เช่นนั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 28 กรกฏาคม 2009 เวลา 12:06 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1018

         ผมไปอ่าน บันทึกนี้ ของ “ลุงแหวง” แล้วเกิดอาการอยากต่อเติม จึงไปว่าไว้อย่างนี้ครับ ..

สวัสดีครับ

  • เข้ามาช้าไปหน่อย แต่ตามอ่านแบบละเอียด
  • คิดว่ามองเห็นและเข้าใจตามที่สื่อมาครับ
  • ผมอาจโชคดีหน่อยที่นอกจากได้อ่าน ได้บวชเรียนและอยู่ใกล้ท่านอาจารย์อยู่ช่วงหนึ่งแล้ว .. สมัยเด็กๆก็ยังได้วนเวียนอยู่แถวสวนโมกข์ ไปช่วยงาน กิน นอนอยู่ที่นั่น ได้ยินได้ฟังคำของท่านอาจารย์ และนำมาตรึกนึก และใช้ประโยชน์ได้มาตั้งแต่ชั้นมัธยม แต่ก็เป็นบางเรื่องนะครับ
  • สิ่งที่ได้ใช้บ่อยที่สุดเรื่อยมาคือคาถา “เช่นนั้นเอง” ครับ หลังๆมาก็เสริมด้วย “อตัมยตา” อีกตัวหนึ่ง ( ”อตัมยตา” = กรู ไม่เอากับ มรึง แล้วโว้ย ..  มรึง  หมายถึง สิ่งอันไม่ควรยึดถือทั้งหลาย ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ )
  • ตถตา” หรือ “เช่นนั้นเอง” ช่วยได้มากจริงๆ  ทำให้ไม่ต้องตื่นเต้นกับปรากฏการณ์แห่งความเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งซีกบวก และลบ .. ซึ่งในนั้นมันแฝง “ความไม่ยึดติด” เอาไว้ด้วยเรียบร้อยแล้ว
  • ส่วนที่ว่า .. ทำบุญ ทำทาน เพื่อกรุยทางสะดวกให้ชีวิตตัวเองอยู่และตายอย่างมีประโยชน์ .. อ่านแล้ว ทำให้นึกถึงคำสอนของท่านอาจารย์ที่ว่า การให้ทาน มี 3 แบบคือ ..
  • ทำทานเพื่อส่งเสริม “ตัวกู-ของกู” ชนิดเลว
  • ทำทานเพื่อส่งเสริม “ตัวกู-ของกู” ชนิดดี … และ
  • ทำทานเพื่อขัดเกลาและส่งเสริมการสิ้นไปซึ่ง “ตัวกู-ของกู”
  • สวัสดี และ อิ อิ อิ ครับ

           ถ้าใครยังไม่ได้คลิกตามไปอ่านฉบับเต็มก็ขอให้ลองเข้าไปดูนะครับ ที่ บันทึกนี้ ลุงได้สาธยายไว้ละเอียดเลยล่ะ


ชีวิตนี้เพื่ออะไร

1 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 25 กรกฏาคม 2009 เวลา 12:50 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 938
  • สำหรับผมโดยส่วนตัวแล้วกำหนดเอาว่า ชีวิตนี้มีไว้ทำ “หน้าที่” ครับ
  • หน้าที่ทั้งนั้นครับ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ จนถึงเรื่องภารกิจการงานสำคัญที่ได้รับมอบหมายจากองค์กรที่เราสังกัดอยู่  เรียกว่า ทุกอย่างที่ทำล้วนเป็นการปฏิบัติหน้าที่ ครับ
  • แต่เพื่อไม่ให้สับสนก็มีกรอบของมันเหมือนกัน  ได้แก่ หน้าที่ต่อตัวเอง ต่อบุคคลอื่น ต่อองค์กร ต่อสังคม ต่อโลก และต่อสรรพสิ่งที่แวดล้อมตัวเราอยู่ เป็นต้น
  • หลายครั้งมันคลุกเคล้ากันอยู่ ก็ยอมให้มันเป็นไป เช่นทำหน้าที่สื่อสารให้ความรู้แก่ผู้คน แล้วเขาก็เรียกร้องให้เราทำอะไรด้วยฝีมือและความรู้ของเราให้แก่เขา  สุดท้ายก็กลายเป็นผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆกลับมาหล่อเลี้ยงชีวิตเราด้วย  
  • แต่เรื่องนี้ผมโชคดีที่มีแรงต้านจากภายในสูงในการที่จะไม่เอาเปรียบผู้คน .. จึงค้นพบตลอดมาว่ามักจะเป็นฝ่ายให้มากกว่ารับ .. ดูเหมือนจะคุยโม้ แต่ขอยืนยันว่าเป็นจริง และมีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมมากมาย
  • การทำหน้าที่ทั้งหลายโดยมองออกนอกตัว เล็งประโยชน์ผู้อื่น หรือคนหมู่มากเข้าไว้ หากทำไปจนชินก็จะพบว่า ความสุขจากการ ไม่ต้องมี นั้นเบาสบาย และ หาง่าย ยิ่งนัก
  • อิ อิ อิ

