การตัดไม้ไม่ทำลายป่า
- ส่วนมากเราจะได้ยินคำว่า”ตัดไม้ทำลายป่า” ใช่ไหมเธอ วิธีตัดไม้ไม่ทำลายป่าก็มีนะ ถ้าเราบริหารจัดการเป็น ก่อนจะไปถึงตรงจุดนั้น ก็ขอเล่าเรื่องสดๆร้อนๆที่เกิดขึ้นวันนี้ เพราะผมตัดสินใจโค่นต้นยูคาลิปตัสต้นใหญ่อายุ30ปี ก่อนจะโค่นก็นั่งมองนอนมองอยู่หลายวัน เพราะเท่ากับเราตัดสินใจจบอายุของต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่กับเรามานาน จากนี้ไปไม่ต้องยืนอีกแล้ว นอนเสียบ้าง นอนหงายเก๋งสิ้นสภาพกิ่งก้านยับเยิน
- · สาเหตุก็มาจากการจัดวางกลุ่มเรือนคนโสดจำนวน 7 หลัง บังเอิญยูคาฯต้นนี้ไปตั้งอยู่ในจุดกึ่งกลางของทำเลตั้งบ้าน บังสายตา บังทิศทางลม คืออยู่ไม่ถูกใจโก๋ว่างั้นเถอะ ที่มายืนเก้ๆกังๆคงเป็นเพราะถูกคัดเลือกให้เป็นแม่ไม้ ตอนหนุ่มๆก็ดูดี แต่พอมีอายุมากขึ้นกลับแตกกิ่งเก้งก้าง แถมต้นไม่เปลาตรงเหมือ่นแม่ไม้ต้นอื่นๆ อนึ่ง ถ้าจัดวางบ้านแต่ละหลังลงตัวไปแล้ว มาโค่นทีหลังนอกจากจะยุ่งยากยังเป็นอันตรายอีกต่างหาก
อย่ากระนั้นเลย
เรียกเจ้ามือเลื่อยมาให้พิจาณา
ต้นไม้ใหญ่อย่างนี้ต้องคำนวณทิศทางลงให้ดี
- · ไม้ลำต้นสูงย่อมมีเรือนยอดยาวไปฟาดเอาต้นอื่นเสียหายได้ หลังจากมองหาลู่ทางแล้ว เจ้ามือเลื่อยเห็นช่องขนาด1วา ที่จะเลื่อยบากโคนต้นต้นให้ล้มไปตามทิศที่ต้องการได้ เพื่อไม่ให้เสี่ยงจึงต้องตัดกิ่งออกไปบ้าง และหาคนช่วยดึงโน้มเข้าทิศที่ต้องการถ้าไม้ขืนตัว หรือมีลมกระโชกแรงมาโดยบังเอิญ เรื่องอย่างนี้มันบ่แน่ดอกนาย ป้องกันรอบครอบไว้ก่อนเป็นดีที่สุด ผ ม ใ ห้ น โ ย บ า ย ไ ว้ ตั ด ยั ง ไ ง ก็ ไ ด้ เ พี ย ง แ ต่ อ ย่ า ใ ห้ กิ่ ง ไ ป ฟ า ด ตั น ต ะ เ คี ย น ท อ ง ที่อยู่ใกล้ๆก็แล้วกัน .. ไ ม่ ยั ง งั้ น โ ด น เ ตะ
- · หลังจากส่งมือริดกิ่งไม้ไปจัดการเรียบร้อยแล้ว เลื่อยสติลถูกลากออกมา ฟันเลื่อยโซ่ขาววับ เลื่อยฝรั่งเหมือนเลื่อยไทยที่ไหนเล่า พลังของเครื่องยนต์ทำให้ใบเลื่อยโซ่กัดกินเนื้อไม้ดุเดือดจวดๆ.. ไม่ถึง10นาทีไม้ตั้งต้นก็ล้มฟาดพื้นเสียงสนั่น มือเลื่อย2เครื่องช่วยกันริดทอนกิ่ง ทำการวัดขนาดความยาว จะตัดทอนกี่ศอกก็ถามช่างทำบ้าน ว่าหลังที่จะสร้างใหม่ใหญ่กว่าเดิม ต้องการไม้เครื่องบนเครื่องล่างยาวกี่ศอก คนปลูกต้นไม้ไว้ใช้เองก็ดีอย่างนี้ละครับ ออกแบบบ้านเสร็จค่อยมาสั่งตัดต้นไม้ จะได้ไม่ต้องมาตัดไม้ทิ้งในภายหลัง ..
