กันยายน 11th 2009 11:36 (เช้า)
เหตุที่ต้องกลับ กทม.
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (6/9/52) ประมาณตี2 เสียงโทรศัพท์มือถือมีเสียงดังขึ้นมา ไม่ทันได้นึกอะไรเพราะยังงัวเงียอยู่มาก แต่ก็รีบรับเพราะเวลานี้ไม่ควรมีใครโทรมาถ้าไม่จำเป็น
เป็นเสียงพี่สะใภ้คนที่4 บอกว่าพี่ชายคนที่3 กำลังเดินทางโดยรถทัวร์กลับจากเชียงใหม่เข้ากทม. มีอาการชักและเข้าโรงพยาบาลระหว่างทางคือที่จ.กำแพงเพชร (หมายเหตุ:ที่บ้านนักการเมี่ยงเปิดร้านขายของส่งตจว.ลักษณะเป็นแบบ “กงสี“(ไว้จะเล่าในคราวถัดไป ว่าคืออะไร จ้า) แล้วพี่ชาย3และ4 ก็จะออกไปเป็นเซลแมนออกขายและเก็บเงิน)
ก็บอกพี่สะใภ้4ไปว่า ขอให้สว่างอีกหน่อย แล้วจะรีบขับรถออกไปดู (ตอนนั้นและตอนนี้ที่เขียนก็อยู่ที่ จ.พิษณุโลก) แต่นอนก็นอนไม่หลับ เอาไงดีหละนี่ ค่อย ๆ ขับรถไปละกัน(นึกในใจ)
พอขับเข้าเขตจ.กำแพงเพชร พี่สะใภ้4(ขอย่อหน่อยละกัน เพราะมีพี่สะใภ้ 1,2,3และ4 อ่ะ แหะ ๆ) โทรมาอีกบอกว่าเค้าย้ายด่วนมาที่รพ.ในนครสวรรค์แล้ว ส่วนกระเป๋า ซึ่งมีเอกสารสำคัญต่าง ๆ ยังอยู่ที่ โรงพยาบาลแห่งแรกที่เข้า คือที่รพ.คลองขลุง (คือไปรพ.คลองขลุงก่อน แล้วย้ายไปที่รพ.ตัวเมืองกำแพงเพชร จากนั้นก็ไปนครสวรรค์)
ก็เลยว่าไม่เข้าแล้วกำแพงเพชร แต่โทรไปที่รพ.คลองขลุงว่ากระเป๋ายังอยู่ที่โน่นใช่ไหม ซึ่งทางรพ.คลองขลุงก็แจ้งว่า”ใช่” และจะดูแลให้ (ต้องขอขอบคุณมาณ.ที่นี้ด้วยค่ะ) ขับต่อไปจนถึงรพ.สวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นรพ.ของรัฐ เพราะคิดว่าต้องส่งต่อมาที่นี่แน่ ๆ
เห็นรถพยาบาลป้ายทะเบียนกำแพงเพชร อ้า! ใช่แน่ ๆ เข้าไปถามพนักงานขับรถ เค้าบอกว่า เค้ามารับคนกลับ ไม่ได้ส่งคน ส่วนรถที่มาส่งคนรู้สึกว่าจะไปที่ รพ.รัตนเวช ซึ่งอยู่เยื้อง ๆ กับ รพ.นี้
อ้าววววววว ส่งไปรพ.นั้นได้ไงหว่า จากรัฐ ไปเอกชนได้หรือ หรือว่าพี่ชาย3(ย่ออีกเช่นเดียวกันเพราะมีพี่ชายคนที่ 1,2,3และ4 อ่ะค่ะ) จะรู้สึกตัวแล้ว แล้วบอกให้ไป รพ.เอกชน (ที่บ้านจะทำประกันชีวิตกันทุกคนจ้า)
ก็ขับรถไป ไม่ห่างกันนัก ถามพยาบาลก็บอกว่ามีคนไข้มา แต่ไม่รู้จักชื่อ อ้าวววว เค้ายังพูดไม่ได้ แล้วมานี่ได้ไงหว่า (นึกในใจ) ก็ได้แจ้งชื่อที่อยู่ให้ทาง รพ.ทราบ จากนั้นถามอาการ ซึ่งทางพยาบาลบอกว่า คงต้องผ่าตัดแน่ ๆ เพราะมีเลือดคั่งในสมองค่อนข้างโต
