พฤษภาคม 20th 2010

เหตุการณ์เมื่อคืน (พ.19-5-53)

จากการประกาศสถานะการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้น จนถึงกระทั่งเมื่อวาน (พ.19-5-53)

เวลาประมาณ 17.00 น. มีกลุ่มคนจำนวนประมาณ 100 คน มารวมตัวกัน ณ.บริเวณริมถนน พระรามสี่ ฝั่งพื้นที่เขตปทุมวัน (ตรงข้ามกับ ธ.กรุงเทพ สาขาสะพานเหลือง ซึ่งอยู่ฝั่งในเขตพื้นที่บางรัก)

มีคนจำนวนหนึ่งในนั้น วิ่งข้ามถนนมา เพื่อที่จะพยายามเผา ธ.กรุงเทพ ตำรวจ ซึ่งคุมเชิงอยู่บริเวณนั้น จำนวน 2 นาย ก็ได้พยายามเกลี้ยกล่อมว่า อย่าเลย ซึ่งนักการเมี่ยงก็อยู่บริเวณนั้น ก็ได้ร่วมช่วยเกลี้ยกล่อมด้วยว่า ที่นี่เป็นชุมชน มีเด็ก สตรี และผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ อย่าให้ชาวบ้านซึ่งไม่รู้เรื่องเดือดร้อนด้วยเลย

การเกลี้ยกล่อมดูแล้วจะไม่เกิดผล และตำรวจดูแล้วก็ไม่สามารถที่จะควบคุมสถานะการณ์ได้

นักการเมี่ยงจึงวิ่งเข้าไปในชุมชน ซึ่งมีชาวบ้านหลาย ๆ ท่าน ชะโงกหน้า หรือบางท่าน ก็ออกมาอยู่หน้าบ้าน มองดูเหตุการณ์อยู่ พร้อมกับตะโกนบอกชาวบ้านเหล่านั้นว่า อาจจะมีบางกลุ่ม กำลังจะมาเผา ธ.กรุงเทพ อยากให้พวกเราชาวชุมชน ออกมารวมตัวกัน ขอร้อง แต่อย่ากดดัน เขาเหล่านั้น ไม่ให้เผา ธ.กรุงเทพ ซึ่งอาจลามเข้ามาถึงชาวบ้านในชุมชน

จากนั้นก็ได้โทรฯแจ้งประธานชุมชน ว่าให้ช่วยออกเสียงตามสายในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งประธานชุมชนก็ขออกมาดูเหตุการณ์ก่อน

ได้คุยกับตำรวจอีกครั้ง ทางตำรวจแนะนำว่า หากมีเสียงตามสาย แล้วดังมาถึงกลุ่มผู้ชุมนุน ให้กระจายเสียงในลักษณะขอร้องอาจจะสามารถช่วยได้บ้าง

ได้ยินตำรวจแนะนำอย่างนี้ ประธานชุมชน กับนักการเมี่ยง จึงรีบกลับไปที่บ้านประธานชุมชน เพื่อกระจายเสียงในลักษณะขอความเห็นใจจากผู้เข้าร่วมชุมนุม รวมถึงให้คนในชุมชน พร้อมที่จะรับสถานะการณ์

ระหว่างการประกาศ ทราบข่าวว่า ทางผู้ชุมนุม ค่อนข้างที่จะยินยอมแค่เผาเกาะกลางเท่านั้น

แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อทางฝ่ายผู้ชุมนุม ที่เป็นผู้หญิงท่านหนึ่ง คอย ก่นด่า และยุแหย่ ตลอดเวลา ทำให้คนบางคนในชุมชนเกิดอาการไม่พอใจ จนกระทั่งตบตีกัน

พอตบตีกัน ตำรวจก็ไม่ได้ห้ามปราม ผู้ชุมนุมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จึงกรูเข้ามา ชาวชุมชน จึงหนีหลบกันเข้ามาในซอย