  • เบื้องหน้า เบื้องหลัง วันอาม่าไป ไทยมุง

    5 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 16 กรกฏาคม 2009 เวลา 11:21 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
    อ่าน: 1486

       เล่าแบบเร่งด่วนด้วยภาพดีฝ่า …

                                            

     

     

     


    วันนี้ผมไปขึ้นศาลอาญา !

    6 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 13 กรกฏาคม 2009 เวลา 11:11 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องจริงที่เหลือเชื่อ #
    อ่าน: 979

    วันนี้ไปศาลอาญามาครับ !

          คุณศิวกร ที่เป็นทั้งลูกศิษย์เก่าและเสมือนลูกชายไปด้วยพร้อมๆกัน โทรมาบอกก็รีบแต่งตัวและเดินไป เพราะศาลอยู่ไม่ไกลบ้านสักเท่าไร

          เรื่องที่ถ้าไม่เกรงใจผมอยากเรียกว่า “เรื่องบ้าๆ” มันยังไม่จบสิ้นครับ  เห็นบอกว่ากำลังไกล่เกลี่ยกันอยู่ที่ชั้น 7 และทางฝ่ายโจทย์ขอเรียกค่าเสียหาย 5 หมื่น นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมต้องรีบเดินและกะว่าจะใช้การพูดเรื่องจริง สยบทุกอย่างให้ได้ และก็ทำสำเร็จด้วยครับ

          มีอย่างที่ไหน ที่คนมาอยู่อาศัยในที่ของเรา ที่เรายอมให้ด้วยเมตตาเอื้ออารี กลับมาฟ้องร้องว่า เราบุกรุก และตำรวจบ้าบางคนที่สน.บางซื่อก็ดันรับฟ้อง จับกุมคุมขังผู้บริสุทธิ์คือลูกชายเพื่อนผมมาแล้วเมื่อ 6-7 ปีก่อน นอนห้องขังอยู่ 1 คืน จึงออกมาได้ กระทบกระเทือนใจ และงงมากเพราะแกเป็นเด็กญี่ปุ่น อาการประสาทหลอนกำเริบ จนสุดท้าย โดดตึกตายต่อหน้าผมมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน  ก่อนแกตายแกมักหวาดผวาและบอกว่ากลัวตำรวจ 

          ผมก็พยายามไปเคลียร์อย่างดีที่สุดตั้งแต่คราวโน้น และลงเอยด้วยดี คือเรายอมใช้คนของเรา ใช้รถของเราช่วยขนของที่เขาเอามาวางในที่ของเราไปให้ถึงบ้าน โดยมีตำรวจรู้เห็นเป็นพยาน เพื่อให้เรื่องมันจบๆ ทั้งๆที่ถ้าจะเล่นกลับมันคงร่วงไปทั้งคนที่ฟ้องเรา และตำรวจที่รับฟ้อง คิดดูเถิดมาอาศัยเราแล้วแจ้งจับคนของเราว่าบุกรุก มันบ้าหรือดี 

