อ่าน เขียน แปล
อ่าน: 1761
จากการที่ไปเชียงแสนเพื่อพบปะสิทธิรักษ์ วันที่ 30 สค. เช้า เรานัดกันที่ห้องนั่งเล่น ประมาณสิบโมงเช้า เพื่อแวะสนทนากับ อ. วิศิษฐ์ วังวิญญู กับคุณเม ที่จอมป่วนจะต้องแวะเยี่ยมทุกครั้งที่มีโอกาสไปเชียงราย เสียดายครั้งนี้ไม่ได้พบ อ. มนตรีกับ อ. เทพมือกีร์ต้าปากกามาร เพราะ อ. มนตรีติดภาระกิจสำคัญ
จอมป่วนเคยพาน้องอ้าย อุ๊ยจั๋นตา ครูอึ่ง อาราม มานั่งสนทนากับอาจารย์มาแล้ว คราวนี้มีแม่นุ ราณี ครูสุคนสวย และเบิร์ดมานั่งสนทนาด้วย เป็นการฝึกสุนทรียสนทนา อาจารย์ต้อนรับด้วยคุกกี้ธัญพืช น้ำชาเช่นเคย สมกับชื่อวงน้ำชา
หลังจากทักทาย คุยสารทุกข์สุขดิบกันแล้ว ก็เริ่มสนทนากัน ประเด็นก็เป็นเรื่องการอบรมการเขียนบล็อก น่าจะมีการเตรียมด้านจิตใจ และเรื่องการเขียนก่อน ไม่ใช่สอนแต่เทคนิคการเขียนอย่างเดียว จอมป่วนเคยแวะมาคุยเพื่อให้อาจารย์ช่วยจัดการอบรม อ่าน เขียน แปล ให้กลุ่มเฮฮาศาสตร์ รวมทั้งอบรมกระบวนกรให้ด้วย หลังจากนั้นก็น่าจะมีการพัฒนาหลักสูตรที่จะใช้อบรมการเขียนบล็อกขึ้นเพื่อใช้ในการอบรมต่อไป
ทั้งนี้หมายความว่า มีการพัฒนาลานปัญญาไประดับหนึ่ง และมีคู่มือการเขียนบันทึกแล้ว
อาจารย์บอกว่าอาจพัฒนาเป็นหลักสูตรเดียว คืออบรมกระบวนกรและ อ่าน เขียน แปล พร้อมกันไปเลย ใช้เวลา 5 วัน พิเศษสำหรับเฮฮาศาสตร์เลย
เวลาที่สนทนาค่อนข้างน้อยเพราะต้องไปทานมื้อกลางวันกับสิทธิรักษ์ที่เชียงแสน แต่จอมป่วนคิดว่าเป็นการสนทนาที่ดีมาก คุ้มมากที่แวะมาเยี่ยมอาจารย์
อาจารย์เริ่มถามว่าเวลาเขียนบันทึกมีปัญหาอะไร
ไม่มีอะไรจะเขียน
ไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไร
กลัวว่าจะเขียนได้ไม่ดี
กลัวว่าเขียนแล้วจะกระทบคนอื่น
กลัวคนอื่นว่าไร้สาระ เขียนไม่ดี
กลัวเรื่องเนื้อหา วิชาการ รูปแบบ ตัวสะกด
แล้วก็สรุปกันได้ว่า เราติดกรอบ มีกำแพงกั้นเราอยู่ เราทำอะไรที่เราคุ้นเคย ไม่กล้าทำอะไรใหม่ๆ คล้ายๆแผ่นเสียงตกร่อง เวลาเราเขียนจึงไม่เป็นตัวของตัวเอง
อาจารย์ถามว่าเขียนบันทึกส่วนตัวกันบ้างไหม ? รู้สึกยังไงเวลาเขียนบันทึกส่วนตัว ?