กว่าต้นไม้จะโตได้เส้นรอบวงแต่ละนิ้วมันง่ายที่ไหนละเธอ
ต้องสะสมเวลาเป็นสิบๆปี จะมาตัดแบบล้างผลาญได้ยังไง
หลังจากผ่าไม้ออกเป็นแผ่นใหญ่ๆเพื่อรอการซอยออกเป็นตัวๆ
ถามเจ้ามือเลื่อยว่าต้นนี้จะได้เค้าโครงบ้านสักกี่หลัง
คำตอบคือ3หลัง
เสียดายตรงที่โคนต้นเป็นรูเท่ากำปั้น ไม่ยังงั้นอาจจะได้ถึง๔หลัง
- · ประเด็นนี้สำคัญนะครับ เป็นมุมมองที่ชาวไร่ชาวนามองข้าม การปลูกไม้ยืนต้นนอกจากจะมีประโยชน์อย่างที่รู้ๆกันแล้ว ต้นไม้เป็นเงินออม เป็นทุนที่เหมาะกับคนเบี้ยน้อยหอยน้อย ต้ น ไ ม้ มั น ไ ม่ ร้ อ ง กิ น หั ว อ า ห า ร เ ห มื อ น การเลี้ยงปศุสัตว์ ไม่ต้องพิรี้พิไร ใ ส่ ปุ๋ ย ร ด น้ำ พ ร ว น ดิ น อ ะ ไ ร ขุดหลุมปลูกต้นไม้ไม่ถึง5นาที/ต้น มีต้นทุนจริงๆต้นละไม่เกิน20บาท ปลูกแล้วปล่อยให้เติบโตตามยถากรรม รอเวลาผ่านไป10-20ปี เราก็เกิดมีทุนมีทรัพย์ขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง เจ้ายูคาลิปตัสที่โค่นวันนี้ ขายเป็นไม้เครื่องสร้างบ้านอย่างขี้หมูขี้หมาก็ได้เงิน3หมื่นตุงอยู่ในกระเป๋า ถ้าปลูกสัก100ต้นละ ก็ได้3ล้านบาทแล้วใช่ไหมละ ถ้าปลูก1,000 ต้นละ โห่ ได้เงินมาอีกเป็นกะตั๊ก
พวกชลอหลังยาวมักจะพูดว่า ไ ม่ มี ที่ ป ลู ก ถามว่ามีที่ไร่ที่นาไหม ทุกคนก็ต่างก็บอกว่ามี..อ้าว!
แล้วทำไมไม่ปลูกตามหัวไร่ปลายนา หรือปลูกตามคันนาละ บางคนปลูกรอบที่นาได้หลายพันต้น ปลูกแถวเดียวอย่างนั้น ต้นไม้โตเร็วมากเพราะไม่มีการแก่งแย่งอาหาร บางทีทำนาแทบตายไม่เหลืออะไรหรอก มีแต่หนี้กับซัง หรือไม่ก็พอมีพอกินปะทะปะทังปีต่อปี จะให้มีทุนงอกเงยในชาตินี้อย่าไปหวัง ก็จะหวังอะไรได้นะครับ เมื่อไม่มีความรู้ความคิดที่จะหาทุนสะสมทุน แบบที่ตนเองพอมีศักยภาพทำได้อยู่แล้ว
ความไม่รู้+ความขี้เกียจ = ความไม่รู้ยกกำลัง2
พวกชาวไร่ชาวนาจึงเป็นหนี้หัวโต จะได้เงินมาใช้จ่ายก็มีแต่กู้ๆๆและกู้ กู้ ม า ทำ เ ป็ น เ งิ น กู อีตอนเขาเรียกเก็บเงินต้นเงินดอกก็วิ่งพล่าน สุดท้ายก็มีหนี้ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ไปจนถึงระยะสุดท้าย ขายไร่นา ขายวัวควาย ขายอนาคต เ ป ลี่ ย น จ า ก เ ก ษ ต ร ก ร ไปเป็น ก ร ร ม ก ร .. ส า เ ห ตุ เ พ ร า ะ ไม่ปลูกต้นไม้นี่แหละ ลองนึกดูสิเธอ ถ้าปลูกทิ้งไว้อย่างที่เล่า แก่ตัวมาตัดไม้ใหญ่ออกสักส่วนหนึ่ง ก็มีเงินล้างหนี้ได้หมด แถมยังเหลือเงินก้อนเป็นทุนอีก โดยการใช้เวลาเป็นทุนปล่อยให้เทวดาเลี้ยงให้
ถ้ า ทำ กั น อ ย่ า ง นี้ ทั่ ว ไ ท ย แ ล น ด์ ไ ม่ จ น ไ ม่ เ จ๊ ง
มีแต่ได้กับได้ใช่ไหมละเธอ..
