เซี่ยงไฮ้ ตอนที่ 2
อ่าน: 2466ต่อจากบันทึกแรกครับ……
บันทึกที่เขียนอ่านคงไม่ค่อยสนุกเพราะไปประชุมตามคำเชิญของ UN-HABITAT ไม่ค่อยได้เที่ยวสักเท่าไหร่ การดู Pavilion ต่างๆก็ไปดูตามที่ผู้จัดกำหนดไว้ แบบมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สอดคล้องกับการประชุม
เนื่องจากเวลาน้อยก็เลยได้ดูแค่ Pavilion of Future หรือ The Urban Dreams Pavilion แห่งเดียว เพื่อให้เห็นภาพของเมืองในอนาคตที่มนุษยชาติฝันเอาไว้ ซึ่งก็สอดแทรกความสัมพันธ์ของผู้คนในเมืองและในชนบท ผู้คนกับเมืองและธรรมชาติหรือโลก
เสร็จแล้วก็ต้องนั่งรถไฟฟ้า แล้วเดินไปนั่งรถไฟใต้ดิน ต่อรถประจำทางภายในงาน Expo อีกทอดนึงเพื่อไปดู Chile’s Pavilion หรือ Pavilion ของประเทศชิลี
(ภาพจาก website ของ ชิลี Pavilion )
ประชากรของประเทศชิลีมีประมาณ 16 ล้านคน ประกอบด้วยชนพื้นเมือง ชาวสเปญ(ซึ่งเริ่มเข้าไปในชิลีตั้งแต่ศตวรรษที่ 16) ชาวยุโรปและเอเซียอีกจำนวนหนึ่ง
ประชาชนส่วนใหญ่ 86.6% อาศัยอยู่ในเมือง เฉพาะ Santiago ซึ่งเป็นเมืองหลวงก็มีผู้คนอาศัยอยู่ถึง 6.8 ล้านคน
ภาษาทางราชการเป็นภาษาสเปญ แต่ก็ยังมีภาษาท้องถิ่นใช้กันอยู่
70 % ของชาวชิลี เป็น Catholic
ประเทศมีภูมิประเทศและภูมิอากาศ รวมทั้งผู้คนและวัฒนธรรมที่หลากหลาย
(ภาพจาก website ของ ชิลี Pavilion )
ประเทศชิลีมีระบบเศรษฐกิจเปิด มีการแข่งขันสูงเพราะมีบันทึกข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ แคนนาดา จีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
จากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของประเทศทำให้เริ่มมีการปฏิรูปทางสังคม มีการปรับปรุงระบบบริการสาธารณสุขเพื่อให้มีบริการที่ดีขึ้นและทั่วถึง
มีการพัฒนาด้านการศึกษา ที่อยู่อาศัย และลดความยากจนของประชาชน
ชิลีสามารถลดประชากรที่ยากจนจาก 38% ในคศ. 1990 มาเหลือ 13.7% ในปี คศ. 2006 แต่ยังมีปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ที่ยังต้องหาทางแก้ไขอยู่
ชิลีมีเหมืองทองแดงที่เป็นรายได้หลักของประเทศ ซึ่งทำรายได้ให้กับประเทศเท่ากับ 17.5% ของ GDP
ชิลีสามารถทำฟาร์มปลา salmon และปลา trout ส่งออกเป็นอันดับสองรองจากประเทศนอร์เวย์
นอกจากนี้ยังสามารถส่งออกผลไม้ต่างๆ เช่น แอปเปิ้ล องุ่น กีวี บลูเบอรรี่ ซึ่งมูลค่าสูงถึง 35% ของยอดการส่งออก
นอกจากนี้ชิลียังสามารถผลิตและส่งออกไวน์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ใน Pavilion ของชิลี มีสิ่งที่น่าสนใจคือ The trunk of Sounds of Chile เป็นท่อนไม้ของต้น cypress ยาว 4 เมตร กว้าง 1.6 เมตร ภายในก็มีลำโพงที่ซ่อนไว้ถึง 6 ตัว ให้เราได้ฟังที่ปลายด้านหนึ่งซึ่งแกะสลักเป็นหน้าของหญิงสาว
(ภาพจาก website ของ ชิลี Pavilion )
เราสามารถฟังเสียงของคลื่นจากประภาคารของชายฝั่งทางใต้ของชิลี, เสียงการทำเหมืองจาก Chuquicamata, เสียงการฉลองของชาวพื้นเมือง, เสียงของสิงโตทะเล, เสียงเชียร์ฟุตบอลของประชาชน ฯลฯ
(ภาพจาก website ของ ชิลี Pavilion )
The Well of the Antipodes เป็นบ่อน้ำที่จำลองมาเพื่อเชื่อมประเทศชิลีกับประเทศจีน ถ้าเรามองลงไปในบ่อก็จะสามารถเห็นภาพสดๆจากเมือง Santiago ประเทศชิลี และในขณะเดียวกันชาวชิลีก็สามารถมองเห็นชาวจีนผ่านบ่อน้ำจำลองนี้
The Wall of Chile เป็น interactive touch screen ขนาดใหญ่ 4.3*1.3 เมตร เป็นรูปแผนที่ของประเทศชิลี มีจุดอยู่ 36 จุด ซึ่งผู้ชมสามารถเลือกดูพื้นที่ต่างๆของประเทศชิลีได้ด้วยภาพที่มีความละเอียดสูง มีรายละเอียดของภูมิประเทศ ประชากร วัฒนธรรม เสียง ภาพ บทกวี ประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยว ผลผลิต
The Rendezvous Plaza เป็นบริเวณที่แสดงและจำหน่ายสินค้าที่ระลึกของประเทศชิลี
ดูๆก็ไม่น่ามีอะไรน่าสนใจใน Pavilion ของชิลีนะครับ แต่จุดสำคัญที่แฝงอยู่ใน Pavilion นี้จะนำเสนอตอนหน้าครับ อิอิ
« « Prev : Expo 2010 Shanghai China (1)
Next : Pavilion ของชิลี (เซี่ยงไฮ้ ตอนที่ 3) » »
2 ความคิดเห็น
อิอิ ลุงหมอป่วน ชอบใจ คุณภาพมีไว้สำหรับทุกคน
แต่คนจะทำงานคุณภาพทุกคนป่าว ไม่แน่ใจ
ขอป่วนหน่อย ไม่ป่วน เด๋วหม่ำข้าวไม่อร่อย อิอิ
ชิลี เคยได้ยินแต่ชื่อรู้ว่าพริกที่เผ็ดที่สุดอยุ่ที่ชิลีนี่แหละ