เขียนสบาย เขียนง่าย
เขียนอ่านเอง ไม่ได้ให้ใครอ่าน เลยไม่เครียด ไม่คิดมาก
ไม่กลัวผิด ไม่ต้องมีรูปแบบ ไม่ห่วงเรื่องวิชาการ ไม่ห่วงตัวสะกด
อาจารย์เลยบอกว่า เรามีปัญหาเพราะเราไม่มีเสียงของเราเอง มีแต่เสียงของคนอื่น ไม่เป็นตัวของตัวเอง ติดกรอบ นึกถึงสังคม ครูภาษาไทย สังคมการเลี้ยงดู การศึกษาบ้านเราทำให้เราสูญเสียตัวตน ฯลฯ สารพัดที่เป็นแรงกดดัน
อาจารย์เล่าให้ฟังถึงการสอนนักศึกษาของมหาวิทยาลับราชภัฏเชียงรายรุ่นที่อาจารย์สอน ใช้วิธีสนทนากัน สอนอยู่ 8 ครั้งๆละ 2 ชั่วโมง ทำให้เด็กรู้จักตัวเอง มั่นใจตัวเอง ฝึกพูด แล้วฝึกเขียนสิ่งที่ตัวเองคิดโดยไม่ต้องคิดนาน ให้เขียนแบบไม่ต้องหยุดคิดเลย ทำลายกำแพง ออกจากไข่แดง ออกจากกรอบที่ตัวเองสร้างขึ้นเอง เด็กรุ่นนี้มีผลการเรียนที่ดีมาก
การฝึกอบรม อ่าน เขียน แปล นอกจากจะทำให้รู้จักตัวเอง ยอมรับความแตกต่างของบุคคล กล้าออกจากสิ่งที่คุ้นเคย ทำลายกำแพงที่เราสร้างขึ้นเอง ทำให้การฟัง การพูดดีขึ้น การอ่าน การเขียนดีขึ้น ยังทำให้มุมมองต่อสังคม ต่อการทำงาน ต่อการดำรงชีวิตเปลี่ยนไปด้วย……
ชักลืมๆไปบ้างแล้ว แม่นุ น้องอ้าย ราณี ครูสุคนสวย เบิร์ด อุ๊ยจั๋นตา ครูอึ่ง อาราม ที่นั่งสนทนาอยู่ด้วยกัน หรือมิตรรักแฟนบล็อกทั้งหลายอ่านแล้วช่วยทำมาหากินด้วย จำอะไรได้ ได้ความรู้อะไรมาบ้าง ช่วยๆกันต่อยอด เพิ่มเติม แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันหน่อยนะครับ
มิตรรักแฟนบล็อกคิดอย่างไรกับอบรมหลักสูตรที่พูดถึง ช่วยแสดงความคิดเห็นมาด้วยนะครับ จะได้จัดการอบรมได้ถูกใจแฟนๆทั้งหลายครับ
« « Prev : น้องอ้ายเป็นเหตุ อิอิ
Next : กำหนดการ ป่วนเมืองสองแคว » »
22 ความคิดเห็น
น้อมรับไว้ศึกษา…..ขอบคุณมากครับ
เขียนจดหมายรัก
เขียนจดหมายลา
เขียนจดหมายด่า
เขียนต่อว่า..ตัวเอง
#1 สิทธิรักษ์
รออ่านบทความ บทกลอนดีๆจากเฮียเหลียงอยู่ครับ อิอิ
……
เขียนจดหมายรัก
เขียนจดหมายลา
เขียนจดหมายด่า
เขียนต่อว่า..ตัวเอง…..
จอมป่วนเป็นคนขี้อายครับ ขอบคุณที่ชี้แนะครับ
เขียนสอนตัวเอง เพราะเกรงใจผู้อ่าน
เขียนเตือนตัวเอง ให้ฟังให้มาก พูดให้น้อย
เขียนเตือนตัวเอง ให้ยอมรับความแตกต่าง
เขียนเตือนตัวเอง ให้ยอมอยู่ในสังคมที่มีวัยหลากหลาย
เขียนเตือนตัวเอง ให้ตามองฟ้าแต่ให้เท้าติดดิน
แต่ทีต้องไม่ลืมเตือนตัวเอง ทำให้ได้ก่อนพูด พูดให้ได้อย่างที่ทำ ทำให้ได้อย่างที่คิด555555
สรุป คิด พูด ทำ ต้องคือผลอันเดียวกัน
ขอบคุณ อ. หลินฮุ่ย มากครับ ที่ช่วยมาต่อยอด ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ
ขอบคุณมากครับ สำหรับรูปถ่าย
อิ อิ โดนพาดคอ เลยต้องโผล่มาช่วยทำมาหากินค่ะ
หลักที่อ.วิศิษฐ์ให้เด็กๆกลุ่มขยายโอกาสเค้าเริ่มเขียนคือ ให้นึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด นึกให้ละเอียดและชัดเจน แล้วเขียนออกมาเพื่อเล่าให้คนอื่นฟังภายใต้บรรยากาศแบบสุนทรียสนทนา
เด็กๆเขียนช่วงเวลาแห่งความสุขของเค้าออกมาคล้ายกันคือ ช่วงเวลาที่คนในครอบครัวอยู่ร่วมกันใน ” บ้าน ” ( home ไม่ใช่ house อิ อิ ) การที่เค้าได้เขียนจากความรู้สึกมากกว่าความคิด ความหวังซึ่งเป็นกรอบที่ครอบเค้าตลอดมา และได้รับการยอมรับทำให้เค้าค้นพบเสียงของเค้าเอง เกิดความเชื่อมั่น เกิดการพัฒนา