ปลูกต้นไม้มันไม่ได้อะไรตรงไหนจ๊ะ
ไปบ้าทำแต่เรื่องยากๆและสุ่มเสี่ยง
เรื่องง่ายๆดีๆไม่พากันทำ
- · นอกจากไม่ทำแล้วยังลักลอบตัดไม้ทำลายป่า แล้งมาก็จุดไฟเผาแผ่นดินให้ร้อนระอุ เกิดควันไฟป่าครอบคลุมไปครึ่งประเทศ นี่หรือแผ่นดินทำแผ่นดินทอง ทำไมมันเป็นแผ่นดินกระดำกระด่าง เป็นเขาศีรษะโล้น แล้วมันจะพออยู่พอกินยังไง? เศรษฐกิจพอเพียงตรงไหน? ทำไมพากันชุ่ยอย่างนี้หนอพี่ไทยเอ๋ย
- · เกี่ยวกับเรื่องสวนป่าที่บุรีรัมย์นี่นะครับ มีเรื่องต้องเล่าขานกันอีกมาก เคยมีคนถามผมว่ามีอาชีพอะไร พอบอกว่า “มีอาชีพปลูกสร้างสวนป่า” แหม ทำหน้างงๆ หันมาพูดว่าไม่เคยได้ยิน ไม่เห็นมีใครเขาพูดถึงกัน อาชีพอย่างนี้ก็มีด้วยเรอะ ปลูกป่ามันต้องใช้เวลานาน จะกินอะไร จะเกิดรายได้ตรงไหน มันต้องใช้เวลา มันช้ามากไม่ใช่รึ ..สารพัดที่ชะลอหลังยาวจะบิดตะกูด ยกข้อกังขาร้อยแปดพันประการมาปิดกั้นอนาคตเกษตรกรตนเอง บางคนน่าหมั่นไส้กว่านี้อีก เ ล ย ไ ล่ ไ ป ป ลู ก ต ะ ไ ค ร้ สิ .. ไม่ต้องรอนาน 6 เดือนก็เก็บขายได้แล้ว
มีแต่คนอยากจะรวยมากๆ รวยง่ายๆ รวยเร็วๆ
แหม ถ้าทำได้อย่างนั้นคงไม่มีคนยากจนหรอกนะเธอ
ที่มันตกอับกันอยู่อย่างนี้ เพราะมันอับจนความคิดนั่นเอง
การจะคิดได้คิดดีมันต้องเรียน
ถ้าอยากจะเรียนวิธีคิด
ก็เข้ามาอ่านเรื่องที่เราๆท่านๆช่วยกันเขียนช่วยกันคอมเมนท์นี่แหละ
ปัญหาอยู่ที่ไม่ใส่ใจอะไรสักอย่าง คิดเล่นๆ ทำเล่นๆ แต่อยากจะมีความรู้มากๆ มีสตังค์มากๆ
พวกบ้าไม่มีหูรูดทั้งนั้น..
