อยู่ดีมีสุข

5 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 7 กันยายน 2010 เวลา 11:40 (เช้า) ในหมวดหมู่ ภาษา ร้อยกรอง ความคิด #
อ่าน: 2410

วันนี้ได้อ่านหนังสือเรื่อง ร่างกายที่เหนืออายุขัย จิตใจที่ไร้กาลเวลา ซึ่งคุณเรืองชัย รักศรีอักษร แปลจากเรื่องAgeless Body Timeless Mind ของคุณหมอเชื้อสายอินเดียชื่อดัง Deepak Chopra หนา 492 หน้า ราคาปก 320 บาท พิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชน

เนื้อหาเท่าที่อ่านผ่าน ๆ อย่างเร็ว ๆ จะให้ความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับภาพรวมของศาสตร์ว่าด้วยการมีชีวิตที่ยืนยาว (อย่างมีคุณภาพ) อธิบายในมุมมองของแพทย์แผนปัจจุบัน ควอนตั้มฟิสิกส์ ผนวกกับศาสตร์ของอินเดียโบราณ (ผู้เขียนเป็นนายแพทย์เชื้อสายอินเดียที่เรียนและใช้ชีวิตในอเมริกา)

โลกกำลังเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงอายุ ในขณะที่อัตราการเกิดของประชากรลดลงโดยรวม หลายประเทศล่วงหน้าไปแล้วทั้งญี่ปุ่น อเมริกา สิงคโปร์ โดยรวมก็คือเรากำลังมีประชากรที่เป็นผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น การเป็น ผู้สูงอายุคงไม่ใช่เพียงแค่เป็นผู้มีอายุมากขึ้น แต่ต้อง อยู่อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี และแม้ว่าการแพทย์ปัจจุบันจะก้าวหน้าเพียงไร เราก็คงต้องยอมรับว่ายังมีข้อจำกัด คนจึงหันกลับมาสนใจ ศาสตร์ทางเลือก ซึ่งโดยมากก็มักจะเป็นความรู้จากทางตะวันออก เช่น สมุนไพร การฝังเข็ม การอดอาหารเพื่อสุขภาพ การใช้ดนตรีบำบัด การใช้ความร้อนความเย็น การใช้พลังจากแสงอาทิตย์ การใช้อาหารบำบัด การนั่งสมาธิ โยคะ การออกกำลังกายชนิดต่าง ๆ ซึ่งแต่ละคนก็คงเลือกตามที่เหมาะสมกับตนเอง (ว่าง ๆ ค่อยเขียนต่อ)

หยิบประเด็นในหนังสือที่น่าสนใจมาให้อ่านเป็นน้ำจิ้มก่อน… ในหนังสือเล่มนี้อ้างถึงงานวิจัยของ ดร.เจเวทท์ ซึ่งทำงานวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีอายุยืน ดังนี้ (หน้า303-304)

ลักษณะพิเศษของร่างกายของผู้มีอายุยืน

- น้ำหนักตัวไม่เกินหรือต่ำกว่ามาตรฐานเกินไป

- น้ำหนักตัวขึ้น-ลงไม่มากตลอดชีวิต

- กล้ามเนื้อแข็งแรง

- มือกำได้แน่น

- ผิวหนังดูอ่อนกว่าวัย

- ยังขับรถและเข้าร่วมกิจกรรมทางกายภาพได้

อ่านดูแล้วก็พื้น ๆ ไม่น่าจะพิเศษอะไรนัก นี่อาจเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าสิ่งที่จะอยู่ได้นานอย่างมีคุณภาพไม่จำเป็นต้องพิเศษกว่าปกติอะไร แต่ลักษณะที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกนิดคือ

ลักษณะพิเศษทางจิตใจ(รวมทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตและพฤติกรรม)

- มีเชาวน์ปัญญาดีเลิศมาแต่กำเนิด สนใจเหตุการณ์ทั่วไปที่เกิดขึ้น ความจำดี

- เป็นอิสระจากความกังวล ไม่ค่อยเจ็บป่วย ไม่ขี้กังวล

- สามารถเลือกอาชีพอย่างเป็นอิสระ ชอบที่จะเป็นเจ้านายตนเอง ทำธุรกิจของตนเอง (มีรายละเอียด แต่ขอละไว้ขี้เกียจพิมพ์) และส่วนมากไม่เกษียณอายุการทำงานก่อนกำหนด

