ชุดยั่วยุง

อ่าน: 2668

ช่วง3-4วันมานี้ คณะSCG.เคมีคอลระยองกลุ่มเล็กๆมาต่อท้ายขบวน ถัดจากกลุ่มป่าไม้และครูทุ่งกุลาร้องไห้ เนื่องจากมาพร้อมกับมรสุม เจอฝนตกหยิมๆสลับไปมากับแดดออกทั้งวัน ได้เจอกับอาจารย์นฤมล บรรจงจิตร จากสถาบันวิจัยสังคมจุฬาฯ พาออกไปเดินชมนกชมสวนบ้าง นอกจากแฉะแล้วยังมียุงฟันหลอมารุมไต่รุมตอม ผู้ชายนะไม่เท่าไหร่ แต่คุณสาวๆนี่สิ ขืนพาลุยป่าแบบสมบุกสมบันมีหวังโดนยุงกัดลายพร้อยแน่ๆ จึงพาออกนอกสถานที่เท่าที่จำเป็น มีบางวันจับขึ้นรถไปดูทุ่งกุลาร้องไห้ ยามที่ข้าวเขียวระบัดใบเต็มทุ่งผืนใหญ่ ข้าวกำลังตั้งท้องรอวันแตกรวงในไม่ช้านี้ ปริมาณน้ำฝนกำลังพอดี ทำให้หญ้าที่ขึ้นมาแซมข้าวจมน้ำเน่าเปื่อยเป็นปุ๋ย แม้ว่าจะมีน้ำหลากมาอีก ก็คงไม่เสียหายอะไรแล้ว เพราะข้าวต้นโตแข็งแรงพอที่จะสู้กับน้ำได้ สภาพโดยรวมแล้วอาจกล่าวได้ว่า ปีนี้ข้าวน้ำทุ่งกุลาร้องไห้ได้ผลสมบูรณ์ดีกว่าทุกปี

SCG ระยองกลุ่มนี้มีภาระกิจรับผิดชอบในการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรมนุษย์

ดูแลด้านการฝึกอบรมพนักงานเคมีคอลระยองเป็นหลัก

ปีหนึ่งๆต้องนำพนักงานเข้าสู่กระบวนการเติมทักษะงานทักษะชีวิตรุ่นละ 9 เดือน

เท่าที่ผ่านมาก็ทำได้สบายๆอยู่แล้ว

แต่ปีนี้ชวนกันมาที่นี่ต้องการจะค้นหากลอุบายอะไรไปเสริมงานกระมัง

:: ผมมองว่า คนเรามีเลือดเนื้อชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะคนที่ทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี เครื่องจักรเครื่องกลที่บรรยากาศแข็งขรึม มีแต่เหล็ก หลอดไฟ หน้าจอคอมพิวเตอร์ ยิ่งสมควรเติมด้านธรรมชาติ สังคมเพื่อน ครอบครัว ให้ชีวิตมีโชคอัพบ้าง เติมส่วนที่ขาด ถ้าคุณภาพชีวิตดีมีความอบอุ่นไม่วิตกกังวลใดๆ ย่อมส่งผลถึงการทำหน้าที่การงาน นั่นแสดงว่าคนต้องมาก่อน ถ้าคนปกติสุข ผลของงานย่อมเป็นไปโดยราบรื่น ทุกวันนี้องค์กรต่างๆแข่งขันกันที่คุณภาพของคน ถ้าสมาชิกองค์ห่วยแตก !  สภาพความเป็นอยู่เป็นไปขององค์กรค์นั้นๆจะมีอาการจืดชืดซังกะตาย ดังนั้นที่กลุ่มSCG.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรอย่างเข้มข้น จึงเป็นตัวอย่างของการยกระดับพนักงานทั้งแผง ให้เจริญเติบโตขึ้นไปพร้อมกับความก้าวหน้าของบริษัท

(มีกิจกรรมฝึกปฏิบัติพอได้ยืดเส้นยืดสายไม่ถึงกับเหงื่อตก)