ผ่าก็ผ่า ฟร่ะ (นึกในใจ) ค่าใช้จ่ายคงเป็นแสน มา รพ.เอกชนซะด้วย เพราะจะย้ายไปที่กทม.ก็เกรงไม่ทัน (โทรฯไปแจ้งพี่สะใภ้1 ซึ่งเป็นพยาบาลที่รพ.จุฬาเตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อย) ขณะนั้นพี่ชาย4 กำลังขับรถพาพี่สะใภ้3 มาที่จ.นครสวรรค์
ตัดสินใจผ่าตัดที่รพ.รัตนเวช จ.นครสวรรค์ ซึ่งก็ได้ถามไถ่ เรื่องค่าใช้จ่าย ปรากฎว่า เป็นการใช้สิทธ์ 30 บาทรักษา และที่ไม่ได้ไปรพ.ของรัฐในจ.นครสวรรค์เพราะว่าเป็นวันอาทิตย์ ซึ่งจะมีการติดต่อประสานงานกันระหว่าง2 รพ.นี้กรณีเป็นคนไข้ที่มีอาการทางสมอง (โชคดีของพี่ชายเราไป แหะ ๆ ) แต่อยู่ที่รพ.นี้ได้ไม่เกิน 3 วัน ….. เอ้า! ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ดีจะแย่แล้ว ………
ห่วงความรู้สึกของอาป๊า(พ่อ) กะอาม้า(แม่) ถ้ารู้ข่าวนี้กลัวว่าเค้าทั้ง2 จะตกใจ ก็เลยโทรฯคุยกะพี่สะใภ้4 ว่าให้ค่อย ๆ บอกว่าพี่ชาย3 ไอและชัก หมอเลยให้ดูอาการ ตอนแรกป่ะป๊า(พ่อ)เค้าก็คิดว่าพี่ชาย3 เป็น ไข้หวัด2009 ก็เลยปล่อยให้เค้าคิดอย่างนั้นไปก่อน แต่เห็นพี่สะใภ้4บอกว่า อาป๊ากะอาม้า ทะเลาะกันใหญ่(ทะเลาะหรือเถียงกันถือเป็นเรื่องปกติเพราะที่บ้านจะค่อนข้างเสียงดังอยู่แล้ว แหะ ๆ ) เรื่องเลี้ยงดูลูก คือพี่ชายคนนี้เค้าทั้งดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ ห้ามยังไงก็ไม่ฟัง (ตอนหมอผ่าตัดพบเม็ดเลือดในเส้นแอลกอฮอล์ล เอ๊ย! พบแอลกอฮอล์ลในเส้นเลือดอ่ะ แหะ ๆ )
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ก็ย้ายไปที่รพ.จุฬาแล้ว ก่อนหน้านั้นจะบอกป่ะป๊ายังไงดี แต่เค้าก็ค่อย ๆ รู้แล้วหละว่าผ่าตัด แต่นิดหน่อย เอาหละหว่า วันพุธป่ะป๊าเค้าจะไปเยี่ยม ก็เลยบอกพี่สะใภ้4 ว่า ให้บอกป่ะป๊าด้วยว่า ตัวพี่ชาย3 จะมีสายระโยงระยางเล็กน้อยไม่ต้องตกใจนะ
เนื่องจากที่บ้าน พี่ชาย3 จะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการสั่งของส่งของในร้าน เวลาออเดอร์(คำสั่งซื้อสินค้า)มา ก็จะเป็นคนนี้แหละที่จัดการเป็นส่วนใหญ่ ป่ะป๊าก็เลยอยากให้นักการเมี่ยงกลับไปช่วยที่บ้าน(กทม.) ซึ่งก็ได้บอกไปแล้วว่า เดี๋ยววันอังคารหรือพุธนี้(15หรือ16/9/52)จะรีบไป ขอเคลียร์งานเพชรบูรณ์เล็กน้อย แล้วจะไปอยู่ยาว (กะกลับมาเคลียร์งานที่เพชรบูรณ์กลางเดือน กะต้นเดือนครั้ง)
ห่วงป่ะป๊า ว่าถ้าเห็นพี่ชาย3 จะตกใจมากไหม แต่ก็โชคดีที่ค่อย ๆ บอกป่ะป๊าว่ามีการผ่าตัดนา มีสายหายใจนา(เครื่องช่วยหายใจ) พอป่ะป๊าไปเยี่ยม เสร็จ ก็โทรฯถามพี่สะใภ้4 ว่า ป่ะป๊าเป็นไง พี่สะใภ้4 บอกว่า “อาป๊า บอกว่า ลื้อดูซิ อี(คำเรียกสรรพนามที่3ในที่นี้หมายถึงพี่ชาย3)ยังพยักหน้า อือ ๆ ออ ๆ อยู่ได้ อั๊วบอกลื้อแล้วว่า ไม่เข้าใจออเดอร์ตัวไหนก็ให้มาถามอี อียังคุยได้นะ”