- ส่วนมากเคยประสบกับภาวะหดหู่อย่างรุนแรง แต่สามารถฟื้นตัวและสร้างอนาคตใหม่ได้

- เป็นผู้มีความสุขกับชีวิต ทั้งหมดมองโลกในแง่ดีระดับหนึ่งและมีอารมณ์ขันอย่างชัดเจน ตอบรับกับความเพลิดเพลินง่าย ๆ ชีวิตเหมือนเป็นการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ สามารถมองเห็นความงามในขณะที่คนอื่นมองเห็นแต่ความอัปลักษณ์

- มีความสามารถในการปรับตัวได้ดี มีความทรงจำในวัยเด็กที่น่ารื่นรมย์มากมาย ทุกคนชอบอยู่กับปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงหลากหลาย

- ไม่กังวลกับความตาย

- ใช้ชีวิตด้วยความพึงพอใจในแต่ละวัน

- ทุกคนเคร่งศาสนาในความหมายกว้าง ๆ แต่ไม่มีใครเป็นพวกอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว

- รู้จักประมาณในการกิน แต่ก็อยากทดลอง ไม่เลือกกิน กินอาหารหลากหลาย มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ

- ทุกคนตื่นแต่เช้า นอนหลับเฉลี่ย 6-7 ชั่วโมง

- ไม่ติดสารเสพติดเช่นเหล้า บุหรี่ (แม้จะดื่มและสูบบุหรี่บ้าง)

- ตลอดชีวิตที่ผ่านมาใช้ ยา น้อยมาก

- ส่วนใหญ่ดื่มกาแฟ

มนษย์คงไม่พ้นความแก่ ความเจ็บ ความตายไปได้เป็นแน่ แต่เมื่อยังดำรงอัตภาพนี้อยู่ก็คงต้องดูแลร่างกาย จิตใจให้อยู่ได้ดี มีคุณภาพพอควร ไม่ต้องอยู่เป็นอมตะตลอดกาลหรือมีอายุยืนจนต้องบันทึกสถิติโลก แค่ใช้ชีวิตได้ตามวัย ดำรงตนอยู่อย่างมีความสุขตามอัตภาพ ไม่เป็นภาระแก่คนรอบข้าง สร้างสรรค์ประโยชน์ต่อตน ครอบครัว สังคมโลกได้บ้าง …. ก็คงคุ้มค่าแล้วที่จะเป็น ผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ ของสังคม

แอบดีใจเล็ก ๆ ในลักษณะข้อสุดท้าย…

ส่วนใหญ่ดื่มกาแฟ…ไชโย!!!

:lol:


สำเร็จ-สุข

2 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 6 กันยายน 2010 เวลา 10:27 (เช้า) ในหมวดหมู่ วิจัยเชิงคุณภาพ งานวิจัยที่ทำ #
อ่าน: 2256

งานใหญ่ตัวตนต้องเล็ก

ต้องทำงานเพื่อละตัวตน

มีแต่การกระทำ แต่ไม่มีผู้กระทำ

เมื่อใดไม่มีผู้กระทำ เมื่อนั้น…ไม่มีทุกข์

อย่าคิดว่างานสำเร็จเพราะเรามีความสามารถ

แต่งานสำเร็จได้เพราะว่าเราใช้ความสามารถนั้น

อย่างไม่เป็นทุกข์ต่างหาก…

แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต

@@@ วันนี้เห็นและตระหนักขึ้นมาในใจเกี่ยวกับ คำว่า งานสำเร็จ ในอีกมิติหนึ่ง งานสำเร็จไม่ได้หมายถึงงานนั้นเสร็จสิ้น หรือได้ผลตามที่วางเป้าหมาย ตามที่พึงประสงค์เท่านั้น แต่ยังต้องหมายถึงการได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มศักยภาพของผู้ร่วมงานอย่างไม่มีความทุกข์หรือไม่สบายใจในระหว่างกระบวนการที่ได้ทำงานนั้นด้วย

