จัดการอย่างไรดี

โดย ป้าหวาน เมื่อ 8 มิถุนายน 2009 เวลา 9:32 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1507

 

เราทุกคนคงมีเรื่องผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย  บางเรื่องน่าจดจำ เราเคยไหมที่พยายามจะจดจำไว้ ไม่ให้ลืม  แต่บางเรื่องเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดกับชีวิตเราเลย  แต่ก็เกิด  แล้วเราทำอย่างไร  วันนี้ขอมาถามค่ะ  ใครมีวิธีคิด วิธีทำ อย่างไร กับเรื่องที่เกิดในชีวิตที่เรียกว่า ไม่อยากให้เกิด แต่ก็เกิด  บ้างคะ  เริ่มจากภายใน คิดอย่างไร จะหาเหตุเกิดอย่างไรไหม  จะหาอะไรบ้าง หลังจากนั้น จะใคร่ครวญ ไตร่ตรองอย่างไร ต้องมีข้อสรุปไหม หรือ กดทับ หรือ ตัดทิ้ง ใช้วิธีอย่างไรบ้างคะ สุดท้าย จะต้องลบออกไป พยายามลืมหรือไม่ อย่างไรค่ะ  ขอบพระคุณค่ะ

ในที่นี้ขอเปิดรับกว้าง ทุกแนวนะคะ และ รวมทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นเอง หรือ เรื่องที่มีการทำให้เกิด อาจจากใครก็ตาม อาจจะเล่า หรือ ไม่เล่าเรื่อง ก็ได้ค่ะ แต่ขอวิธีจัดการค่ะ  แน่นอนว่าแต่ละคนแตกต่างได้ เหมือนได้ และ ทุกความคิดมีคุณค่า ขอบพระคุณค่ะ 

                                                  

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : ห้องแล็บชีวิต : ใจ กับ กิเลส

Next : ทางเอก หรือ ทางโท ไฟเขียว หรือ ไฟแดง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

7 ความคิดเห็น

  • #1 Panda ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 มิถุนายน 2009 เวลา 10:56 (เช้า)
    • ทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จะถูกบันทึกลงในจิตของเราทั้งหมดครับ เราจะเลือกไม่ได้ (ฟังเขามา)
    • แต่เราจะเลือกนำอะไรออกมา ขึ้นอยู่กับเรามี สติดี หรือ เสียสติ ครับ…….สติดีก็เลือกสิ่งดี ๆ ออกมา เสียสติก็สิ่งไม่ดีออกมาครับ….อิอิ…เป็นความเห็นส่วนตัวครับ
  • #2 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 มิถุนายน 2009 เวลา 1:04 (เย็น)

    อิอิ  ขอบพระคุณพี่แพนด้าค่ะ 

  • #3 sompornp ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 มิถุนายน 2009 เวลา 1:23 (เย็น)

    ป้าหวานที่รัก

    เป็นประเด็นที่น่าสนใจ และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาเรียนรู้ค่ะ
    สำหรับตัวเองอยาก share กับป้าหวานค่ะ

    อดีต
    เป็นคนที่ตัดเรื่องอะไรที่เข้ามาในชีวิตไม่ได้เลย
    สิ่งที่เข้ามาทำให้มีความสุข ก็จะสุขแบบติดสุข ไม่เปิดทาง วางใจให้กับเรื่องอื่นใดเลย
    และเมื่อสิ่งที่เข้ามาทำให้ทุกข์ ก็จะรู้สึกทุกข์อย่างแสนสาหัส

    เช่น ทุกข์จากงาน ก็จะเก็บไปคิด ไปจำ ไม่วาง เก็บข้ามวันข้ามคืน ข้ามสัปดาห์ ข้ามเป็นเดือน เป็นปีก็มี ทุกข์ ๆ ๆ จมอยู่กับมัน หาทางแก้ หาทางออกไม่ได้ ก็จะไม่วาง จะแบก ๆ ๆ ๆ จนกว่ากาลเวลาจะช่วยให้มันดีขึ้น หรือมีใครมาให้ข้อคิด สะกิดใจแบบหนัก ๆ ถึงอาจจะปล่อยวางได้ ถึงแม้ว่าบางครั้งจะแก้ได้ไปแล้วก็ตาม แต่จะยึดติดกับทุกข์ที่มีอยู่ว่า “มันเคยทุกข์  ๆ  ๆ  ๆ”  คิดวนเวียนไม่จบสิ้น จวบจนเวลาผ่านไป จึงปล่อยวางได้  แต่ถ้ากลับมาคิดอีกก็ทุกข์อีก

    ทุกข์จากการใช้ชีวิตตัวเองก็เช่นกัน คำถามว่า “ทำไม ๆ ๆ ๆ ” ต้องเกิดขึ้นกับฉัน มันจะวนเวียน เวียนว่ายเข้ามาหาทางออกไม่เจอ แล้วก็จะวน ๆ ๆ อย่างไม่รู้จักจบสิ้น วิธีแก้ในขณะนั้นก็คือ ปล่อยให้เวลา ผ่านไป ๆ ๆ ๆ และคิดว่ามันคงดีขึ้นเอง