จึงเน้นที่การพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ชวนทำกับข้าวบ้าง ดูสื่อต่างๆบ้าง ลองให้โจทย์ฉุกคิดเล็กๆน้อยๆ ชวนพิจารณาระบบอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกา ฉายซีดีเรื่องการผลิตอาหาร ของค่ายยักษ์ใหญ่เพียงไม่กี่แห่งแต่ครอบงำระบบวงจรอาหารทั้งประเทศ  มุ่งเน้นเรื่องผลกำไรมากกว่าคุณภาพของอาหาร การยึดครองโครงสร้างระบบพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ สร้างข่ายโยงใยการผลิตการตลาดแบบข้ามาแต่ผู้เดียว เกษตรกรทุกรายต้องใช้พันธุ์จากการควบคุมแบบถึงลูกถึงคน ใครมีปัญหาโดนฟ้องขึ้นเขียงมิได้ละเว้น เกษตรกรยากจนจะเอาเงินที่ไหนไปจ้างทนายสู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีการเมืองหนุนหลัง

(ชวนทำกับข้าว-ดวลไวน์-แต่เมาเสาวรส)

ทุกวันนี้คนอเมริกา ต้องเขมือบอาหารปนเปื้อนสารพิษสารเคมมีโดยไม่รู้ตัว

และเรื่องลักษณะนี้ก็กำลังระบาดไปทั่วโลก

แม้แต่ไทยแลนด์ของเราเองนี่ก็เถอะ

ถ้ายังงมโข่งอยู่กับโครงสร้างและวิทยาการเกษตรตามอย่างตะวันตก

คิดว่าพวกเราอาจจะเคยได้ยินชี่อบริษัทมอลซาโต้มาบ้างแล้ว

เจ้าพ่ออาหารสะดวกแด-ก ไงละเธอ

นี่แหละเป็นตัวอย่างให้พิจารณาดีนักเชียว

(ช่วงพาลุยทุ่งกุลาร้องไห้)

ช่วงบ่ายแก่ๆวันนี้ ผมชวนคณะเคมิคอลระยองไปปลูกต้นไม้ บุกไปดูสมุนไพร ไปดูกล้วยสายพันธุ์GMO. ที่ให้ผลสวยเครือยาวใหญ่ ในคราวปลูกเริ่มต้น แต่พอมาถึงชั้นลูกที่เราไปงัดเอาหน่อมาปลูก ทำไมผลกล้วยออกมาเล็กลีบเหมือนกับเป็นโรคตาลขะโมย ทั้งๆที่ตั้งใจปลูกใส่ปุ๋ย ช่วงนี้ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำเพราะฝนตกชุกเป็นพิเศษกว่าทุกปี แต่สิ่งด้อยที่เกิดขึ้นแสดงว่าคงจะเป็นผลมาจากคำว่าGMO.นี่เอง เห็นแล้วแทบจะขุดหน่อทิ้ง ช่วงที่เราเดินผ่านต้นเสาวรส ก็บอกหนุ่มสาวให้เก็บกัน บอกว่าเย็นนี้จะสาธิตวิธีรับประทานเสาวรสสดๆอร่อยๆ ด้วยการผ่าครึ่งผลแล้วเอาเกลือกับน้ำผึ่งเป็นตัวปรุงรส เธอเอ๋ยชิมกันสนุกสนานตามสไตล์สวนป่าเขาละ

(รอยยิ้มของหนุ่มหล่อระยอง/มาบตาพุด)

ช่วงที่จะเดินกลับจากบทพระลอชมสวน

เจ้าหนุ่มเสมาท้วง..ไหนว่าจะพาไปดูต้นสักใหญ่

ก็เลยชวนเดินย้อนไปดูต้นสัก

ไปถึงกระตู้วู้วิ่งไปกอดถ่ายรูป

แต่เจ้าหนูส้มนะสิ

แกเป็นเด็กร่าเริงใสๆใส่กางเกงขาสั้นสบายๆตามสมัยนิยม

ถ้าเดินในเมืองก็ไม่กระไรนัก

แต่มาเดินสวนป่าที่มียุงมะรุมมะตุ้ม

จึงแซว..เดินป่าด้วยชุดอย่างนี้

ถ้าผิวหนังหนาอย่างแรดก็ไม่เป็นไร

แบบนี้เ ข า เ รี ย ก ว่ า ชุ ด ยั่ ว ยุ ง อิ  อิ. .

