ความรู้และเทคโนโลยีเพื่อการหลอกลวงตนเอง

โดย แสวง เมื่อ 8 February 2010 เวลา 9:04 am ในหมวดหมู่ อาหารปลอดภัย
อ่าน: 2170

วันนี้ผมได้สนทนาวิชาการเล็กๆน้อยๆกับลูกสาวที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ ๓ และเตรียมสอบวิชาเกี่ยวกับ “ระบบประสาทของมนุษย์”

ที่เป็นสื่อสำคัญทำให้ให้เรา “รู้ตัว” “รักษาตัวเอง” และ “เอาตัวรอด” ในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างน่าทึ่งจริงๆ

มี ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจมากคือ ความสามารถในการรับรสชาติอาหาร ที่เป็นสื่อของความ “อร่อย” ว่าคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร มีอะไรเป็นตัวกระตุ้นระบบทำงาน มีไว้ทำอะไรในระบบของสิ่งมีชีวิต

หลัง จากการวิเคราะห์ประเด็นทางชีววิทยาและวิวัฒนาการ เราได้ข้อสรุปว่า แท้ที่จริง “ความอร่อย” ก็คือการรับรู้ว่ามี “กลูตาเมท” ในอาหารชนิดนั้นๆ

แล้ว “กลูตาเมท” มีประโยชน์ต่อระบบการบริโภคอาหารของสิ่งที่มีชีวิต อย่างไร

เรา เริ่มวิเคราะห์แบบสืบค้นต่อไป ก็พบว่า “กลูตาเมท” จะมีมากในเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตที่มีกิจกรรมสูง เมื่อมีกิจกรรมสูง ก็น่าจะมีสารอาหารมาก เมื่อมีสารอาหารมาก ก็มีคุณค่าควรแก่การบริโภคมาก

คิดไปแล้วน่าทึ่งจริงๆ ทางด้านวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ช่างชาญฉลาดจริงๆ

แสดงว่า ความอร่อยน่าจะเป็นระบบการรับรู้ที่ช่วยให้เราบริโภคอาหารที่มีคุณค่าโดยแทบไม่ต้องใช้ความรู้ทางโภชนาการอะไรเลย ก็ได้

ไม่ต้องมีความรู้อะไรมาก แค่ “อร่อย” แบบธรรมชาติ ก็มีโอกาสได้สารอาหารดีๆ ที่สุดที่มีในอาหารประเภทนั้นแล้ว

แต่ต้องเป็น “ความอร่อย” ตามธรรมชาติ ไม่มีการ “ปรุงแต่ง” หรือ “ใช้สารเคมีหลอกตัวเอง”

ในอีกมุมหนึ่ง การรับรสชาติน่าจะกลไกธรรมชาติในการป้องกันการบริโภคสารพิษ อาหารบูดเน่า ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้

แต่

ใน ในสังคมของเรากลับหาวิธี “หลอกตัวเอง” ด้วยการปรุงแต่งรสชาติอาหารโดยวิธีต่างๆ เพื่อ ทำอาหารให้เสมือนหนึ่ง “มีคุณค่า” ทางโภชนาการ กระตุ้นการบริโภค ด้วยเครื่องปรุงรสต่างๆ

ตั้งแต่สมัยโบราณมาก็ใช้ เกลือ น้ำตาล เครื่องเทศ ที่บางอย่างก็อาจมีคุณค่าทางโภชนาการ หรือด้านเภสัชกรรม แต่หลายๆอย่างก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ และอาจเป็นพิษเป็นภัยก็เป็นได้ เช่นการบริโภคอาหารรสจัดทั้งหลายนั้น เป็นการหลอกตัวเองอย่างสุดๆ และน่าจะมีผลเสียมากกว่าผลดี

ใน ปัจจุบัน เรายังมีการผลิตสารเคมี “กลูตาเมท” เพื่อใส่ในอาหารแบบ “ยิงหมัดตรง” หลอกตัวเองอย่างสุดๆ ว่า อาหารที่ตนเองรับประทานนั้นมี “กลูตาเมท” ที่เป็นตัวชี้วัดทางธรรมชาติ และชีววิทยา ว่า มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยที่ สิ่งที่จะบริโภคนั้น อาจจะไม่ใช่อาหาร หรือ ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการแต่อย่างใด

และพบว่า การหลอกตัวเองในลักษณะนี้ มีอยู่ในทุกรูปแบบ ทั้ง สัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง

ทั้งๆ ที่ ระบบประสาทเหล่านี้ น่าจะมีไว้เพื่อการรับรู้ธรรมชาติ สิ่งที่เป็นอยู่รอบตัวเรา เพื่อให้เราได้รู้ตัวว่า เรากำลังเผชิญอะไรอยู่ และควรตอบสนองอย่างถูกต้องได้อย่างไร ทั้งการตอบรับ การวางเฉย หรือปฏิเสธ