- · การปลูกป่าไม้ของผม ก็มีการตัดไม้เป็นระยะๆนะครับ เมื่อ20ปีที่แล้ว เห็นเสาไฟฟ้าตั้งมาโด่เด่ขึ้นในหมู่บ้าน เห็นแล้วก็เหมือนหมาเห่าเครื่องบิน เพราะผมมีบ้าน2-3หลัง การไฟฟ้าเขาไม่ลงทุนลากสายไฟเข้ามาระยะทางนับพันเมตรให้หรอก เงินก็ไม่มี ไฟฟ้าก็อยากได้ สุดท้ายต้องกัดฟันตัดต้นไม้ยูคาฯขายให้เขาเอาไปทำเยื่อกระดาษ ราคาถูกเหมือนขี้ ก.ก.ละ50 สตางค์ ตัดคราวนั้นหมดป่าไม้ไป200ไร่ แต่ก็ยังดีที่มันแตกหน่อขึ้นมาใหม่ รอไปอีก4ปี ถ้าอยากใช้เงินก็ตัดไปขายอีก ถ้าไม่เดือดร้อนก็ปล่อยให้ต้นมันเติบโต ต้ น ไ ม้ มั น ไ ม่ ขี้ เ กี ย จ ห ร อ ก น ะ เ ธ อ เสาร์-อาทิตย์ มั น ก็ ไ ม่ เ ค ย ห นี เ ที่ ย ว อัตราการเติบโตของมัน ม า ก ก ว่ า ด อ ก เ บี้ ย ใ น ธ น า ค า ร เ สี ย อี ก
- · หลังจากปลูกต้นไม้ไปได้13ปี ผมตัดไม้ชุดหลังนี่เพราะจะเอามาสร้างอาคารหลังใหญ่ หมดต้นไม้ไป2,000ต้น แต่ใช้ได้จริงๆประมาณ6-700 ต้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะยูคาลิปตัสมีหลายสายพันธุ์ บางพันธุ์ก็นำมาเลื่อยสร้างอาคารบ้านเรือนได้ดี แต่บางพันธุ์มันบิดเบี้ยวจนต้องเอาไปทำเยื่อกระดาษอย่างเดียว หรือไม่ก็ใช้ในลักษณะไม้ทำเสาไม้กลมใช้สอยต่างๆ เรื่องแบบนี้ไม่ทำก็ไม่รู้ ว่ายูคาลิปตัสสายพันธุ์ไหนมีคุณสมบัติอย่างไร เรียนไม่จบจริงๆนะเธอ ผมเคยไปดูงานการปลูกยูคาลิปตัสที่ประเทศออสเตรเลียครึ่งเดือน กลับมาก็ยังโง่เหมือนเดิม ต้องศึกษาต่อไปอีก ขณะนี้ก็ยังทำการวิจัยร่วมกับกรมป่าไม้และบริษัทป่าไม้ในออสเตรเลีย
- · หลังจากการลองผิดลองถูกมา30ปี ก็พอรู้อะไรนิดหน่อย แต่ที่หมั่นคงในหัวใจมากก็คือ ต้นไม้ตอบแทนเราให้มีอยู่มีกินมีความสุข มีความยั่งยืนตลอดไป ใ ช้ แ ส ง แ ด ด ใ ช้ น้ำ ฝ น ใช้ จุ ลิ น ท รี ย์ ใ ช้ ส ร ร พ สิ่ ง ใ น ธ ร ร ม ช า ติ ม า ร่ ว ม ทุ น ปลูกแล้วก็ใช้เวลา บางคนบอกรอนาน อ้าว! ปลูกตันไม้แล้วจะไปรอหาพระแสงของ้าวอะไรละ ปลูกแล้วก็แล้วกันไปสิ เอาเวลาไปทำอย่างอื่น ไม่ใช่จะต้องเอาเปลมานอนดูมันโตที่ไหนเล่า งานเสริมในสวนป่าไม้มีให้ทำจนลิ้นห้อย ไม่เชื่อก็มาดูได้ อาชีพปลูกสร้างสวนป่า ไม่ใช่จะมาปลูกป่าปลูกต้นไม้อย่างเดียวที่ไหนเล่า ปลูกผัก ปลูกสมุนไพร ปลูกไม้ผล ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ประแดก
เมื่อปลูกเป็นวรรคเป็นเวรอย่างนี้แล้ว
ยังสงสัยอีกรึว่า..ปลูกป่าจะกินอะไร?