ขณะนั้น ผู้ชุมนุมเริ่มเปลี่ยนใจที่จะเผา ธ.กรุงเทพ มีการขว้างปา ระเบิดขวดเข้าไปใน ธ. และเผายางรถยนต์

คนในชุมชน พยายามเอาเครื่องดับเพลิงมาดับ ก็ต้องวิ่งหนีออกมาจากจุดเกิดเหตุ เพราะมีเสียงปืน และระเบิดขวด โยนเข้ามา

อีกประมาณ ครึ่งชั่วโมงหลังเกิดเหตุ รถดับเพลิงเข้ามาจากด้านสี่พระยา (หมายเหตุ ชุมชนซอยสองพระ เป็นซอยเส้นทางลัดเชื่อมระหว่าง ถนนสี่พระยา ออก ถนนพระรามสี่ ซึ่งเดินรถทางเดียว) มาถึง ก็ไม่กล้าที่จะฉีดน้ำดับ เพราะพอขยับตัว ทางฝ่ายผู้ชุมนุม ก็มีการยิง และปาระเบิดขวดเข้ามา ตอนนี้ ทางฝ่ายชุมชน เริ่มมีคนเจ็บจากระเบิด หนึ่งคน

ข่าวว่า มีผู้ชุมนุม ซุ่มอยู่บนสะพานลอย มีปืนและพร้อมที่จะยิง หากชาวชุมชน หรือมีใคร ขยับออกไปทาง ถนนพระรามสี่

สถานะการณ์เริ่มเครียด เพราะทำอะไรกันไม่ได้เลย รถดับเพลิง ก็ถอยออกไปทางถนนสี่พระยา เพราะเกรงว่าอยู่นาน อาจโดนยึดรถ

ติดต่อกับนักการอิ่มตลอดเวลา

ข่าวมาใหม่ว่า ต้องรอให้ถึงเวลา เคอร์ฟิว เพื่อทหารจะได้ออกมา และรถน้ำจะได้มาดับเพลิง

ตอนนี้หลาน เริ่มร้องไห้ พี่สะใภ้ก็ตกใจกลัว แต่อาป๊า บอกว่าไม่มีอะไรหรอก ไม่ยอมไปไหน แต่ก็เตรียมของพร้อมที่จะอพยพทันที

นักการเมี่ยงเริ่มกลับหัวรถ ให้พร้อมที่จะพุ่งหนีออกไปทางสี่พระยา เพราะในซอยเป็นการเดินรถทางเดียว จึงต้องกลับหัวรถเพื่อย้อนศรออกไป

พี่ชาย ซึ่งตอนนี้อยู่ ตจว. ก็โทรฯบอกเพื่อนซึ่งอยู่ในละแวกไม่ไกล ให้มาช่วยดูแลที่บ้านหน่อย

ตอนนี้ก็ต้องตัดสินใจว่า ให้หลาน กะพี่สะใภ้ ไปอยู่ในที่ ๆ ปลอดภัยก่อน คือบ้านเพื่อนพี่ชาย เพราะ อาป๊า กะอาม้า ยังไม่ยอมออกจากบ้านแน่ ๆ

เวลาประมาณ 22.00 น. คนในชุมชนที่รวมตัวกันอยู่ เริ่มถอยร่นไปอยู่กลางซอย แต่จะมีพวกผู้ชายบางกลุ่ม ประมาณ 10 คน มาซุ่มอยู่แถวหน้าปากซอย (บริเวณหน้าบ้านนักการเมี่ยง) มีไม้ แป๊บ หรืออาวุธที่พอหาได้ มาดักเพื่อกันไม่ให้พวกผู้ชุมนุมรุกล้ำเข้ามาในซอย (……. ขณะนี้ นักการเมี่ยง นึกถึงชาวบ้าน บางระจันเลยอ่ะ คือไม่มีใครช่วยเราได้ นอกจากตัวเราเอง………..)

