ก่อนจะทำอะไรจะถามตัวเองก่อนว่าทำไปทำไม? ไม่ใช่ไปเริ่มที่จะทำอะไร? ทำอย่างไร?
มาวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันกัน ถ้าเห็นว่าขณะนี้ดีแล้วและกำลังดีขึ้นเรื่อยๆก็ไม่ต้องทำอะไร? แค่รอให้ดีขึ้นก็พอ แต่ถ้าคิดว่าสถานการณ์ไม่ดี ทิ้งไว้นานยิ่งจะเลวร้ายลงทุกทีก็คงต้องทำอะไรกันบ้าง จะทำอะไร? อย่างไร? ค่อยมาคิดกัน
มาถึงตรงนี้เราเจอทาง 2 แพร่งที่ต้องเลือก ใครคิดว่าสถานการณ์ดีแล้ว กำลังดีขึ้นเรื่อยๆก็ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องอ่านต่อก็ได้ แต่ถ้าอยากรู้ว่ามีคนอื่นคิดอะไรกันบ้างก็เชิญอ่านต่อครับ
แต่ถ้าเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีและมีแนวโน้มว่าจะแย่ลงเรื่อยๆ ถ้าทิ้งไว้คงมีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ อาจนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงและมีการสูญเสียมากมายที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ก็คงต้องมาช่วยกันคิดว่าแล้วจะทำอะไรกันดี
มีคนเคยทำ Scenario -กระบวนการฉายภาพฉากทัศน์อนาคต ไว้แล้ว (คลิกอ่านได้) ที่น่ากลัวคือออกมาแนวทาง -เกาเหลาไม่งอก น้ำพริกปลาทูกับต้มยำกุ้งน้ำโขง ก็พอทนครับ ทางวิชาการก็เชื่อว่าความขัดแย้งที่จัดการ แก้ไขไม่ถูกวิธี ทิ้งไว้นานจะจัดการยากขึ้นเรื่อยๆและมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
จากการประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 13 ประจำปี 2554 หัวข้อ “ความเป็นพลเมืองกับอนาคตประชาธิปไตย – Citizenship and the future of Thai Democracy” มีประเด็นที่น่าสนใจว่า
…ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันไม่เหมาะสมกับขนบธรรมเนียมประเพณีของคนไทย มีความเป็นตะวันตกมากเกินไป ต้องปรับปรุงระบอบการปกครองให้เหมาะสมกับขนบธรรมเนียมประเพณีของคนไทย แต่ก็มีประเด็นคำถามตามมาว่า หลังจากปรับปรุงระบอบการปกครองใหม่แล้ว ยังคงเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่
…กับอีกแนวทางหนึ่งก็คือ พัฒนาประชาชนคนไทยให้มีคุณสมบัติเหมาะสมกับระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มาถึงจุดนี้ก็เป็นทาง 2 แพร่งให้เราเลือกเดินอีกครั้งหนึ่ง
คนที่เห็นว่าต้องปรับระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความเป็นตะวันออกมากเกินไป ไม่เหมาะสมกับขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยก็คงอยากแช่แข็งการเมืองไทยเพื่อปรับระบอบการปกครองสัก 5 ปี เรียบร้อยระดับหนึ่งแล้วค่อยๆมาเริ่มกันใหม่ เพราะถ้าจะใช้วิธีทางสภาฯ ก็เกรงว่ายิ่งจะไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้องมากขึ้นไปอีก เพราะพวกมากลากไป
กับอีกแนวทางหนึ่งก็มาแก้ที่ประชาชนคนไทย พัฒนาให้เป็นพลเมืองที่เหมาะสมกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตรงนี้นักวิชาการก็ทำการศึกษาไว้แล้วว่าคุณสมบัติของพลเมืองที่เหมาะสมกับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นควรมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ? แถมมีการศึกษาว่าปัจจุบันพลเมืองไทยมีคุณสมบัติอย่างไร? เอามาลบกันก็พอจะสรุปได้ว่า พลเมืองไทยขาดคุณลักษณะหรือคุณสมบัติอะไรบ้าง? ก็หาทางพัฒนาให้มีความเป็นพลเมืองที่เหมาะสมกับระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รายละเอียดเก็บไว้คุยกันในบันทึกต่อไปครับ
สรุปว่าน่าจะมีทางเลือก 2 แนวทางใหญ่ๆ คือทางหนึ่งหาทางล้มกระดาน แช่แข็งประเทศไทยเพื่อปรับระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้เหมาะสมกับคนไทย ว่ากันว่าสัก 5 ปี แล้วค่อยๆปล่อยหลังจากปรับระบอบจนมีเสถียรภาพแล้ว แบบที่มีกลุ่มคนที่มีความเชื่อแบบนี้กำลังพยายามทำอยู่ …..อันนี้ไม่เห็นด้วยนะครับ
อีกทางหนึ่ง ถึงจะชอบไม่ชอบรัฐบาลปัจจุบันแต่ก็ไม่ถึงกับคิดจะแช่แข็งประเทศไทยนะครับ แค่ดิสเครดิตนิดหน่อยๆถึงมาก แต่ก็แค่เป็นเกมการเมืองเพื่อหวังคะแนนนิยมในการเลือกตั้งครั้งต่อไป หรือจะเชียร์รัฐบาลจนสุดลิ่มก็ไม่ว่ากัน แต่ที่สำคัญคือต้องมาช่วยกันเตรียมความพร้อมให้พลเมืองไทยมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่นเปิดโรงเรียนการเมืองเพื่อให้ Civic Education เป็นต้น ไม่ใช่เปิดโรงเรียนการเมืองเพื่อปลุกระดมให้มีคุณสมบัติที่ไม่พึงประสงค์กับระบอบการปกครอง พร้อมที่จะใช้ความรุนแรง หรือถึงกับฆ่าฟันกัน
รายละเอียดคุณสมบัติของพลเมืองที่เหมาะสมกับระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และวิธีทำเก็บไว้คุยกันบันทึกต่อไปนะครับ