          ผ่านไปหลายปี คุณศิวกร ที่เคยขับรถไปส่งของให้ฟรีๆก็ถูกตำรวจจับอีกตามหมายศาลเมื่อ 2-3 เดือนก่อน  และผมต้องหาเงิน 5 หมื่นไปประกันตัวเขาที่สน.บางซื่อมาแล้ว จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้เงินคืน   เรื่องที่ว่าจบมันดันมีเอกสารส่งต่อมาถึงศาลครับ มาจากสน.บางซื่อนั่นแหละ ทำกันอีท่าไหนไม่ทราบได้ สุดท้ายนายศิวกร ต้องไปจ่ายเงินอีกร่วมสองหมื่น เพื่อให้บริษัทหนึ่งมาประกันตัว เพราะเขาไม่มีเงิน 

         วันนี้ทางฝ่ายโน้นมาเพื่อรับการไกล่เกลี่ยโดยเรียกค่าเสียหาย 5 หมื่น ผมก็ได้ไปบอกเรื่องราวให้ท่านผู้พิพากษา และตัวแทนฝ่ายโจทย์ได้รับรู้ความจริงแล้วก็อยากจะรู้ว่ายังจะเรียกร้องค่าเสียหายอีกหรือไม่ .. สุดท้ายทุกอย่างจบครับ ไม่มีฝ่ายใดติดใจ ผมก็ฝากข้อคิดไว้กลางวงว่า ชีวิตคนเราเหลือกันอยู่ไม่มาก น่าจะยังมีเรื่องอะไร ที่ดีๆ และมีสาระให้ทำอีกเยอะ .. และให้มั่นใจว่าผมจะไม่ไปฟ้องกลับให้วุ่นวาย  ทั้งๆที่โดยรูปการณ์แล้ว  มีช่องให้ทำได้มากมาย ทั้งกับฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าเป็นโจทย์ และบุคลากรที่เรียกตัวเองว่าผู้พิทักษ์สินติราษฎร์บางคน .. 

          เรื่องเหล่านี้นับว่าจิ๊บจ๊อยมาก ถ้าเทียบกับอีกสองสามเรื่องที่ผมโดน .. จากบุคคลที่เราให้ความรัก เมตตา ปรารถนาดี และทุ่มเททุกอย่างให้ไปจนเกินพอดี แบบว่า เมตตา กรุณา จนลืมอุเบกขานั่นแหละ .. แต่พูดไปจะกระทบบุคคลอื่น จึงขอผ่านไปไม่พูดถึงดีกว่า .. กรรม คือการกระทำของใคร ก็ย่อมนำไปสู่การรับผลที่คู่ควรอยู่โดยธรรมชาติแล้ว ..

          ผมมีหน้าที่เป็นผู้ดูที่ฉลาดเท่านั้น .. และจะไม่โง่พอที่จะให้เรื่องไร้สาระทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มาเบี่ยงเบนความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งที่ควรทำ เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข ตามที่ได้ตั้งใจไว้

         อิ อิ อิ .. อีกครั้งก็ยังได้

          อิ อิ อิ


    รำลึกเรื่องราวคราวเดินทางไปส่งแม่

    ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 4 กรกฏาคม 2009 เวลา 12:38 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
    อ่าน: 999

       บันทึกนี้ตั้งใจจะรวบรวมสิ่งทีได้ขีดเขียน บันทึกเรื่องราวเมื่อคราวเดินทางไปอยู่กับแม่  จนกระทั่งได้ส่งแม่คืนกลับสู่ธรรมชาติเดิม
    แม้ไม่สมบูรณ์เพราะเขียนในสถานการณ์ที่มีความวุ่นวายหลายๆด้าน แต่เมื่อย้อนอ่านก็รู้สึกว่ามีประโยชน์ในหลายแง่มุม อย่างเช่นที่พี่ชายแท้ๆ Mr. Augustman ได้เขียนบอกไว้ในบันทึกหนึ่งว่า ..

                ………………………………………………….

