“ศาสนเสวนา:สันติวิธีในวิถีชีวิต” (2)

โดย จอมป่วน เมื่อ 1 สิงหาคม 2011 เวลา 2:16 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 2163

ประเด็นร้อนๆในการปฏิรูปประเทศไทยคือการสร้างความเป็นธรรม

ยุทธศาสตร์ลดความเหลื่อมล้ำทั้ง 5 มิติ

  1. รายได้
  2. สิทธิ
  3. โอกาส
  4. อำนาจ
  5. ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

“สันติจะไม่เกิด ถ้าไม่มีความเป็นธรรม”

การปฏิรูปการเมืองต้องเปลี่ยนความสัมพันธ์เชิงอำนาจ กลุ่มที่พลังอำนาจมีอยู่สามกลุ่มคือ

  1. กลุ่มคนกลไกรัฐ คือข้าราชการ ตำรวจ ทหาร
  2. กลุ่มทุน
  3. ประชาชนทั่วไป

กลุ่มกลไกรัฐและกลุ่มทุนผลัดเปลี่ยนกันเป็นผู้ปกครอง ประชาชนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศกลับไม่มีอำนาจเลย

ปฏิรูปการเมืองต้องเปลี่ยนความสัมพันธ์เชิงอำนาจ?
ถ้าเราต้องการปฏิรูปการเมือง เราต้องปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางอำนาจที่ต้องทำให้ภาคประชาชนนั้นมีดุลย์ อำนาจใกล้เคียง หรือไม่แตกต่างกันมากกลับอำนาจของกลไกรัฐและอำนาจของทุนภาคประชาชน มวลชนจะต้องเป็นกลไกอำนาจตัวหนึ่งที่สามารถดุลย์ ถ่วง คาน งัดกับกลไกรัฐและทุนได้ ในปัจจุบันกลุ่มคนกลไกรัฐที่มีทหาร ตำรวจ ข้าราชการทั้งหลายก็จับมือกับกลุ่มทุน จะเห็นว่ากลุ่มทุนนั้นอำนาจมากมายมหาศาลอยู่แล้ว บางครั้งทั้งสองอำนาจนี้ก็ปะทะกัน บางครั้งก็ประสานกัน และยิ่งซับซ้อนขึ้นอีก เมื่อกลุ่มทุนแบ่งเป็นสองซีก อีกกลุ่มหนึ่งร่วมมือกับกลไกรัฐ ขณะเดียวกันกลุ่มทุนอีกกลุ่มก็ร่วมมือกับกลไกรัฐอีกกลุ่มหนึ่ง กลายเป็นสองซีกที่แต่ละซีกมีทั้งทุนและกลไกรัฐจับมือกันอยู่ทั้งสิ้น จากนั้นก็พยายามที่จะผลักดันใช้ประชาชนมาหนุนตนเอง แล้วก็สร้างปรากฏการณ์ต่างๆ ในนามประชาชน

ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ http://thaireform.in.th/

อาจารย์เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ที่ไปพบเด็กชาวม้งกินข้าวกับน้ำ กินข้าวกับเกลือ ไม่เคยเจอไข่เจียว น่องไก่ทอด

มีกรณีของการที่ระยองปล่อยก๊าซ Carbon dioxide 75% ของทั้งประเทศ แต่ชาวเขาปล่อยแค่ 4% ถูกจับติดคุก 150 ปี ถูกปรับกรณีทำให้เกิดก๊าซ Carbon dioxide เป็นเงินค่าปรับ 150 ล้านบาท

สังคมขาดความเข้าใจคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากเรา  ไม่ทราบว่าเขาคิดอย่างไร? อยากได้อะไร?

Marshall B. Rosenberg มีข้อสงสัยอยู่ว่า

  1. เพราะเหตุใดมนุษย์จึงถูกตัดขาดจากความกรุณาอันเป็นธรรมชาติพื้นฐานของมนุษย์  และหันไปใช้ความรุนแรงกับผู้อื่น
  2. แล้วเพราะเหตุใดมนุษย์บางคนยังคงไว้ซึ่งความกรุณา  แม้ว่าเขาจะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเพียงใดก็ตาม

จึงค้นหาจนได้คำตอบว่าพื้นฐานของมนุษย์ต้องการความรัก  ความเข้าใจ  สันติ  มิตรภาพ  ความมั่นคง  และการดูแลเอาใจใส่

นักสันติวิธีทำหน้าที่เป็นคนกลางที่จะทำให้คนที่ขัดแย้งกันทราบความต้องการในส่วนลึกของแต่ละฝ่าย  ทำให้ได้ยินกัน

ในการเจรจากัน  ต่างฝ่ายต่างไม่สามารถบอกความต้องการส่วนลึกของตนเองได้  อีกทั้งยังไม่สามารถทราบและเข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย  จึงเป็นหน้าที่ของนักสันติวิธีที่ต้องมีทักษะ  ทำให้ทุกฝ่ายได้ยิน เข้าใจ รับรู้ความต้องการของอีกฝ่าย