สักพักมีตำรวจ 2 นาย ขี่มอเตอร์ไซด์เข้ามา และก็ย่องออกไปดูเหตุการณ์หน้าปากซอย จากนั้นก็วิ่งเข้ามา พร้อมกับบอกชาวบ้านที่ซุ่มอยู่ว่า เฮ้ย มันยังอยู่อีกเยอะ ………………….. พวกผู้ชายที่ซุ่มอยู่ ก็เลยต้องวิ่งหนีตามตำรวจไปอยู่ที่กลางซอย (…….. เฮ้ออออออออออ นักการเมี่ยงนึกในใจว่า แล้วพวกคุณตำรวจจะมาทำไมฟร่ะนี่……………)

มีข่าวว่า รถน้ำ มาอีกครั้ง แต่ก็ยังคงดับเพลิงไม่ได้ เพราะโดนระเบิดขวดและ เสียงปืน คอยสกัด จึงต้องถอยออกไป

นักการเมี่ยง ให้อาป๊า กะอาม้าขึ้นไปนอน ส่วนตัวเอง เอาเตียงผ้าใบมานอนชั้นล่างเพื่อรอดูเหตุการณ์

ตลอดเวลา มีเสียงปืน และระเบิดเป็นระยะ ๆ

เวลาประมาณ 24.00 น. ได้ยินเสียงกลุ่มมอเตอร์ไซด์ จึงแอบชะโงกหน้าออกไปดู ปรากฎว่าเป็นกลุ่มตำรวจ จึงตัดสินใจ ออกจากบ้าน และตะโกนถามตำรวจว่า ไฟที่แบงค์กรุงเทพดับหรือยัง

คราวนี้แหละ ตำรวจที่ขี่มอเตอร์ไซด์ทั้งหลาย เริ่มกรูเข้ามา พร้อมกับส่องไฟใส่ (ตอนนี้นักการเมี่ยง ยกสองมือยอมแพ้แล้วอ่ะ แหะ ๆ) พร้อมกับตะโกนใส่ว่า ใครอ่ะ ออกมาทำไม เข้าไป จึงต้องบอกไปว่า บ้านอยู่ตรงนี้ อยากรู้ว่า ธ.กรุงเทพ ไฟดับหรือยัง
ก็ได้ยินเสียงตะโกนตอบกลับมาว่า ดับแล้ว ๆ เข้าบ้านไป (นึกในใจ มันดับแล้วแน่หรืออ่ะ)

กว่าเสียงปืน หรือเสียงดังต่าง ๆ เริ่มหาย ก็ประมาณ ตี 4

ประมาณ 06.00 น. คนในชุมชนเริ่มทะยอยออกมา ควันใน ธ.กรุงเทพ ยังคงมีอยู่

ประมาณ 07.00 น. รถดับเพลิง มาถึง ฉีดน้ำเข้าไปใน ธ. แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปถึงด้านใน แจ้งมาว่า ต้องบอกให้ทาง พนักงาน หรือผู้จัดการ ธ.มาก่อน จึงจะสามารถฉีดน้ำเข้าไปข้างในได้

ประมาณ 09.00 น. ควันเริ่มหมดไป สถานะการณ์ต่าง ๆ เริ่มดีขึ้น

พี่สะใภ้พาหลาน ๆ กลับมาที่บ้าน ข้างบ้านที่ไปพักที่อื่นเมื่อคืน ซื้อกับข้าวมาฝากที่บ้านนักการเมี่ยงด้วย เพราะคนเริ่มทะยอยกลับเข้าบ้านแล้ว

เฮ้ออออออออ จบเรื่องเมื่อคืน ด้วยความระทึกใจ สะเทือนใจ ซาบซึ้งใจ ฯลฯ

ขอบคุณทุก ๆ ท่าน ที่ลานแห่งนี้อีกครั้ง ค่ะ

11 Comments »

กันยายน 11th 2009

เหตุที่ต้องกลับ กทม.