@@@ จะมีประโยชน์อะไรหรือจะภาคภูมิใจได้อย่างไรกัน หากงานเสร็จสิ้นลง พร้อม ๆ กับการแตกทำลายและสูญเสียไปของ คุณค่า แห่งมิตรภาพและความเป็นมนุษย์ของคนทำงานนั้น

อูย…โจทย์ใหญ่จังนะ

แต่ก็ดีใจที่เห็นและตระหนักถึงโจทย์นี้ขึ้นมา


เธอไม่เหมือนเดิม

3 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 5 กันยายน 2010 เวลา 2:23 (เย็น) ในหมวดหมู่ สังคม ความคิด #
อ่าน: 2481

:cry:

เมื่อวานนี้ หลานสาวตัวน้อยซึ่งก็กำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่น เกิดภาวะวิกฤตทางอารมณ์ มีปัญหากับเพื่อนสนิทที่เรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่เรียนอนุบาล…

๑๑๑ ฟังสาวน้อยเล่า ๆ ๆ ๆ อย่างอัดอั้นตันใจ สรุปความว่าขัดใจกับเพื่อนรักด้วยบางสาเหตุที่เธอยอมอดทนมานานไม่เคยปริปาก แต่นานเข้า เพื่อนที่ไม่เคยรู้ว่าเธอไม่ชอบและต้องอดทนมาตลอดก็ยังคงทำเช่นนั้น จนเธอทนไม่ไหวและปฏิเสธออกไป เพื่อนโกรธเธอมากต่อว่าและกล่าวคำที่เธอรู้สึกแย่มาก ๆ คือ

…เธอไม่เหมือนเดิม เธอเปลี่ยนไปแล้ว…

๑๑๑ สาวน้อยระบายต่อว่าเธอเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลย แต่เพื่อนแหละที่ไม่เข้าใจเธอ เพื่อนไม่เคยสนใจความรู้สึกไม่เคยถามเธอเลยว่าเธอคิดอย่างไรบ้าง ….ฯลฯ

๑๑๑ อูย… ศิราณีจำเป็น ก็งานเยอะแยะ หนังสือกองเท่าภูเขา (แต่เป็นหนังสือที่ไม่ชอบอ่าน) อ่านเท่าไหร่ไม่หมดเสียที แถมไม่สนุกไม่ค่อยรู้เรื่องด้วย โหย…คุณยายน้อยก็เครียดอยู่นะจ้ะ…

….เลยบอกสาวน้อยไปว่า ตอนเย็นเราไปกินไอศครีมกันแล้วค่อยคุยเรื่องนี้ ตอนนี้ขอปั่นงานก่อนละกัน และตอนนี้คุณยายน้อยก็กำลังวิกฤตเหมือนกัน ทำงานไม่ค่อยได้ตามเป้าหมาย อย่ามารบกวนจนกว่าจะถึง 5 โมงเย็นแล้วกัน…

….สาวน้อยทำหน้าเหรอ…คงงง เพราะคุณยายน้อยไม่เคยปฏิเสธหลานสักที วันนี้เกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยอมถอยออกไปแต่โดยดี เลยตะโกนไล่หลังไปว่าขอบใจที่เข้าใจคุณยายน้อยจ้ะ…

๑๑๑๑ความจริงต้องขอบใจเจ้าตัวน้อย ที่ทำให้คุณยายน้อยกล้าที่จะปฏิเสธหลานเสียบ้าง ทั้งยังทำให้ได้เรียนรู้ว่าอะไรก็ตามที่เราต้องอดทน-ทนอดอยู่บ่อย ๆ นั้น ควรที่จะหาโอกาสบอกคนอื่นให้ได้รู้ด้วย จะได้ไม่อัดอั้นและระเบิดออกมาแบบไม่มีเหตุมีผล กลายเป็นคนไม่น่ารักไปอย่างที่ไม่ตั้งใจเลย

๑๑๑

เย็นนี้จะพาหลานไปกินไอศครีมแพง ๆ ที่ห้าง

ได้ยินมาว่า กินไอศครีมแล้วทำให้อารมณ์ดี…ฮา ๆ ๆ

;-)