         ” …  สวัสดี น้อง Handy
    ที่ผ่านมาช่วงอยู่กับแม่จนกระทั่ง….แม่จากพวกเราไป
    พี่เปิดไปอ่านบันทึกในช่วงแรกแค่แวบ ๆ เนื่องด้วยเวลาไม่อำนวย
    กลับมาบ้านที่ศรีราชามีเวลามากขึ้นจึงได้ย้อนอ่านตั้งแต่บันทึกแรก ๆ
    เก็บภาพที่สำคัญเซฟเก็บไว้ รวมทั้งอ่านความเห็นของท่านอื่น ๆ ด้วย
    ยอมรับว่าซาบซึ้ง ประทับใจจนน้ำตาซึมทีเดียว ลูกสาว(หลานแอน)
    บอกว่าอ่านทีไร…อดน้ำตาไหลไม่ได้
    อยากบอกได้เพียงว่าแม่ของพวกเราท่านไป”อย่างสงบงาม” อย่างที่ว่านั่นแหละ
    มีโอกาสคงได้พบกันในงานทำบุญครบ ๑๐๐ วัน คิดว่าคงในราวกลางหรือปลายเดือนสิงหาคม ๒๕๕๑
    สุดท้ายขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามาอ่านและร่วมอาลัยในการจากไปของคุณแม่ ครับผม ”

         ……………………………………………………

              เพื่อให้ตามดูได้โดยสะดวกตามลำดับของเหตุการณ์ จึงขอนำทุกบันทึกที่เกี่ยวข้องมาเรียงไว้เป็นชุดดังนี้ ..

  • เตรียมตัว เตรียมใจ ไปไชยา
  • รายงานสด ก่อนรถถึงไชยา
  • อยู่กับแม่ .. ยามใกล้ฝั่ง
  • ประยุกต์เทคโนโลยีช่วยให้แม่ฟังพระสวดทำวัตรเช้า
  • แม่ กับ พระและวัด
  • อยู่กับแม่วันที่สาม
  • อยู่กับแม่วันที่สี่
  • แม่จากไปแล้ว
  • หนังสือธรรมะเล่มเล็ก ดีๆ 5 เล่ม
  • กลั่นความจากใจ ใส่หนังสือที่ระลึก
  • วันที่สองของการที่แม่จากไป
  • คืนนี้คืนที่สาม
  • เมื่อคืนนี้คืนที่สี่
  • คืนสุดท้ายที่(ร่าง)แม่จะอยู่กับพวกเรา
  • บันทึกบนรถทัวร์แถวราชบุรี
  •         สวัสดีครับ


    เมื่อผมกับ ดร.เม้ง คุยกันใหม่ๆ

    3 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 3 กรกฏาคม 2009 เวลา 10:19 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
    อ่าน: 1235

        ดร.เม้ง เขาเรียกผม “พี่บ่าว” และผมก็เรียกเขา “น้องบ่าว” จนชินแล้ว  เรารู้สึกใกล้ชิดกันมากทั้งๆที่จนบัดนี้ ยังไม่เคยเจอตัวเป็นๆกันเลย  นัดกินข้าวต้มก็หลายครั้ง แต่แห้วทุกที  และที่อยากบันทึกไว้ตรงนี้อีกเรื่องคือ  เมื่อคุณแม่ผมเสีย และผมแจ้งข่าวขึ้น Blog ที่ Gotoknow  โทรศัพท์แสดงความเสียใจสายแรกที่ผมได้รับเป็นโทรทางไกลจากเยอรมันครับ ก็จากน้องบ่าวสุดที่รัก ดร.เม้งคนเดียวกันนี่แหละ

        วันนี้ย้อนรอยไปอ่านบันทึกเก่าๆ  ได้พบกับข้อเขียน ความคิด ความเห็นที่เราแลกเปลี่ยนกันในระยะแรกๆ  จึงอยากนำมาตัดต่อและบันทึกไว้ให้เห็นง่ายๆที่ตรงนี้ครับ จะมีคุณค่าอย่างไร หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการมองของแต่ละคน  สำหรับผม มันมีค่ามากครับ .. ตอนนั้น ดร.เม้ง ยังเรียกผม “คุณ Handy” อยู่เลย

        เชิญติดตามครับ …

        จากบันทึกของผมเรื่อง “ เพิ่มความเร็วอย่างเหลือเชื่อ ในการคูณเลขสองหลักด้วย 11” ดร.เม้งมาเริ่มคุยด้วยการบอกว่า ..