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (6/9/52)  ประมาณตี2  เสียงโทรศัพท์มือถือมีเสียงดังขึ้นมา  ไม่ทันได้นึกอะไรเพราะยังงัวเงียอยู่มาก  แต่ก็รีบรับเพราะเวลานี้ไม่ควรมีใครโทรมาถ้าไม่จำเป็น

เป็นเสียงพี่สะใภ้คนที่4 บอกว่าพี่ชายคนที่3 กำลังเดินทางโดยรถทัวร์กลับจากเชียงใหม่เข้ากทม.  มีอาการชักและเข้าโรงพยาบาลระหว่างทางคือที่จ.กำแพงเพชร (หมายเหตุ:ที่บ้านนักการเมี่ยงเปิดร้านขายของส่งตจว.ลักษณะเป็นแบบ กงสี“(ไว้จะเล่าในคราวถัดไป ว่าคืออะไร จ้า) แล้วพี่ชาย3และ4 ก็จะออกไปเป็นเซลแมนออกขายและเก็บเงิน) 

ก็บอกพี่สะใภ้4ไปว่า  ขอให้สว่างอีกหน่อย  แล้วจะรีบขับรถออกไปดู (ตอนนั้นและตอนนี้ที่เขียนก็อยู่ที่ จ.พิษณุโลก)  แต่นอนก็นอนไม่หลับ  เอาไงดีหละนี่  ค่อย ๆ ขับรถไปละกัน(นึกในใจ)

พอขับเข้าเขตจ.กำแพงเพชร พี่สะใภ้4(ขอย่อหน่อยละกัน เพราะมีพี่สะใภ้ 1,2,3และ4 อ่ะ แหะ ๆ) โทรมาอีกบอกว่าเค้าย้ายด่วนมาที่รพ.ในนครสวรรค์แล้ว  ส่วนกระเป๋า ซึ่งมีเอกสารสำคัญต่าง ๆ ยังอยู่ที่ โรงพยาบาลแห่งแรกที่เข้า คือที่รพ.คลองขลุง (คือไปรพ.คลองขลุงก่อน แล้วย้ายไปที่รพ.ตัวเมืองกำแพงเพชร จากนั้นก็ไปนครสวรรค์)

ก็เลยว่าไม่เข้าแล้วกำแพงเพชร  แต่โทรไปที่รพ.คลองขลุงว่ากระเป๋ายังอยู่ที่โน่นใช่ไหม  ซึ่งทางรพ.คลองขลุงก็แจ้งว่า”ใช่”  และจะดูแลให้ (ต้องขอขอบคุณมาณ.ที่นี้ด้วยค่ะ)  ขับต่อไปจนถึงรพ.สวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นรพ.ของรัฐ เพราะคิดว่าต้องส่งต่อมาที่นี่แน่ ๆ

เห็นรถพยาบาลป้ายทะเบียนกำแพงเพชร    อ้า!  ใช่แน่ ๆ    เข้าไปถามพนักงานขับรถ  เค้าบอกว่า  เค้ามารับคนกลับ ไม่ได้ส่งคน  ส่วนรถที่มาส่งคนรู้สึกว่าจะไปที่ รพ.รัตนเวช  ซึ่งอยู่เยื้อง ๆ กับ รพ.นี้

อ้าววววววว  ส่งไปรพ.นั้นได้ไงหว่า  จากรัฐ ไปเอกชนได้หรือ  หรือว่าพี่ชาย3(ย่ออีกเช่นเดียวกันเพราะมีพี่ชายคนที่ 1,2,3และ4 อ่ะค่ะ) จะรู้สึกตัวแล้ว  แล้วบอกให้ไป รพ.เอกชน (ที่บ้านจะทำประกันชีวิตกันทุกคนจ้า)