แต่ มนุษย์เรากลับใช้สมอง ใช้ความรู้เพื่อจะหลอกตัวเองให้ไม่รู้ตัว ด้วยการปรุงแต่งอย่างเทียมๆ ให้เกิดการบริโภคอย่างผิดๆ ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว

ตั้งแต่ การปรุงอาหาร ที่ส่วนใหญ่ก็ “หลอก” แบบ “หวังดี” ที่บางทีก็เกิด “ผลร้าย” ไปจนถึง การปรุงรสสารพิษ สารเสพติด (เช่น แอลกอฮอล์ นิโคติน แอมเฟตามีน ฯลฯ) ให้บริโภคง่ายขึ้น ที่ไม่ทราบว่า “หวังดี” หรือ “หวังร้าย” กันแน่

แต่ ผมกลับคิดว่า เราน่าจะเน้นความพยายามเข้าใจตนเอง เข้าใจธรรมชาติ ใช้ความรู้ เทคโนโลยีเพื่ออยู่กับธรรมชาติแบบ “ไม่หลอกตัวเอง” น่าจะดีกว่า

สิ่ง ที่ครอบครัวของผมเลิกไปนานกว่า ๒๐ ปีแล้วก็คือ ไม่สนับสนุน และไม่บริโภคสารเคมีปรุงรส อาหารซอง หรือน้ำอัดลมใส่สี ใส่กลิ่น ใส่สารปรุงรส และสารกันบูดเน่า ที่หลอกให้เราบริโภคสิ่งที่ไม่ค่อยเป็นประโยชน์

และ เราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีโทษ มากกว่ามีประโยชน์

ส่วน ตัวผมเอง แม้แต่ยาแก้ไข้แก้ปวด ที่หลอกตัวเองว่า “ปกติดี” ผมก็ไม่รับประทาน เพราะผมอยากรู้ว่าตอนนี้ ร่างกายกำลังเป็นอะไร มากแค่ไหน ที่ตรงไหน

ที่ผมคิดว่าดีกว่า “การปิดบังตัวเอง ไม่ให้ตัวเองรู้ ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร”

ข้อนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ที่ไม่จำเป็นต้องว่าอะไรดีไม่ดี

แต่ผมคิดว่า การใช้ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อการหลอกตัวเอง ปิดบังตัวเอง หรือแม้กระทั่งทำลายตนเอง ไม่น่าจะดีสักเท่าไหร่

ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ


6 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 February 2010 เวลา 11:27 am

    เรื่องอาหารปลอดภัยแก้ยากจริงๆ
    เป็นความสมยอมทั้ง2ฝ่าย
    ผู้ผลิตกับผู้บริโภคไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง
    เอาความสะดวก อร่อย สมประโยชน์เป็นที่ตั้ง
    กิน ป่วย ตาย ก็เอาไปเผา

    ถ้าจะเอาของดีสดๆปลอดภัยไว้ใจได้
    อย่างที่เล่าฮูเดินไปเด็ดมะเขือเทศเคี้ยวกินสดๆเมื่อวันก่อน
    ต้องมาเจี๊ยะที่สวนป่า ครับผ๊ม..
    ในเมื่อเจ้าตัวไม่กลัวตาย ห่วงใยแทนก็ได้แต่เพิ่มใยห่วง
    และมันก็จบอยู่แค่นั้น
    แคว๊กๆ

  • #2 rani ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 February 2010 เวลา 2:46 pm

    อิอิ ได้รับความรู้จากที่อาจารย์เล่าให้ฟังเมื่อคืน กลับมาอ่านเพื่อยืนยันความชัดเจนอีกรอบ ทุกอย่างก็อยู่ที่เราเลือกกินอย่างมีสุขภาพดี หรืออร่อย แต่ทำลายสุขภาพ ไม่มีใครเลือกให้ได้….นอกจากตัวเอง

  • #3 Rhypere ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 May 2023 เวลา 3:16 am

    cialis pills for sale Careful analyses of NIR laser treatments at both phototoxic and sub phototoxic treatment zones using a wide range of cell and molecular analyses did not demonstrate any evidence for genotoxicity or mutagenicity

  • #4 zsZSIl ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 July 2023 เวลา 11:34 am

    female viagra porn Symptoms of magnesium deficiency include, but are not limited to

  • #5 zqYRukBZ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 August 2023 เวลา 12:32 pm

    I can t imagine what these amazing animals are subjected to daily cialis and viagra sales

  • #6 Iron recovery and repurposing ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 March 2024 เวลา 7:13 pm

    Metal waste reclamation and reuse Ferrous scrap recycling regulations Iron disposal yard

    Ferrous material feasibility assessment, Iron scrap reclaiming solutions, Scrap metal recovery and salvage


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.53084802627563 sec
Sidebar: 0.54934287071228 sec