[SPOIL] ความเหลื่อมล้ำฉบับพกพา โดย @fringer
โดย iwhale เมื่อ 16 January 2011 เวลา 2:18 pm ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1801 เห็น @fringer ทวีตรูปที่น่าสนใจมากออกมา ภาพฝีมือของ @isariyas เลยขอนำมาแปะ SPOIL รูปนี้สักหน่อยไหนๆก็หลุดออกมาสู่ public แล้ว
จะเห็นได้ว่า งบประมาณรัฐที่ลงไปต่อหัวของประชากร ถ้าจะไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำควรที่จะเฉลี่ยใกล้เคียงกัน แต่ในรูปจะเห็นว่าเหลื่อมล้ำอย่างมาก ประชากรในกรุงเทพได้ประโยชน์จากงบประมาณคิดเป็นต่อหัวมากกว่าจังหวัดอื่นๆอย่างน่าเกลียด
ที่สำคัญตือนครราชสีมา มีประชากรมากจริงๆ แต่กลับได้รับงบประมาณเฉลี่ยต่อหัวน้อยเหลือเกิน จนอยากตะโกนถามด้วยเสียงน้าแอ๊ด คาราบาวว่า “คนไทย หรือเปล้าาา”
ถ้ามีโอกาสฝากให้ทำอีกภาพนะครับ ที่ตัดกรุงเทพมหานครออกแล้วทำนครราชสีมาให้เป็นวงใสๆไม่ทับวงอื่น จะได้ซูมเห็นจังหวัดต่างๆด้วยครับ ^__^
« « Prev : เริ่มจับตาพายุสุริยะ
Next : พระเจ้ามีจริงหรือไม่? » »
8 ความคิดเห็น
ถึงข้อมูลในชาร์ตอาจจริง (ยังไม่ได้ตรวจสอบ แต่ไม่มีเหตุอันควรสงสัย) ผมกลับเห็นเป็นการลงบัญชีขาเดียวนะครับ
น่าจะแสดงงบประมาณต่อหัว÷ภาษีที่เก็บต่อหัว อาจจะเห็นว่ามีจังหวัดใหญ่น้อยไม่จ่ายภาษี แล้วต้องพึ่งการอุดหนุนจากส่วนกลางตลอดมา (ไม่ใช่เพิ่งเป็น)
ในฐานะคนจ่ายภาษีสูง ผมไม่มีปัญหาอะไรในการนำภาษีไปอุดหนุนการพัฒนา แต่คิดว่าไม่แฟร์ที่จะให้ภาพด้านเดียวนะครับ
[...] ลานปลาหมึก » [SPOIL] ความเหลื่อมล้ำฉบับพ
งบที่ว่านี้มีอะไรทะแม่งอยู่นะครับ เพราะเอาหัวประชากรทั้งหมดคูณเข้าไปแล้วได้ไม่ถึง แสนล้านบาท ในขณะที่งบประมาณประเทศไทย 2 ล้านๆ บาทเข้าไปแล้ว อีก 1.9 ล้านล้านบาทมันหายไปไหนครับ ? หรือว่าเป็นเพียงงบในบางส่วน เช่น งบลงทุน
ซึ่งถ้ากราฟนี้เป็นจริงก็น่าเป็นห่วงมากที่มันต่างกันเพียงนี้ ระยองน่าจะเป็นจังหวัดที่จ่ายภาษีต่อหัวประชาการมากที่สุด เพราะ PGDP ก็มากที่สุดอยู่แล้วด้วย แต่ทำไมงบต่อหัวน้อยกว่ากรุงเทพ 30 เท่า
วงกลมไม่ต้องทำให้ใหญ่ตามขนาดก็ได้ครับเพราะงบนี้คิดเป็นต่อหัวแล้ว
ตอนนี้ไม่สะดวกจะเอาข้อมูลมาให้ดูนะครับ แต่มีในบันทึกเก่าของผม
กรุงเทพ(ไม่รวมปริมณฑล) เสียภาษีให้กรมสรรพากร 50.9% ของทั้งประเทศ จังหวัดในภาคตะวันออกรวมกัน 2.8% ภาคอีสาน 2% ภาคเหนือ 1.7% ภาคใต้ 2.2% ที่เหลือเป็นภาคกลาง
ข้อมูลผมเมื่อ 15 ปีก่อนคือ กทม.มีพลเมือง 10% แต่เสียภาษีรายได้ส่วนบุคคล (ไม่รวมภาษีการค้า) 80% ครับ แต่นั่นมันก็มีเงื่อนงำ และไม่เป็นธรรมกับคนบ้านนอกนะครับ เพราะภาษีส่วนใหญ่ถ้าไม่มีแรงงานคนบ้านนอกมาช่วยทำก็คงไม่มีรายได้ปานนั้นหรอก