ถ้าใครมาดูที่สวนป่าตอนนี้ก็จะเห็นมีพืชผลให้เก็บกินไม่ขาดปาก
ผักสวยๆหวานกรอบอร่อย ปราศจากสารพิษสารเคมี
อากาศก็ดี อารมณ์ก็ดี ตอนนี้กำลังจะสร้างบ้านดีๆน่าอยู่
..แ จ ก ค น ส ว ย ..เ ดี๋ ย ว ก็ โ ด น ต่ อ ว่ า จ า ก พ ว ก ถ่ อ ม ตั ว อีก
“ไ ม่ ส ว ย ค อ ม เ ม น ท์ ไ ด้ ไ ห ม ค่ ะ “
ทั้งๆที่อยากจะชมว่าเป็นคนสวยกันทั้งหมดนั่นแหละ
เฮ้อ ทำไม่ได้ ..ถ้างั้นทำแจก ค น ค อ ม เ ม น ท์ บ่ อ ย ๆ ดี ก ว่ า . .
พวกที่อ่านผ่านๆ..ไม่ยอมแลกเปลี่ยนเรียนรู้
จะแจกอะไรดีหน๊า+++!!
หมายเหตุ :: เอกสารประกอบการสัมมนาคณะวนศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน 22 มีนาคม2555
« « Prev : คุณครูบา จากหมอกิ๊ฟ สวนป่า รุ่น ๕๕
Next : ปลวก คำเดียวสั้นๆแต่กินบ้านหมดหลัง ** » »
2 ความคิดเห็น
คนโบราณเขาปลูกต้นไม้เพื่อเอาไว้ปลูกบ้านจริๆ ผมยืนยันพ่อครู เขาอาจจะไม่ได้ใช้เองแต่ให้เป็นมรดกลูกหลานครับ ชอบไม้อะไรก็ปลูกไม้นั้น คนโบราณท่านดำเนินชีวิตแบบมีแผน แต่แผนของท่านเหล่านั้นไม่ได้ถูกเขียนลงบนกระดาษ หรือใส่คอมพิวเตอร์ เหมือนปัจจุบัน แต่คนสมัยก่อนมีในหัวสมอง ซึ่งถูกกลั่นกรองโดยการพูดคุยกันในครอบครัว ผัวคุยกับเมีย พี่คุยกับน้อง พี่ป้าน้าอา ใครมีความณู้อะไรอย่างไรก็มาแลกเปลี่ยนถกกันจนความคิดเห็นย่อย สรุป แล้วเขาก็ปลูก แล้วก็เฝ้าดูแลตามโอกาส ลูกๆออกเรียนก็มองหาต้นไหนเหมาะจะให้คนนั้นคนนี้ ช่างก็เป็นเพื่อนบ้านนั่นรแหละ สัวคมโบราณนั้นในชุมชนมีผู้มีความรู้ครบถ้วน ทุกด้าน ขาดผู้รู้ด้านไหน ก็ไปหาชุมชนใกล้เคียง ไหว้วานกัน ไม่เสียเงินเสียทอหรอก แค่เลี้ยงข้าวต้มแกงกินกัน แต่มัน “ได้ใจ” กันและกัน นี่คือ “แรงเกาะเกี่ยวทางสังคม” ไง ชุมชนอยู่ด้วยกัน ระหว่างชุมชนพึ่งพาอาศัยกัน แบ่งปันกัน เอื้ออาทรกัน
หากจะสร้างบ้านทรงไทย การเข้าลิ่มเข้าไม้ ต้องให้พ่อนั่นพ่อนี่ หากจะแกงบอน ต้องแม่นั่นแม่นี่ หากจะตัดไม้ใหญ่ ต้องพ่อนั่นพ่อนี่ มันไม่มีครอบครัวไหนที่รู้ไปทุกเรื่อง ชำนาญไปทุกเรื่องหรอก ก็รู้หนึ่งเรื่อง ไม่ชำนาญสิบเรื่อง ก็พึ่งพากัน อาทรต่อกัน สังคมก็มีแรงเกาะเกี่ยวแก่กันและกัน
เห็นพ่อครู ปลูกบ้านแล้วนึกถึงคนโบราณสร้างบ้านครับ
ขอบคุณครับ
จะเอาไปขยายความนะครับ