555555555(เสียงหัวเราะของนักการเมี่ยง) อืมมม ป่ะป๊าจะให้ทำงานจนหยดสุดท้ายจริง ๆ แต่เค้าคิดอย่างนี้ก็ดีแล้ว จะได้รู้สึกว่าพี่ชาย3ไม่เป็นอะไรมาก เดี๋ยวก็หายแล้วเนอะ
10 Comments »
นักการเมี่ยง on 11 ก.ย. 2009 at 11:53 (เช้า) #
การรักตัวเอง เท่ากับการรักคนอื่น จริง ๆ
เห็นพี่ชาย3 เป็นอย่างนี้แล้ว ห่วงลูกสาวเค้า ห่วงอาป๊าของเรา
เฮ้อออออออ งวดนี้ มานนน (พี่ชาย3) จะห่วงตัวเองบ้างไหมน้ออออออออ
น้ำฟ้าและปรายดาว on 11 ก.ย. 2009 at 12:20 (เย็น) #
โห อาป๊าเด็ดมากเลยเมี่ยง 5555555555 หัวเราะด้วยความดีใจที่ปลอดภัยกันแล้วและผ่านเรื่องราวได้อย่างดี โ่ล่งใจไปเนาะ
การดูแลคนอื่นคือการดูแลตัวเอง อย่าลืมดูแลตัวเองนา อิอิอิ
bangsai on 11 ก.ย. 2009 at 12:30 (เย็น) #
พี่เคยไปนอนที่ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ สมัยทำงานที่นครสวรรค์ เคยมาวิ่งรอบๆบึงนั่นด้วย
เฮ่อโล่งใจนะครับ
นักการเมี่ยง on 11 ก.ย. 2009 at 1:40 (เย็น) #
น้ำฟ้าและปรายดาว ช่วงนี้งดเหล้าเข้าพรรษา ค่ะ แหะ ๆ อีกหนึ่งวิธีที่ดูแลตัวเอง
bangsai โล่งใจเช่นเดียวกันค่ะพี่ ขอบคุณค่ะ :)
อัยการชาวเกาะ on 11 ก.ย. 2009 at 1:59 (เย็น) #
ขอให้หายเร็วๆนะครับ
นักการเมี่ยง on 11 ก.ย. 2009 at 2:23 (เย็น) #
อัยการชาวเกาะ ขอบคุณค่ะ
จันทรรัตน์ on 11 ก.ย. 2009 at 4:57 (เย็น) #
ครอบครัวเข้มแข็งอย่างนี้….เด๊ยวก็คงหายป่วยเร็วๆ นะคะ
นักการหนิง on 11 ก.ย. 2009 at 6:01 (เย็น) #
ขอให้หายเร็วๆ นะ ทราบข่าวก็เป็นห่วงอยู่
rani on 11 ก.ย. 2009 at 11:26 (เย็น) #
โห…เป็นหนักเอาการ ขอให้หายเร็ว ๆ นะคะ รักษาสุขภาพด้วยเด้อพี่เมี่ยง
นักการเมี่ยง on 12 ก.ย. 2009 at 12:45 (เย็น) #
จันทรรัตน์ ครอบครัวเมื่อไม่เกิดปัญหา ก็ต่างคิดว่าพี่น้องไม่รักกัน คอยทะเลาะกัน แต่พอมีปัญหาเข้ามา ก็จะรู้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยกัน ……. มังค่ะ แหะ ๆ
นักการหนิง ต้องขอขอบคุณพี่นักการหนิงมากกกกก เพราะได้ยินนักการอิ่มบอกว่าโทรฯไปรบกวนพี่นักการหนิงด้วย ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ
rani ช่วงนี้คงต้องวิ่งรอกดูแลบ้านที่กทม.ด้วย คงเหนื่อยหน่อยแต่ก็รู้สึกดี ได้กลับไปดูแลอาป๊ากะอาม้าด้วยอ่ะค่ะ