ก็ขับรถไป  ไม่ห่างกันนัก  ถามพยาบาลก็บอกว่ามีคนไข้มา  แต่ไม่รู้จักชื่อ    อ้าวววว เค้ายังพูดไม่ได้  แล้วมานี่ได้ไงหว่า (นึกในใจ)  ก็ได้แจ้งชื่อที่อยู่ให้ทาง รพ.ทราบ  จากนั้นถามอาการ  ซึ่งทางพยาบาลบอกว่า คงต้องผ่าตัดแน่ ๆ เพราะมีเลือดคั่งในสมองค่อนข้างโต

ผ่าก็ผ่า ฟร่ะ (นึกในใจ)  ค่าใช้จ่ายคงเป็นแสน  มา รพ.เอกชนซะด้วย  เพราะจะย้ายไปที่กทม.ก็เกรงไม่ทัน (โทรฯไปแจ้งพี่สะใภ้1 ซึ่งเป็นพยาบาลที่รพ.จุฬาเตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อย)  ขณะนั้นพี่ชาย4 กำลังขับรถพาพี่สะใภ้3 มาที่จ.นครสวรรค์

ตัดสินใจผ่าตัดที่รพ.รัตนเวช จ.นครสวรรค์  ซึ่งก็ได้ถามไถ่ เรื่องค่าใช้จ่าย   ปรากฎว่า  เป็นการใช้สิทธ์ 30 บาทรักษา และที่ไม่ได้ไปรพ.ของรัฐในจ.นครสวรรค์เพราะว่าเป็นวันอาทิตย์  ซึ่งจะมีการติดต่อประสานงานกันระหว่าง2 รพ.นี้กรณีเป็นคนไข้ที่มีอาการทางสมอง     (โชคดีของพี่ชายเราไป  แหะ ๆ )  แต่อยู่ที่รพ.นี้ได้ไม่เกิน 3 วัน …..            เอ้า!  ไม่เป็นไร  แค่นี้ก็ดีจะแย่แล้ว  ………  

ห่วงความรู้สึกของอาป๊า(พ่อ) กะอาม้า(แม่)  ถ้ารู้ข่าวนี้กลัวว่าเค้าทั้ง2 จะตกใจ   ก็เลยโทรฯคุยกะพี่สะใภ้4 ว่าให้ค่อย ๆ บอกว่าพี่ชาย3 ไอและชัก หมอเลยให้ดูอาการ     ตอนแรกป่ะป๊า(พ่อ)เค้าก็คิดว่าพี่ชาย3 เป็น ไข้หวัด2009   ก็เลยปล่อยให้เค้าคิดอย่างนั้นไปก่อน  แต่เห็นพี่สะใภ้4บอกว่า อาป๊ากะอาม้า ทะเลาะกันใหญ่(ทะเลาะหรือเถียงกันถือเป็นเรื่องปกติเพราะที่บ้านจะค่อนข้างเสียงดังอยู่แล้ว แหะ ๆ  ) เรื่องเลี้ยงดูลูก   คือพี่ชายคนนี้เค้าทั้งดื่มเหล้าและสูบบุหรี่  ห้ามยังไงก็ไม่ฟัง (ตอนหมอผ่าตัดพบเม็ดเลือดในเส้นแอลกอฮอล์ล เอ๊ย! พบแอลกอฮอล์ลในเส้นเลือดอ่ะ แหะ ๆ )

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา  ก็ย้ายไปที่รพ.จุฬาแล้ว  ก่อนหน้านั้นจะบอกป่ะป๊ายังไงดี  แต่เค้าก็ค่อย ๆ รู้แล้วหละว่าผ่าตัด  แต่นิดหน่อย    เอาหละหว่า  วันพุธป่ะป๊าเค้าจะไปเยี่ยม  ก็เลยบอกพี่สะใภ้4 ว่า ให้บอกป่ะป๊าด้วยว่า ตัวพี่ชาย3 จะมีสายระโยงระยางเล็กน้อยไม่ต้องตกใจนะ 