ผมถึงได้สอนคนบ้านนอกมานานว่า อย่าอหังการ์ทำเป็นอยากให้ออกกฎหมายว่าภาษีท้องถิ่นให้อยู่ในท้องถิ่น อย่าไปเอาเข้าคลัง เพราะยิ่งทำแบบนั้นสูเจ้าจะยิ่งจน เพราะทุกวันนี้งบประมาณที่เอามาพัฒนาท้องถิ่นนั้นมาจากกทม. และ ริมทะเลทั้งสิ้น
แต่คนกรุงก็ไม่ควรเย่อหยิ่งดังว่าแล้ว เพราะถ้าไม่มีคนจนบ้านนอกเป็นเบี้ยพวกท่านก็อยู่ไม่ได้แบบนี้หรอก
ความแตกต่างด้านเศรษฐศาสตร์ เป็นความโง่ของรัฐบาล นักการเมือง ผลพวงจากดร.เศรษฐศาสตร์จบนอกทั้งหลาย ที่กอกระดุมดุ่มๆตามฝรั่งไปแบบแมวเชื่อง วันนี้นายทุนใหญ่ที่โกงนโยบายตามน้ำมาจนรวย เอามาซื้อเสียงคนจนเพื่อบีบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปโน่น มันน่าขำและสมเพชระคนกันเสียจริงๆ
ช่วยทำความจริงให้ปรากฏหน่อยครับ
สุดแต่จะพิจารณาเอาเองครับ
ดูท้ายบันทึก http://lanpanya.com/wash/archives/1941 บันทึกนั้นมีกลุ่มคนที่ประท้วงยืดเยื้อ โดยอ้างว่าไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองและอดีตนักการเมือง ออกมาเรียกร้องว่าให้ปล่อยให้น้ำท่วมกรุงเทพเพื่อความเป็นธรรม เขาไม่รู้เรื่องเลยว่าปล่อยน้ำมาเท่าไหร่ บางบาล สองพี่น้อง ก็ท่วมเท่านั้น ส่วนกรุงเทพไม่ท่วมเพราะน้ำทะลักออกไปฝั่งตะวันตกตั้งแต่อยุธยาแล้ว
ใช่ครับ โดยทั่วๆไป คนที่ใช้เทคโนโลยีจำนวนไม่น้อย ไม่ได้ให้ข้อมูลทั้งหมด หยิบมาบางส่วน แม้จะมีข้อมูลทั้งหมดก็เถอะ ความจริงเบื้องหลังข้อมูลก็ควรรับรู้ด้วยเหมือนกัน หลายครั้งเราเองก็ตกอยู่ในภาวะเหตุการณ์เป็นผู้ให้ข้อมูลที่ไม่ครอบด้านเหมือนกัน เพราะเรามีข้อจำกัด ข้อสำคัญคือ ผู้นำเสนอได้บอกกล่าวหรือเปล่าว่าควรหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือผู้นำเสนอได้ฟันธงลงไปแล้วว่าเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ ผมเองก็พลาดได้เช่นกัน
เช่น ที่ประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำสรุปว่ามี 5 คนไม่คืนเงินกู้ และกรรมการก็เกรงใจเพราะอาวุโส และใครๆในบ้านก็กลัวเพราะคิดว่าบางคนใน 5 คนนั้นเป็นปอบ เมื่อเราลงไปสืบค้นข้อมูลลึกๆ พบว่า เขาเป็นหนี้จริง คนคนนั้นที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นปอบนั้น จำเป็นต้องเอาเงินไปให้ลูกเป็นค่าเทอมก่อน เมื่อขายมันสำปะหลังได้ก็จะเอามาใช้คืน
หากเราด่วนสรุปตั้งแต่แรกเราก็พลาด เพราะไปฟังข้อบูลเบื้องต้นมาแล้วสรุปเลย เรื่องเล็กน้อยอาจจะไม่มีผลกระทบต่อสัวคม แต่บางเรื่องอาจกระทบสังคมมากได้
ทุกคนมีข้อจำกัด แต่ไม่ควรด่วนสรุป