ราคาที่ต้องจ่าย

9 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 4 กันยายน 2010 เวลา 11:56 (เช้า) ในหมวดหมู่ เรื่องเรื่อยเปี่อยตามอารมณ์ #
อ่าน: 2159

:-|

บางครั้งคราที่รู้สึกเหมือนเป็น คนนอก รู้สึกไม่กลมกลืนกับวัฒนธรรมในบางแห่งบางสถานที่ขึ้นมาอย่างไม่รู้นื้อรู้ตัวนี่ ให้สงสัยตัวเองว่า…เพราะอะไร?

เป็นเพราะเราพูดคนละเรื่องกับคนส่วนใหญ่นั้นหรือเปล่า หรือ

เราคิดไม่เหมือนใคร ๆ หรือ

เราทำสิ่งที่แตกต่างจากที่เขาทำกัน หรือ

เรา…….

แล้ว… จำเป็นที่เราจะต้องพูด คิด ทำให้เหมือน พยายามกลมกลืนด้วยการพูด คิดทำอย่างคนอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่เราไม่รู้สึกเช่นนั้น เพียงเพื่อจะได้รู้สึก เป็น พวกเดียวกัน เป็น คนใน ด้วยหรือ?

๑๑๑๑ลองถามตัวเองหลาย ๆ คำถาม ตอบหลาย ๆ ที ก็ได้คำตอบเหมือนกันนะ… ได้มากมายตามแต่ ความคิด (ที่ถูกบ้างผิดบ้าง) จะพาไปนั่นแหละ แต่สรุปได้จริง ๆ ว่าต้นเหตุที่เรารู้สึกไม่กลมกลืน รู้สึกเป็น คนนอก นั้น มีเพียงคำเดียวเอง….

…ก็ ตัวเรา นั่นไง…

ใช่แล้ว…หากรู้สึกไม่กลมกลืน/เป็นคนนอก แล้วอยากรู้สึกอยากกลมกลืน/เป็นคนใน หรือเปล่าล่ะ

ถ้าไม่อยาก…ก็ เป็นอย่างนี้แหละ ยอมรับและเข้าใจในสภาพและความรู้สึกที่ต้องเป็นคนนอกนั้น

ถ้าอยาก… ก็ พยายามลด ตัวเรา ลงบ้าง เพราะโลกนี้อยู่ไม่ได้โดยตัวเรา เราล้วนต้องพึ่งพากันทั้งคน สัตว์ ต้นไม้…

บางทีความ”โดดเีีดี่ยว“อาจเป็น”ราคา“ที่ต้องจ่ายสำหรับความรู้สึก”ไม่กลมกลืน”ก็ได้นะ

;-)


คนสอนคน

4 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 3 กันยายน 2010 เวลา 12:47 (เย็น) ในหมวดหมู่ วิจัยเชิงคุณภาพ งานวิจัยที่ทำ #
อ่าน: 2333

ได้กราบนมัสการถามท่านสมณะเสียงศีลหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการเลือกผู้ที่จะมาช่วยงานวิจัย ท่านชี้ให้ดูป้ายนี้

@@@ปัญหาที่กำลังพบก็คือต้องเลือกน้อง 2 คนจากที่มีให้เลือก 3 คน พิจารณาจากการทำงานที่ผ่านมา ไม่แตกต่างกันนักในด้านทักษะต่าง ๆ เช่น การพิมพ์ การติดต่อ การปรับตัว ซึ่งเป็นคุณสมบัติจำเป็นในการทำงานในพื้นที่

บางครั้งก็ยากเหมือนกันที่จะแยกว่า ใครเป็น เรือแพที่ดี ไม่รั่ว เหมาะที่จะใช้งาน ยิ่งเรามีอคติรู้สึกเห็นใจ เมื่อบังเอิญได้ไปรู้ว่า น้องคนหนึ่งมีปัญหาเรื่องเงิน ครั้นจะตัดปัญหาเลือกไว้ทั้ง 3 คน ก็ดูจะเกินความจำเป็นของงานและเป็นภาระด้านค่าใช้จ่ายจนเกินไป