ธาราลิขิต..จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราก้าวข้ามความกลัว ความคาดหวังที่เป็นเหมือนกำแพงออกมา หล่อเลี้ยงการเขียนของเราด้วยความรู้สึก ด้วยความรักซึ่งเป็นศิลป์มากกว่าความคิดที่เป็นศาสตร์ ( มากกว่านี้ต้องรอให้เบิร์ดไปเรียนก่อนนะคะ อิ อิ )
กระบวนกรจึงมีหน้าที่กระเทาะความกลัวของมนุษย์ ให้เค้าก้าวออกจากพื้นที่ไข่แดงที่คุ้นชินของเค้า มาเรียนรู้มุมมองแนวคิดของคนอื่น เหมือนการหยิบแว่นสีต่างๆของคนอื่นมาใส่ทำให้มองเห็นโลกหลากหลายแง่มุมมากขึ้น เพราะเราไม่ได้ทิ้งแว่นสีเดิมแต่เรามีแว่นสีอื่นๆเพิ่มมากขึ้น โลกเราก็กว้างขึ้นจึงถือเป็นกำไรเนาะคะ
แว้บมาได้ 2 นาที ตอนนี้ต้องไปแล้วล่ะค่ะ เพราะเสียงเร็วๆของท่านแพนฯยังก้องอยู่ในหู อิ อิ อิ
จะเขียนให้ดีต้องมีความรู้สึกอยากจะเขียนเกิดขึ้นก่อนค่ะ หากฝืนใจเขียนจะได้ชิ้นงานที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ
เห็นด้วยกับคุณ #10 putarn เพราะถ้าไม่อยากเขียนเข็นยังไงก็เขียนไม่ออก
ผมขอเสนอว่า จะให้เขียนได้ ควรเป็นลูกศิษย์จอมป่วนก่อน หัดป่วนให้เป็นอีกหน่อยก็เขียนเก่ง
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับที่มาช่วยทำมาหากิน ช่วยต่อยอด แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
จอมป่วนอายุมาก ( แต่ไม่แก่ ) เลยจำไม่ค่อยได้ครับ 555555
ขอบคุณมากครับที่แวะมาเยี่ยม แถมช่วยแสดงความคิดเห็น ต่อยอด ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันด้วยครับ อิอิ
รับแต่สาวๆครับ
เฮียเหลียงนี่ก็ยอดป่วนเหมือนกันนะครับ มิน่าเขียนเก่ง แต่งกลอนก็เก่งด้วย 5555555
เขียนบันทึก..กับเขียนภาพ..จะเหมือนหรือแตกต่างกันใหมครับ กับการเริ่มต้น
ผมมีปัญหาเรื่องการเขียนมากเลย สมัยเป็นวัยรุ่นยังให้เพื่อนเขียนจดหมายให้แฟนเลยครับ
จนกระทั่งแฟนผมกลายไปเป็นแฟนของเพื่อน..ผมเลยเริ่มต้นหัดเขียนตั้งแต่นั้นมา แต่ไม่ทันไรก็เข้าสู่ยุคของโทรศัพท์ เลยงดเขียนไปเลย นี่เพิ่งจะโผล่มาเตาะแต๊ะ ต้วมเตียมกะเขา เฮ้อ…แนะนำค้วยนะครับ
ช่วงนี้ฝนดกหนักรักษาสุขภาพด้วยนะครับ ระวังเป็นหวัด…ฮ๊าดดดดด…เช้ยยยย
แหมๆๆๆๆ อาจารย์น่ะติดปัญหาทางเทคนิคนิดเดียวเอง แต่เรื่องการเขียนน่ะ เป็นอาจารย์อยู่แล้ว 55555
ดูรูปที่ส่งมาสิ รุ่นใหญ่เลยนะ อิอิอิอิอิ
การอ่านทำให้รู้มากขึ้น
การปฏิบัติทำให้รู้จริง
การเขียนทำให้ความรู้ตกผลึก
การสอนทำให้เชี่ยวชาญ
ขอบคุณมากครับที่แวะมาเยี่ยม และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน อิอิ
ฮ่าๆ……………..คุณจอมป่วนตลกล่ะ
นี่เขียนเรื่องวิชาการนะครับ ไม่ได้เล่าเรื่องตาหลกซะหน่อยครับ 555555
การเขียนช่วยพัฒนาความคิด
การเขียนช่วยฝึกการใคร่ครวญ
การเขียนความรู้สึกสดๆช่วยปลดความคิดออกจากกรอบ
การเขียนช่วยให้รู้จักตัวตน
การเขียนช่วยให้เห็นความเป็นคนของตัวเองมากขึ้นค่ะ
ขอบคุณหมอเจ๊มากครับที่ช่วยมาต่อยอด ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้