    มันเป็นการฝังทุกข์ไว้ในกาย ไว้ในใจ
    มันเป็นการหลบหนีเหตุ-ผลแห่งทุกข์ หลบมันจนคิดว่าไม่เจอมันแล้ว
    แม้กระทั่งบิดเบือนที่จะรับกับความจริงว่ามีเหตุแห่งทุกข์เกิด และสร้างจินตนาการ และความว่าสุขเข้ามาทดแทน  และเหมือนมันจะผ่านไป  แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่  มันอยู่กับเรา อยู่ในใจเรา วนเวียนอยู่ข้างใน และพร้อมที่จะปล่อยออกมาเมื่อเจอตัวกวนสะกิดเรา  และเราก็ไม่สามารถกำจัดมันได้ ก็ยังคงให้มันเวียนว่ายอยู่ในตัวตนของเราเช่นนั้น (ทำให้นึกถึงว่าทำไม ฝรั่งถึงต้องพึ่งจิตแพทย์)

    ปัจจุบัน
    จะแยกเรื่องราวที่เข้ามาในชีวิตว่า
    1) เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้  คนเราต้องพบมัน เพราะมันเป็น “เป้าหมาย” เป็น “จุดสุดท้าย” ในชีวิตของเราที่เราต้องพบเจอ  เรียกมันว่า “ความตาย”
    เรื่องนี้ เราจะปฏิเสธไม่ได้ว่า เราทั้งหลาย ไม่อยากให้มันเข้ามาในชีวิตเราเลย  แต่มันต้องเกิด ก็จะยอมรับและเรียนรู้ ฝึกที่จะให้มีสติอยู่ว่า “เราต้องตาย”  มันก็จะทำให้เรารู้สึกไม่ทุกข์มาก  เพราะเราคิดว่าทุกคนต้องตาย  รวมถึงกาบพลัดพรากจากกันด้วยความตาย  ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน  ก็จะ(พยายาม)เรียนรู้และเข้าใจว่าสุดท้ายเราก็ต้องจากกันไม่วันใดก็วันหนึ่ง  ก็จะทำให้รู้สึกดี รู้สึกสบายขึ้น

    2) เรื่องงาน  จะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการทำงานมาก  และการทำงานต้องสมบูรณ์ที่สุดด้วย เป็นมนุษย์ perfect ทำอะไรต้องให้ได้ดีที่สุด เมื่อทำอะไรไม่ทัน ไม่ดี มีข้อผิดพลาดที่ไม่อยากให้เกิด เมื่อก่อนก็จะทุกข์  แต่ปัจจุบันจะวางได้ง่ายขึ้น  เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นแล้ว ก็พยายามมาดูว่ามันเกิดจากอะไร เกิดขึ้นแล้วรู้สึกกับมันอย่างไร ถ้าทุกข์แล้ว ทุกข์ให้อะไร ถ้าวางมันจะสุขกว่าไหม หรือทำให้จิตใจเราดี จิตใจเราสบาย  เพราะเราไม่สามารถย้อนไปอดีตได้ หรือเราไม่สามารถบังคับไม่ให้มันเกิดได้  เมื่อมันเกิดก็เรียนรู้ไปกับมัน ตามให้รู้ ดูให้ทัน  ไม่ได้อิงทฤษฎีนะ  แต่เอาจากการปฏิบัตนี่แหละ  รู้ว่ามันทุกข์ ก็เผชิญกับมัน ดับทุกข์ให้ทัน ดับได้เร็วเท่าไร เราก็สบายเท่านั้น  แล้วหาวิธีการที่จะทำเรื่องที่เกิดขึ้นเหตุและผลของงานนั้น ๆ “เราก็จะสบาย”

