเข้าสู่สมอง จึงเป็นไปได้หรือไม่ว่า ดรัมฟิชได้ยินเสียงความถี่ต่ำพร้อมๆกัน และอาจเป็นเสียงที่ดังมากจนมันได้รับพลังงานสูงและตายในที่สุด ซึ่งตรงนี้อยากให้มีการชำแหละอวัยวะชิ้นนี้ออกมาดูว่ามันมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่
ต้นกำเนิดเสียงความถี่ต่ำ (Infrasound) น่าจะมาได้จากแผ่นดินไหว เสียงการเคลื่อนใต้ธรณี ภูเขาไฟ หรือแม้แต่บนอากาศเช่น ออโรร่า, เสียงประจุไฟฟ้า ฯลฯ หรืออาจเกิดจากฝีมือมนุษย์ก็ได้เช่น ดอกไม้ไฟ, เสียงระเบิด หรือแม้กระทั่งลือกันว่ามีการสร้างอาวุธชนิดใหม่เกิดขึ้น
ประเด็นนี้ยังต้องติดตามต่อกันอีกครับ ข้อเสนอตอนนี้ของผมคือ ควรที่จะสร้างเครือข่ายรับมือ - Crisis Response Network ขึ้นทั่วประเทศและทั่วโลก โดยเน้นประสานงานทุกภาคส่วนและให้ภาคประชาสังคมเป็นแกนนำเพราะจะกระจายตัวทำงานได้ในทุกพื้นที่และทุกเวลาอยู่แล้วครับ
« « Prev : สัญญาณอันตราย? สัตว์ตายทั่วโลก
Next : ร่วมใจสร้าง “พระบรมฉายาลักษณ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” » »
5 ความคิดเห็น
เหตุการณ์ต่างๆ อาจจะไม่มีสาเหตุร่วมกันก็ได้ครับ
โจทย์ปีกระต่าย ชวนให้ตื่นเต้น ตื่นตูม ตาตั้ง
น่าคิดว่า>>มันน่าจะมีอะไรเกิดขึ้น และตามมาอีก
เราจะเฝ้าระวังเรื่องนี้กันอย่างไร?
ใครจะเป็นเจ้าภาพร่วมในเรื่องนี้บ้าง
เราตั้งสมมติฐานเบื้องต้นไว้หลายๆประเด็น นักวิทยาศาสตร์คงตามศึกษาและหาข้อสรุปกัน เราตั้งตาคอยและตามสังเกตุในบ้านเราบ้างครับ
[...] ลานปลาหมึก » ทฤษฎีคลื่นเสียงพิฆาต ป
[...] ตอนที่แล้วเขียนเรื่องทฤษฎีปลาตายไปว่าปลาที่อาร์คันซอร์