@@@ ก็เลยลองเรียกมาคุยทั้ง 3 คน ให้ทุกคนลองคิดและบอกว่าหากน้อง ๆ เป็นพี่ ซึ่งต้องเลือกคนมาช่วยงานโดยต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ความปลอดภัย และความเจริญงอกงามทางวิชาการแล้ว น้องคิดว่าพี่ควรเลือกใคร ให้เวลาคุยกัน 20 นาที

หลังจาก 30 นาทีผ่านไป (เกินเวลาที่ตั้งใจไว้ไปหน่อย) ได้ฟังน้อง ๆ คุยทีละคน… ดีใจที่เลือกใช้วิธีนี้ เพราะน้อง 3 คน ตัดสินกันเองเสร็จสรรพว่าใครควรมาทำงานวิจัยนี้

@@@ รายละเอียดขออนุญาตไม่เล่า… แต่ที่นำมาบันทึกไว้เพราะตกลงใจว่า เลือกน้องไปทำงานในพื้นที่ด้วย 2 คนตามที่น้อง ๆ ตกลงกันเอง และอีกคนหนึ่งก็ให้คอยเก็บตกงาน พิมพ์งาน ประสานงานให้ไม่ต้องลงไปในพื้นที่ด้วย โดยได้ค่าแรงตามปริมาณงานที่ทำ ซึ่งทั้ง 3 คนก็มีความสุขกับข้อเสนอนี้

@@@ ส่วนตัวก็มีความสุข ไม่ได้สนใจ Win-Win Situation อะไรทำนองนั้นหรอก แต่การที่น้อง ๆ ได้มีโอกาสประเมินและมองตัวเองอย่างเปิดใจ ได้สร้างกระบวนการเรียนรู้และความงอกงามทางจิตวิญญาณของน้อง ๆ เองแล้ว

@@@

ยินดีและขอบคุณน้อง ๆ มาก ที่ได้ทำให้พี่รู้สึก

งอกงามเติบโตขึ้นเหมือนกัน

:-D


ประเมินผลแบบใช้ “ใจ”

4 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 2 กันยายน 2010 เวลา 10:47 (เช้า) ในหมวดหมู่ วิจัยเชิงคุณภาพ งานวิจัยที่ทำ #
อ่าน: 2763

เมื่อ 29 สิงหาคม 2553 ที่ผ่านมา ได้ไปกราบนมัสการท่านสมณะเสียงศีล ชาตวโร ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 2 ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ ชุมชนปฐมอโศก จังหวัดนครปฐม

@@@การไปกราบท่านในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 (อย่างเป็นทางการ) ตั้งใจนำความก้าวหน้าในการทำดุษฎีนิพนธ์ของตัวเอง และกรอบแนวคิด รวมทั้งขั้นตอนต่อจากนี้ในการทำวิจัยไปกราบเรียนให้ท่านได้ทราบ และอธิบายถึงประเด็นที่ต้องการขอความอนุเคราะห์จากท่าน และได้รับความเมตตาจากท่านเป็นอย่างดี

ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากทั้งที่เป็นเอกสาร(ได้มาแล้วกว่า 3 ลังใหญ่) และข้อมูลจากการเล่าเรื่องงานในโครงการถ่ายทอดองค์ความรู้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นด้านกสิกรรม การทำเกษตรไร้สารเคมี การหมักปุ๋ยชีวภาพ การฟื้นฟูดิน โดยโครงการที่ทำริเริ่มใหม่คือที่ “เนินพอกิน” อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี

@@@ประเด็นที่ทำให้ต้องรีบบันทึกไว้คือ กระบวนการและวิธีการประเมินผล ผู้ที่มารับการถ่ายทอดความรู้จากท่าน ครั้งแรกที่คุยประเด็นนี้ท่านบอกว่าประเมินยาก เนื่องจากโครงการของท่านไม่สามารถคัดกรองและเลือกผู้มารับการอบรมได้ แต่เป็นลูกค้าที่มาตามโครงการพักชำระหนี้ของ ธกส. เป็นส่วนใหญ่ ท่านจึงใช้วิธีการให้กลุ่มที่มารับการอบรมนั้น ตั้ง เครือข่ายกันเอง จัด/คัดเลือก/คัดสรรค์ประธาน รองประธาน เลขา เหรัญญิก ฝ่ายวิชาการกันเอง ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2540 มีการตั้งกลุ่มเครือข่ายเช่นนี้ไปแล้วกว่า 200 กลุ่ม และจากการติดตามต่อเนื่องทุกปี พบว่ายังมีกลุ่มเครือข่ายเหล่านี้ที่มีการพัฒนาและทำกิจกรรมต่อเนื่องเกินกว่า 85% ของกลุ่มที่ตั้งขึ้น ท่านติดตาม/ประเมินผลโดยอ้างว่าจะไปเยี่ยมชมกิจกรรมของกลุ่มเครือข่ายต่าง ๆ และมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ วิธีการตอน/ตัดต่อพันธุ์พืชใหม่ ๆ เมล็ดพันธุ์พืช และข่าวสารต่าง ๆ ไปให้กลุ่มเครือข่ายนั้น ๆ

@@@แน่ล่ะ…สมาชิกกลุ่มเครือข่ายนั้นก็มีความสุข อยากมาร่วม และไม่รู้สึกว่าถูกติดตาม/ประเมินผลหลังจากการไปอบรมมาแต่อย่างไรเลย…

ฟังแล้วผู้วิจัยตาโต…เพราะเกินความคาดหมายและยังทึ่ง ๆ กับวิธีการประเมินผลอันแยบยลแบบไทย ๆ ไม่ต้องอ้างทฤษฏีฝรั่งให้มึนงงเลย (นี่ไงล่ะ อ่านแต่ตำรา ไม่เคยมีประสบการณ์จริง…ฮา ๆ ๆ)

ตอนท้ายได้ขออนุญาตทิ้งประเด็นไว้ให้ท่าน หากท่านจะเขียนหรือบันทึกข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษร (เป็นวิธีการหนึ่งของการวิจัยเชิงคุณภาพ-การตอบประเด็นด้วยแบบสอบถามกึ่งโครงสร้าง) เพื่อที่ผู้วิจัยจะได้นำมาประกอบกับการสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกต และการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ของท่านให้สมบูรณ์ขึ้น

@@@

มีความสุขและสรุปได้ว่า…

การถ่ายทอดองค์ความรู้ของท่านเป็น การให้

ด้วยความรัก เมตตา และปรารถนาดีอย่างจริงใจ

เหมาะสมแล้วที่ได้รับการยกย่องให้เป็น ครูภูมิปัญญาไทย


แง่งามในความแย่

ไม่มีความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 1 กันยายน 2010 เวลา 1:21 (เย็น) ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้ #
อ่าน: 2219

:-(

@@@เรามักจะเบื่อ ๆ กับการแบ่งแยก โดยเฉพาะการแบ่ง(แตก)แยกทางความคิด ฝ่ายนี้ ฝ่ายนั้น พวกเธอ พวกฉัน พวกเรา เพราะมันทำงานยาก อยู่ยาก วุ่นวาย โกลาหล… แย่จัง

๑๑๑ แต่ล่ะนะ…บางมุมมันก็มีแง่งามเรียบง่ายซ่อนอยู่ และช่วยเราได้เหมือนกัน

๑๑๑…ก็ภาพนี้ไงล่ะ ลองไม่แบ่งแยกดูสิ… จะหาอะไรทีคงป่วนปั่นกันน่าดู…

๑๑๑

Img_00760

๑๑๑

แอบคิดในใจคนเดียวว่า…ในดีมีเสีย ในเสียก็มีดีล่ะน่า

มันอยู่ที่เรามองและใช้มันเป็นหรือเปล่าต่างหากเล่า

:-D


สองทาง-สมดุล

3 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 30 สิงหาคม 2010 เวลา 8:30 (เย็น) ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้ #
อ่าน: 2563

:-|

ในโลกของความคิดที่แตกต่างหลากหลายของผู้คน บางครั้งบางคราทำให้อดที่จะรู้สึกราวกับจะ สำลัก ความคิดไม่ได้ และ ความคิด นี่ยังนำไปสู่ อารมณ์ต่าง ๆ ได้มากมาย