    3) สำหรับเรื่องอื่น ๆ ที่เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับผู้คนทั่วไป เรื่องความรัก เรื่องการใช้ชีวิต ฯลฯ  มันก็ต้องมีเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นแล้วไม่อยากจำ อยากลืม  เรื่องที่ไม่อยากจำ ไม่อยากลืมนั้น สำหรับตัวเองคิดว่าเป็นเรื่องที่เราหาเหตุหลบหนีในสิ่งที่เกิดขึ้น  ต่อให้หลบเท่าไร ถ้าใจเราไม่วาง มันก็ไม่พ้น  ดังนั้น ตัวเองจะเรียนรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น  เรียนรู้เรื่งอราวในอดีตที่มันเกิด แล้วเราแก้ไขมันอย่างไร  และถ้ามันเกิดขึ้นในปัจจุบันเราจะเอาบทเรียนเก่ามาเรียนรู้ร่วมกันได้อย่างไร “อย่าหนี” เพราะการหนีไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น เป็นการสะสมสิ่งที่เทียบเคียงกับ “ขยะ” ให้เกิดขึ้นในใจ  ดังนั้นจะเรียนรู้ในส่งที่เกิดขึ้นแล้ว “พิจารณา” ว่า มีอะไรกระทบ ทำให้จิตเราว้าวุ่นหรือไม่  และถ้าสิ่งที่เกิดมันกระทบทำให้คนอื่นไม่สบายใจก็เหมือนเป็นกรรมที่เราได้กระทำให้เขาไม่สบายใจ ก็จะเรียนรู้และละเว้นในสิ่งที่ทำให้คนอื่นทุกข์ ถ้ามันเกิดแล้ว ก็ยอมรับในผลการกระทำที่ได้ก่อ  ก็ได้แต่สวดมนต์ภาวนาให้สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายในความรู้สึกคนอื่นดีขึ้น แล้วละเว้นที่จะกระทำให้ใครรู้สึกทุกข์ “เราต้องไม่ผลักให้เราลงนรกด้วยความขุ่นมัวของจิตใจ” ก็เช่นเดียวกัน เราก็ไม่อยากให้ใครต้องเป็นทุกข์ด้วยอาการขุ่นมัวของจิตใจเรา และจิตใจเขา  “ตามรู้เราให้ทัน” ค่ะ

                  “อารมณ์ภายนอกล้วนไม่เที่ยง
                อารมณ์ภายในเสื่อมสลายทุกขณะดุจกัน”

                                                         ปฏิจจสมุปบาท
                                                         หลวงพ่ออำนาจฯ

    แค่นี้ก่อนนะคะ
    สุขสันต์วันจันทร์ที่แสนยุ่ง
    (แสดงว่าเรายังมีงานทำ)
    อิอิอิ
                                       

  • #4 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 มิถุนายน 2009 เวลา 2:17 (เย็น)

    อาการจำนานแบบที่คุณน้าแห่งชาติเคยเป็น เอาไปวิจัยสร้างแบตเตอรี่ ก็ดีนะ เผื่อว่าเมืองไทยจะได้เป็นมหาอำนาจ อิอิ

  • #5 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 มิถุนายน 2009 เวลา 6:00 (เย็น)

    เราอ่าน  เราฟังมาเยอะแล้ว ?
    เริ่มปฏิบัติแล้วจะเรียนรู้เอง  อิอิ ?

  • #6 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 มิถุนายน 2009 เวลา 12:09 (เช้า)

    ขอบคุณพี่อึ่งมากนะคะ   เต็มอิ่มกับข้อความของพี่อึ่งค่ะ  คนเรามีหลายแบบ  ป้าหวานจึงตั้งคำถามนี้เพราะ
    การจัดการของแต่ละคนอาจสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆที่มีปัญหาอยู่ได้ค่ะ  เพราะการเรียนรู้เรียนได้เรื่อยๆ  มุมมอง เหตุการณ์ บางอย่างอาจพบเร็ว พบช้า แตกต่างกันไป  ป้าหวานเชื่อว่า มีประโยชน์ค่ะ
    ดังเช่นที่พี่อึ่งเล่านั้น  บางคนอาจนำไปใช้ได้เช่นกัน  ขอบคุณพี่อึ่งมากๆค่ะ ป้าหวานแชร์ค่ะ ป้าหวานก็เป็นอย่างพี่อึ่งเหมือนกันค่ะ และก็อาจมีใครเป็นอย่างเราอีก  ยังอยากฟังการจัดการแบบอื่นๆอีกนะคะ

    ขอบคุณท่านรอกอดค่ะ   จริงนะคะ  พลังงานยาวนานของความทุกข์นั้นมากมายนัก  ถ้าเราสามารถนำเอามา
    ใช้ประโยชน์ได้ คงมหาศาล  และถ้ากลับกัน  เจ้าของความทุกข์นั้นสามารถรู้ และแก้ปัญหาได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งมีเวลา มีพลัง ให้ชีวิตตัวเองเร็วขึ้น มากขึ้นนะคะ  ตีความค่ะ  อิอิ

    ขอบคุณพี่หมอจอมป่วนค่ะ  ลึกซึ้งๆ  ป้าหวานเข้าใจเจตนาพี่หมอค่ะ  ถ้าเราไม่ได้ทำ เสียที มีแต่เรียนรู้
    คงไม่เกิดผล อะไรจะเท่าลงมือทำ   ลงมือเลยนะคะ ใครที่รอ  รอ  รีรอ..  อิอิ อิอิ อิอิ

  • #7 สิทธิรักษ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 มิถุนายน 2009 เวลา 12:20 (เย็น)

    สมองมีไว้คิด ไม่ใช่มีไว้จำ นะจ๊ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.69070291519165 sec
Sidebar: 0.11007690429688 sec