      …

    กราบสวัสดี คุณแฮนดี้ครับ

          ผมก็คนหนึ่งที่ชอบคณิตศาสตร์ครับ และรู้สึกดีครับ ที่มีการหยิบยกตัวอย่างทางคณิตศาสตร์ ซึ่งนำมาใช้ในประจำวันได้ ซึ่งจริงๆ แล้วคณิตศาสตร์หรือภาษามันก็เป็นเรื่องเดียวกันทั้งสิ้น ล้วนมาจากสาขาปรัชญาทั้งสิ้น แต่พอเราเรียนลงลึกแล้วแยกสาขาลงไปจนเห็นความแตกต่างระหว่างสาขาที่แยกลงไปเลยกลับกลายไปว่ามีหลายๆ อย่างจนต้องชอบหรือไม่ชอบวิชาต่างๆตามมา จริงๆแล้วหากเรารู้ว่าในโลกนี้มีความรู้มากมาย แล้วที่เรียนมานำไปประยุกต์ใช้อย่างไร เรียนเรื่องนี้นำไปใช้ในส่วนใด แต่ละเรื่องเกี่ยวกับรอบตัวอย่างไร ก็จะเห็นความสำคัญขึ้นมาทำให้ตอนเรียนน่าสนใจ น่าติดตามและศึกษาก่อนที่อาจารย์สอนเพราะสนใจเป็นพิเศษ ดังนั้นหากเรามีคนแนะนำ โดยนำเข้าสู่บทเรียนโดยการสอนหรือหยิบยกอะไรบางอย่างให้เด็กเห็น เด็กๆ ก็จะจำเป็นภาพ เป็นการประยุกต์ การจำสิ่งรอบข้างทำให้เชื่อมโยงกับความคิดในบทเรียน นั่นคือเรื่องเดียวกัน

    อย่างคณิตศาสตร์ แต่ละเรื่องแต่ละบทก็เกี่ยวกับสิ่งรอบตัวเราทั้งสิ้น อยู่ที่ว่าเราจะเชื่อมต่อมันเข้ากันได้อย่าง เพราะตอนนี้มันแปลงมาอยู่ในรูปสัญลักษณ์และสมการแล้ว ซึ่งหากเราอ่านสมการและสัญลักษณ์นั้นได้เข้าใจ ก็ไม่ต่างไรกับการอ่านบทความทางภาษาศาสตร์หรือสังคมศาสตร์นั่นเอง และในทางกลับกันบทความทางภาษาศาสตร์หรือทางสัมคมศาสตร์ก็แปลงให้อยู่ในรูปคณิตศาสตร์ได้เช่นกันครับ

    ผมอยากให้เด็กไทยอยากเรียนคณิตศาสตร์และก็ชอบภาษาและสังคมด้วย เพราะมันคือเรื่องเดียวกัน

    ขอบคุณครับผม

    สมพร

             จากนั้นผมก็ไปตอบแกว่า …

  • นาย สมพร ช่วยอารีย์ .. เป็นครั้งแรกที่ชื่อท่านมาปรากฏใน Blog นี้ หลังจากตามสะกดรอยไป บ้านของท่าน บอกได้ว่าประทับใจ โดนใจกับสิ่งที่นำเสนอครับ ข้อคิด ความเห็นข้างบนของท่านก็เห็นด้วยทุกประการ ส่วนที่ท่านว่า ..    นำเข้าสู่บทเรียนโดยการสอนหรือหยิบยกอะไรบางอย่างให้เด็กเห็น เด็กๆ ก็จะจำเป็นภาพ เป็นการประยุกต์ การจำสิ่งรอบข้างทำให้เชื่อมโยงกับความคิดในบทเรียน .. นั้น ผมถือเป็นเรื่องสำคัญมากเสมอ .. เพราะเชื่อว่าการเรียนรู้โดยปราศจากเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะนำความรู้นั้นไปประยุกต์ใช้แก้ปัญหาได้อย่างไร .. ไม่น่าจะเป็นการเรียนรู้ที่ดี และไม่มีชีวิตชีวาครับ
  •        แล้ว ดร.เม้งก็มาต่ออีกครั้งว่า …

