ชีวิตเฉกเช่น…การเดินทาง
อ่าน: 2866…ทุกวันนี้เราต่างมี “ชีวิต” ที่เปรียบได้กับ “การเดินทาง”…
@@@ เมื่อเดือนที่แล้วเปิดชม “ยูบีซี” ช่องหนังดีเอเชีย เจอภาพยนตร์จีน ซึ่งคงฉายไปได้สักพักหนึ่งแล้ว เสียดายว่าเปิดช้าไปหน่อยและยิ่งเสียดายหนักเข้าไปอีกที่ไม่รู้แม้ชื่อของภาพยนตร์เรื่องนี้…
@@@ฉากที่เปิดไปเจอคือ โจรที่ปล้นผู้โดยสารบนรถประจำทาง (ระหว่างมณฑล) คืนเงินที่ปล้นไปทั้งหมดให้ผู้โดยสาร เนื่องจากโดนใจกับคำตอบอะไรสักคำหนึ่งของคุณลุงซึ่งจะพาเพื่อน (ที่เป็นศพและนั่งอยู่ข้าง ๆ) กลับบ้าน (ของเพื่อน) ตามสัญญาที่ให้กันไว้
@@@ ชมต่อมาโดยไม่กระพริบตา ไม่ลุกอีกเลยจนจบ จึงประติดประต่อได้ว่า คุณลุงเป็นกรรมกรในโรงงานแห่งหนึ่ง ไม่มีลูกเมีย มีเพื่อนสนิทซึ่งสัญญากันว่าหากใครเป็นอะไรไปก่อน อีกคนจะต้องพาอีกคนกลับบ้าน (สะท้อนถึงความลำเค็ญของกรรมกรจีนในยุคหลังปฏิวัติประเทศ) เมื่อเพื่อนจากไปก่อน คุณลุงจึงทำตามสัญญาที่ให้ไว้ โดยส่งเพื่อนไปยัง “บ้านเกิด” ซึ่งคงไกลโข ประกอบกับการคมนาคมไม่สะดวกนักในยุคนั้น คุณลุงซึ่งเป็นกรรมการจน ๆ หาเช้ากินค่ำ ไม่มีความรู้ ไม่มีเงินทองและพวกพ้องเส้นสาย จึงตัดสินใจพาศพเพื่อนขึ้นรถประจำทางไปด้วยกัน ต้องรอนแรมและต่อรถอีกหลายต่อ (ด้วยการแบกศพเพื่อนไป ใครถามก็บอกว่าเพื่อนป่วยเดินไม่ไหว จะพาไปส่งบ้านเพื่อน)
@@@ เนื้อเรื่องต่อจากนั้น เป็นการผจญภัยของคุณลุง ซึ่งได้พบคนต่าง ๆ ทั้งคนดีมีน้ำใจและคนฉ้อฉล คนที่ตามหาความฝันของตัวเองอย่างไม่ยอมแพ้ พบทั้งเศรษฐีมีเงินที่ต้องจ้างคนมาร้องไห้ในงานศพที่จัดให้ตนเองก่อนตายจริง เจอคนยากจนเก็บขยะคนจรจัดต้องขายเลือดแลกเงินซื้อหาอาหารแต่น้ำใจงดงามยิ่งใหญ่ การเดินทางไปในเส้นทางที่กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางคือบ้านเกิดของเพื่อนนั้น ก็ทำให้คนดูต้องยิ้มและหัวเราะ และบางครั้งอดจะน้ำตาคลอไปกับชะตากรรมของตัวละครด้วยไม่ได้
@@@ภาพยนตร์จบ แต่ความคิดกลับไม่จบ หากรอนแรมเรื่อยเปื่อยต่อไป… ในฐานะของคนเสพอรรถรสของภาพยนตร์และไม่ใช่นักวิจารณ์ภาพยนตร์ ก็คงคิดเพียงว่า วิวทิวทัศน์ในภาพยนตร์นี้แปลกตางดงาม เนื้อหาสะท้อนถึงความคิด วัฒนธรรม ประเพณีของคนจีนในยุคนั้นได้ดี แม้เรื่องราวจะไม่ค่อยสมจริงสมจังนัก ใครกันจะคิดง่าย ๆ ตื้น ๆ ว่าแบกศพเพื่อนไปส่งบ้านเกิด ตั้งหลายวันศพก็ยังไม่เน่าส่งกลิ่นเหม็น (แต่ในภาพยนตร์ก็พยายามสร้างความเป็นไปได้ด้วยการให้คุณลุงพบเศรษฐีซึ่งมียาทำให้ศพเน่าช้า-ยืดเวลาออกไป)
คิดต่อไปว่า สมมุติว่าเราเป็น “คุณลุง” ที่เป็นเพียงกรรมกร หาเช้ากินค่ำ ไม่มีความรู้ ไม่มีเงินทอง ไม่รู้จักใคร … เราจะยังคงรักษาสัญญากับเพื่อนในวงเหล้าที่ก็จากไปแล้ว มาทวงสัญญาไม่ได้แล้วนั้นหรือไม่? เราคงเลือกที่จะทำอย่างอื่นมากกว่า (สำหรับตัวเองนะ)
…แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเสน่ห์ก็ตรงที่ “คุณลุง” คนนี้ได้เลือกและใช้วิธีการที่ซื่อสัตย์ต่อ “คำสัญญา” ที่ให้ไว้กับเพื่อน…มิใช่หรือ?
@@@ ดูหนังดูละครแล้วให้ย้อนดูตัว…ชีวิตก็เฉกเช่นเดียวกับการเดินทาง …บางคนเดินทางด้วยการเดินเท้าด้วยเกวียน บ้างไปด้วยจักรยานด้วยรถ ด้วยเครื่องบิน บางคนเดินทางอย่างสะดวกสบาย หรูหรา บางคนต้ิิองเหน็ดเหนื่อยเลือดตาแทบกระเด็น และไม่เว้นเลยที่…ล้วนแต่ประสบพบเห็นสิ่งต่าง ๆ แตกต่างหลากหลายกันไปตามเหตุและปัจจัย…
@@@ อมยิ้มคนเดียวคิดต่อไปว่า…บางวันของการเดินทางก็น่าสนุกตื่นเต้นเร้าใจ บางวันกลับเหนื่อยเหน็ดระอาใจกับผู้คนและสิ่งที่ไม่พึงใจ บางคนมีเป้าหมายที่แน่ชัด บ้างกำลังคลำหาเป้าหมาย บ้างก็ไปเรื่อยเปื่อย บางคน……
ชีวิตเฉกเช่น…การเดินทาง … คือเช่นนี้เอง