« « Prev : ครูทุ่งกุลาร้องไห้

Next : สงสารประเทศไทยบ้างไหมเธอ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

8 ความคิดเห็น

  • #1 took ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 กันยายน 2011 เวลา 20:15

    กว่าจะหาทางเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้ นานเลยค่ะ ต้องขอบคุณพ่อครูมากๆนะคะ ตุ๊กได้อะไรที่ต้องเก็บไปคิดและทำหลายอย่างเลยค่ะ ขอให้หายไวๆนะคะ

  • #2 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 กันยายน 2011 เวลา 21:06

    ผมไม่รู้จักด้านลึกของ SCG แต่เท่าที่รับรู้ ดูจะเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญด้านการพัฒนาคนในองค์กรมากกว่าองค์กรอื่นๆ หรืออาจเป็นเพราะผมไม่รู้จักองค์กรอื่นๆก็เป็นได้นะครับ

  • #3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 กันยายน 2011 เวลา 21:48

    ทางยากลำบากเป็นเจตนาของสวรรค์
    เรื่องเข้ายากเป็นปฐมให้วัดใจอยู่แล้ว
    จะเห็นว่าพวกแซ่เฮนี่นะ
    1 ถนนก็เข้ายาก
    2 จะเข้าบล็อกก็ยาก

    แต่ตอนเขียนตอบนี่ไม่ยากแล้วนะ
    ยังไงๆมาเยี่ยมบ่อยก็ดี
    อยู่โดดเดี่ยวก็กลัวผีหลอกเหมือนกันนะ
    หวังว่าคงจะไม่เข็ดเขี้ยว และเดินทางกลับปลอดภัย
    ฝากดูแลเจ้าหนูส้มด้วย อิ อิ

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 กันยายน 2011 เวลา 21:50

    SCG. เป็นตัวอย่างการพัฒนาองค์กรที่ค่อนข้างจะมุ่งมั่น ไม่ได้ทำกันเลาะแหละ
    พระอาจารย์ วรภัทร เป็นไม้ตะพดดูแลกลุ่มนี้อยู่แล้ว อิ

  • #5 took ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 กันยายน 2011 เวลา 22:16

    รู้ทางเข้าแล้วเดี๋ยวจะให้ส้่มเข้ามาทักทายค่ะ

  • #6 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 กันยายน 2011 เวลา 23:43

    ไอ้หนูส้มมาช้า ตัดออกจากกองมรดกจริงๆด้วย
    แหม มาหลอกกอดแล้วทำเมินเฉย อิ

  • #7 somza ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 กันยายน 2011 เวลา 13:36

    มาแล้ว มาแล้วคร้า แหม๋ ๆ มาช้าหน่อยเด๋วปาปารัสซี่แอบเมาส์กันกระจายเลยนะค่ะ… เม้าส์กันไม่เท่ารัยแต่จะจับโยนออกจากกองมรดกอันนี้เห็นจะยอมไม่ได้แต่ถึงอย่างไรมาช้าก็ยังดีก่าไม่มานะค่ะ ว่าแต่ว่าเถอะค่ะ ทางเข้าบ้านกับทางเข้าบล็อคครูเนี๊ยเหมือนกันเลยนะค่ะ หายากม๊าก มาก…. แบบว่า GPS โบกมือ บ๊าย บายกันเลยทีเดียว… ครูสบายดีป่าวค่ะ..ส้มอยู่ทางนี้ดมสารเคมีสบายดีค่ะ….ถ้ามีโอกาสจะแวะไปสูดอ๊อกซิเจนที่มหาชีวาลัยอีกแน่นอน…

  • #8 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 กันยายน 2011 เวลา 23:36

    เก่งมากที่หาทางเข้ามาได้ ลองเขียนงานที่ทำมาให้ดูหน่อย สภาพงาน สภาพพื้นที่ ฯลฯ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.083015203475952 sec
Sidebar: 0.068033933639526 sec