เข้าทำนอง ฟัง/อ่านแล้วเชื่อทุกอย่างเรียกว่า โง่ หากไม่เชื่อเลย เรียกว่า บ้า (ช่วงนี้ รู้สึกตัวเองทั้งโง่และบ้า…ไปพร้อม ๆ กันเลย ฮา ๆ)

อารมณ์นี้เองที่ก่อให้เกิดปัญหาในบางครั้ง จิตวิทยาสมัยใหม่มักจะเน้นให้เรารู้จักการ บริหารอารมณ์ แสดงถึงการให้เครติดกับ อารมณ์ว่ามีความสำคัญยิ่ง

บางครั้งบางสถานการณ์ แม้เรารู้อยู่แก่ใจว่า เหตุ เช่นนี้ จะนำมาซึ่ง ผลเช่นไร แต่เราก็มักจะจัดการกับอารมณ์ไม่ค่อยได้ เราปล่อยให้การตัดสินใจถูกชี้นำด้วยอารมณ์ จนเสียการเสียงานมานักต่อนักแล้ว

คิดมาก ๆ เข้าก็วุ่นวาย ยุงตีกันในหัว ก็นี่ล่ะที่ว่า เราติดอยู่ที่ ฐานคิด โดยไม่ค่อยได้ฝึก ฐานใจ และแทบไม่เหลียวแล ฐานกาย ดังที่ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญท่านกล่าวไว้จริง ๆ ด้วยสิ

คิดไปถึง สิ่งที่นักเขียนชาวอเมริกัน F.Scott Fitzgerald (1896-1940) กล่าวไว้ว่า

เครื่องหมายของจิตใจชั้นยอด คือ ความสามารถในการยึดแนวคิดสองทางที่ขัดแย้งกันไว้ได้ และยังสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ตามปกติ

@@@นั่นก็คือลักษณะของคนที่บริหารจัดการ อารมณ์ให้อยู่ใน สมดุลได้ดี และยังฝึกทั้งฐานคิด ฐานใจ และฐานกายอย่างดีแล้ว จึงจะมีจิตใจชั้นยอดขนาดนั้นได้

@@@

เอาล่ะ…อย่ามัวแต่คิด ๆ จนยุงมันตีกันในหัวอยู่เรื่อย ๆ

ไม่เคยฝึกปรือการจัดการกับฐานคิด ฐานใจ ฐานกายอย่างจริงจัง

พอเจอบทเรียนก็…เดี้ยง อย่างนี้แหละ

;-)


อ่านใจ

2 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 27 สิงหาคม 2010 เวลา 11:08 (เย็น) ในหมวดหมู่ ภาษา ร้อยกรอง ความคิด #
อ่าน: 2371

เมื่อเจอบทเรียนที่เจ็บปวด

ทิ้งความเจ็บปวดไป…

เก็บไว้แต่ บทเรียน…”

จากหนังสือ จิตจักรพรรดิตอนมาเฟียพลังจิต

ดังตฤณ

@@@

วันนี้เพิ่งมีโอกาสอ่านหนังสือ จิตจักรพรรดิ ตอนมาเฟียพลังจิต ของ ดังตฤณ อ่านรวดเดียวจบแบบไม่ทันตั้งตัว

เป็นหนังสือที่น่าอ่านและอ่านได้สนุกมาก ๆ อ่านจบไม่รู้ตัวเลย นอกจากได้ความเพลิดเพลินแล้วยังได้ข้อคิด ข้อธรรม มากมายตามสไตล์ของคุณดังตฤณ (หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไปและBook Smile ในร้าน 7-11 ราคาเล่มละ 99 บาท)

เพิ่งได้รับเมลว่าสามารถโหลดฟรีมาอ่านได้ที่

http://dungtrin.com/EmporerMind/Vol1.pdf

ดีจัง อนุโมทนาบุญกับผู้เขียนและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วยค่ะ

ส่วนตัวชอบอ่านที่เป็น หนังสือ มากกว่าเพราะจะหยิบจับมาอ่านตอนไหนก็ได้ นั่งกินข้าว กินขนม นั่งรอเพื่อน รอรถเมล์ สามารถหยิบมาอ่านและเสพสุนทรียะของหนังสือได้ตลอดเวลา