เช่นฝ่ายหนึ่งแค่ต้องการความปลอดภัย  ไม่ต้องการใช้ความรุนแรง  อีกฝ่ายอาจต้องการความเท่าเทียมกัน  หรือต้องการความจริง  ความชัดเจน

หลังจากพักเที่ยงก็เป็นรอบที่ 2

อ.วินัย สะมะอุน

ในศาสนาอิสลามสอนไว้…

  1. ต้องพยายามรู้จักซึ่งกันและกัน  แม้จะแตกต่างกัน  พระเจ้าได้สร้างเผ่าพันธ์ที่แตกต่างกันเพื่อให้มารู้จักกัน
  2. ห้ามไม่ให้เกลียดชังซึ่งกันและกัน เพราะเป็นเหตุให้ไปประทุษร้ายต่อผู้อื่นและทำให้ไม่เป็นธรรม
  3. ไม่ให้ข่มเหง ดูถูกดูแคลนซึ่งกันและกัน เพราะจะทำให้เกิดความหวาดระแวง

ถ้าติดตามดูข่าวอาจเห็นว่ามุสลิมชอบความรุนแรง  แต่ศาสนาสอนให้คนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ  ความขัดแย้งเป็นเรื่องอื่น  เป็นเรื่องการเมือง  ไม่ใช่สาเหตุจากศาสนา

อ.นริศ มณีขาว

1-8-2554 2-09-34

ถ้าเรายึดเอาเงิน อำนาจ  และการได้รับการยกย่องเป็นเป้าหมาย  เราก็คิด  ใช้ชีวิตและทำงานไปแบบหนึ่ง

1-8-2554 2-09-07

แต่ถ้าเป้าหมายของเราเป็นความรักต่อพระเจ้า  ความรักต่อเพื่อนมนุษย์และความรักต่อธรรมชาติ  เราก็จะคิดต่างออกไป  ใช้ชีวิตและทำงานต่างไปจากเดิม  โดยใช้เงิน อำนาจและการยกย่องเป็นเครื่องมือและวิธีการ  ไม่ใช่เป็นเป้าหมาย

อาจารย์พยายามเน้นให้เห็นความสำคัญของการค้นหาความต้องการ

คำทักทายภาษาฮีบรู  ทักทายกันด้วยคำว่า Shalom  ซึ่งแปลว่า ขอให้ปลอดภัย

ความต้องการของคนภาคใต้  ต้องการความปลอดภัย  ความสงบสุข

บทบาทของศาสนา

  1. ให้วิธีคิด
  2. ให้ย้อนมองตัวเอง
  3. ให้แบบอย่าง - แนวปฏิบัติ
  4. เตือนสติ - ให้เข้มแข็ง
  5. เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของเพื่อนมนุษย์

อาจารย์ยกตัวอย่างของสามีภรรยาที่ทะเลาะกันมานานถึง 39 ปี  เริ่มทะเลาะหลังแต่งงานกันได้ 6 เดือน  เพราะภรรยาเขียนเช็คเกินบัญชี  สามีเลยคุม  ไม่ให้เขียนเช็คอีก  เลยทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้มา 39 ปี

นักสันติวิธีบอกว่าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ภายใน 20 นาทีหลังจากที่ทั้งสองคนสามารถบอกได้ว่าแต่ละฝ่ายต้องการอะไร?

จะทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรก็ตาม  คนกลางหรือนักสันติวิธีต้องพยายามหาความต้องการให้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกัน

บางครั้งความต้องการก็ซ่อนอยู่ในความรู้สึก  และบางครั้งคู่กรณีก็เจ็บปวดมากที่คนกลางต้องปฐมพยาบาล(ด้านจิตใจ)

ในการเจรจาที่เริ่มด้วยการต่อว่ากันไปมา  คนกลางก็พยายามให้ทั้งสองฝ่ายหาความต้องการส่วนลึกออกมา

จนได้ความต้องการของสามี

ความต้องการของสามี สามี “รู้สึกกลัว ต้องการปกป้องครอบครัวเรื่องการเงิน”

ความต้องการของภรรยา ภรรยา “ต้องการความไว้วางใจ”

คนกลางอาจจะไม่เห็นด้วย  แต่คู่กรณีเกิดความเข้าใจกัน

เมื่อทั้งคู่เข้าใจ ทราบความต้องการของกันและกันแล้ว เรื่องของวิธีการ  ข้อตกลงที่จะพูดคุยกันต่อไปก็จะง่าย…และจบลงด้วยดี

Post to Facebook Facebook

« « Prev : “ศาสนเสวนา:สันติวิธีในวิถีชีวิต” (1)

Next : ศาสนเสวนาของจริง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "“ศาสนเสวนา:สันติวิธีในวิถีชีวิต” (2)"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.60689902305603 sec
Sidebar: 2.0003468990326 sec