เนื่องจากที่บ้าน  พี่ชาย3 จะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการสั่งของส่งของในร้าน  เวลาออเดอร์(คำสั่งซื้อสินค้า)มา  ก็จะเป็นคนนี้แหละที่จัดการเป็นส่วนใหญ่   ป่ะป๊าก็เลยอยากให้นักการเมี่ยงกลับไปช่วยที่บ้าน(กทม.)  ซึ่งก็ได้บอกไปแล้วว่า เดี๋ยววันอังคารหรือพุธนี้(15หรือ16/9/52)จะรีบไป  ขอเคลียร์งานเพชรบูรณ์เล็กน้อย   แล้วจะไปอยู่ยาว (กะกลับมาเคลียร์งานที่เพชรบูรณ์กลางเดือน กะต้นเดือนครั้ง)

ห่วงป่ะป๊า  ว่าถ้าเห็นพี่ชาย3 จะตกใจมากไหม  แต่ก็โชคดีที่ค่อย ๆ บอกป่ะป๊าว่ามีการผ่าตัดนา มีสายหายใจนา(เครื่องช่วยหายใจ)  พอป่ะป๊าไปเยี่ยม เสร็จ   ก็โทรฯถามพี่สะใภ้4 ว่า  ป่ะป๊าเป็นไง   พี่สะใภ้4 บอกว่า  “อาป๊า บอกว่า ลื้อดูซิ อี(คำเรียกสรรพนามที่3ในที่นี้หมายถึงพี่ชาย3)ยังพยักหน้า อือ ๆ ออ ๆ อยู่ได้  อั๊วบอกลื้อแล้วว่า ไม่เข้าใจออเดอร์ตัวไหนก็ให้มาถามอี  อียังคุยได้นะ” 

555555555(เสียงหัวเราะของนักการเมี่ยง)   อืมมม  ป่ะป๊าจะให้ทำงานจนหยดสุดท้ายจริง ๆ  แต่เค้าคิดอย่างนี้ก็ดีแล้ว  จะได้รู้สึกว่าพี่ชาย3ไม่เป็นอะไรมาก  เดี๋ยวก็หายแล้วเนอะ     :)    

10 Comments »

กันยายน 10th 2009

แนะนำ ลานละเลง

  สวัสดี  ( ตามมารยาทไทย  “ไปลา มาไหว้” จ้า )

นักการเมี่ยง  มาขอร่วม(ไม้ร่วมมือ)เป็นชาวบล็อกด้วยสักคน

แนะนำตัวนะจ๊ะ

ชื่อ  ..  นักการเมี่ยง

เป็นชาว กทม.  ย้ายมาทำงานเป็นลูกน้องจอมป่วนที่พิษณุโลก เมื่อปลายปี 50  จากนั้นลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว (รับจ้างเก็บขยะ) ที่เพชรบูรณ์ เมื่อปลายปี 51

ปัจจุบัน  คาดว่าคงได้ป้วนไปเปี้ยนมา ระหว่าง กทม.-พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ 

สำหรับ”ลานละเลง”แห่งนี้  ขอเป็นสถานที่ ที่ละเลงหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่าง ในชีวิตที่ประสบพบเห็น  ………………..    ด้วยคนนะค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว (((ทำท่าโค้ง ก้มหัวลง)))

นักการเมี่ยง

10 Comments »

กันยายน 10th 2009

บันทึกแรกของฉัน!

ยินดีต้อนรับสู่ลานปัญญา

  • ท่านได้สร้างบล็อกของท่านเองแล้วที่นี่
  • บันทึกนี้เป็นข้อความทดสอบ
  • ท่านสามารถเข้า Dashboard หรือ Site Admin เพื่อลบบันทึกนี้ออกได้
  • ขอแนะนำให้ท่านเขียนบันทึกแนะนำตัวเอง เพื่อทำความรู้จักกับสมาชิกอื่นๆ
  • คำแนะนำภาษาไทยอยู่ในบล็อกลานคู่มือบ้านลานปัญญา

ยินดีต้อนรับสู่ลานปัญญา

3 Comments »