ชอบใจข้อความหลายตอนในหนังสือเล่มนี้ พบว่าหนังสือดี ๆ นั้น อ่านทีไรก็คล้ายจะมี คำตอบ ให้กับสิ่งที่เรากำลังประสบหรือครุ่นคิดอยู่และแม้อ่านอีกกี่ครั้งกี่หนก็มักจะได้ประเด็น ข้อคิดใหม่ ๆ เสมอ

@@@

บอกตัวเองว่า…อ่านหนังสือแล้ว

อย่าลืมน้อมนำมา อ่านใจ ด้วยล่ะ

@@@

เล่ม 2
ตอนลายเซ็นจักรพรรดิ จะออกต้นเดือนกันยายน 2553


โง่เสียบ้าง

4 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 26 สิงหาคม 2010 เวลา 8:15 (เย็น) ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้ #
อ่าน: 2424

+++

Stay Hungry, Stay Foolish.

(อย่าทิ้งความกระหาย อย่าคลายความเชื่อ)

Stewart Brand : the whole earth catalog (1968)

+++

+++เพื่อนโทรมาเล่าข่าวดีของเธอ เธอตัดสินใจและจัดการกับปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เรื้อรังมานานนับปีได้

รู้สึกยินดีไปกับเพื่อน แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้ว่า … ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ตัดสินใจเช่นนี้ อะไรทำให้เปลี่ยนใจ


+++ ธอตอบเสียงหัวเราะ ๆ ก็หนังสือของ Steve Jobs ไง เขาอ้างถึงข้อความที่เขาใช้เป็นคติประจำใจที่ว่า Stay Hungry, Stay Foolish.อ่านแล้วก็ยังไม่ได้คิดอะไร จนมาอ่านอีกรอบ เธอเลยคิดได้ว่าปัญหาจริง ๆ ของเธอเกิดจาก “เธอโง่ไม่เป็นและไม่เคยเชื่อใจในสิ่งใดหรือคนรอบกายเลย” พอคิดออก…ก็โล่งเลย หลุดจากปัญหาที่กัดกินใจในวินาทีนั้นเอง…


+++ ยิ้มอย่างมีความสุขไปกับเพื่อนด้วย บางปัญหาก็เหมือนผงในตา จัดการเองไม่ได้ ต้องหาคนช่วยเขี่ยออก บางปัญหาคล้ายผงที่คนช่วยเขี่ยให้ก็ยังไม่ยอมออก แต่ต้องรอให้น้ำตาชำระล้างออกมาตามกลไกธรรมชาติเอง…


+++ ปัญหาเป็นสิ่งคู่กับมนุษย์ และหากพิจารณาลงไปแล้วก็จะเห็นว่าปัญหาในโลกนี้มีอยู่สองประเภทดังที่ “หนุ่มเมืองจันท์” กล่าวไว้ คือ หนึ่ง คือ “ปัญหาที่แก้ได้” และ สองคือ “ปัญหาที่แก้ไม่ได้” เมื่อเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องพยายามไปแก้ (ก็มันแก้ไม่ได้นี่) เลิกสนใจใส่ใจทุกข์ใจกับมัน แต่ทำใจยอมรับเข้าใจและอยู่กับมันให้ได้ แล้วก็เอาเรี่ยวแรง พลังกายพลังใจมาจัดการกับปัญหาที่แก้ได้อย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่หมดความหวังไม่ขาดความเชื่อ (ในสิ่งดี ๆ ที่จะเกิดขึ้น) บางทีไม่ต้องฉลาดปราดเปรื่อง รู้ทุกเรื่องเข้าใจทุกปัญหาบ้างก็ได้…

+++

ยิ้มละมุนละไม…
หากเรายอมโง่และหิวกระหายความคิดใหม่ ๆ ของคนอื่น
ที่ต่างจากความคิด ความเชื่อเดิม ๆ ของเราเสียบ้าง
ชีวิตก็คงง่ายและมีความสุขขึ้นเยอะเลย…

:-D



Main: 0.15158009529114 sec
Sidebar: 0.048612833023071 sec