    สวัสดีครับ

           ผมก็เป็นนักคณิตศาสตร์ผสมกับคอมพิวเตอร์ รวมๆกัน เหมือนจะเป็นคณิตศาสตร์ประยุกต์ และทำวิจัยเกี่ยวกับการเกษตร ต้นไม้อะไรพวกนี้ครับ มันจะเป็นการงงของคนที่ถามคำถามอยู่เสมอว่า คณิตศาสตร์กับเกษตรมันเกี่ยวกันได้อย่างไร ไว้ผมจะค่อยเขียนไว้นะครับ ให้ลองหาความสัมพันธ์กันเล่นๆ ดูครับ ในบล็อก มิสเตอร์ช่วย นาย สมพร ช่วยอารีย์ ครับ ซึ่งจริงๆ แล้วคณิตศาสตร์เอาไปใช้ได้ทุกๆสาขาเลยครับ

         ขอบคุณครับ

            สมพร

             เรื่องต่างๆก็คืบหน้าไปจนเราได้คุยกันทั้งทาง Blog ทางโทรศัพท์ และทาง Skype ในบางครั้ง  และจนกระทั่งวันหนึ่งขณะผมกำลังขับรถอยู่แถววงศ์สว่าง  น้องบ่าวคนนี้ก็โทรทางไกลจากเยอรมันมาขออนุญาตใช้ชื่อ Blog “ลานปัญญา” ของผม ไปเปิด Web ที่ชื่อ lanpanya.com และผมได้ตอบ OK ไปด้วยความยินดียิ่ง .. ก็ ลานปัญญา ของพวกเรานี่แหละครับ

             ขอบคุณน้องบ่าว ดร.เม้ง มากครับ

      ….  อิ อิ อิ


    การบันทึกข้อมูลการทำงานเชิงช่างลงสมุดบันทึก

    1 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 1 กรกฏาคม 2009 เวลา 6:11 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
    อ่าน: 1022

         ผมมีบุคคลที่ชื่นชอบและชื่นชมอยู่ในดวงใจมากมาย ทั้งไทยและเทศ  หนึ่งในจำนวนนั้นคือคุณ Glen  Williamson ซึ่งแอบชื่นชมและใช้ประโยชน์จากวิทยาทานของท่านมานับสิบปี  ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี ที่มีจิตสาธารณะอันสูงยิ่งในความรู้สึกของผม  ประสบการณ์ที่กว้างขวาง ลุ่มลึก และมากมายในด้านวิศวกรรมไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ ได้รับการแปรรูปให้เป็นของง่ายๆ สะดวกต่อการเรียนรู้ของมือใหม่ผ่าน Website ของท่าน  ส่วนมีอะไรน่าสนใจบ้างคงต้องลองเข้าไปดูเองครับ 

                                                                  

        สำหรับบันทึกนี้ตั้งใจจะถ่ายทอดคำชี้แนะของท่านผู้นี้ในเรื่อง การบันทึกข้อมูลเชิงช่างลงสมุดบันทึก  ขอนำต้นฉบับมาลงโดยไม่แปลนะครับ  เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลา

      Keep a Contemporaneous Engineering Notebook. 

        That means, Write EVERYTHING Down, even include a dentist appointment; that’s what helps make it a believable Legal Document

         So keep the notebook up to date and have it Witnessed often by those whom you trust, and understand your work.

         This can mean the difference between Owning the Patent Rights to your Work, or NOT!  Also, it can jog the old memory and reduce the number of times you do the same tests. “…gee, have I already done that…”

           Of course, It Don’t Hurt  when Final Reports are Due!


         So Anticipate the Patent Application process: use a Legally and Scientifically Accepted Format. 

    Here’s How  :

    (1) Use a Bound (stitched binding) notebook. DO NOT use a loose leaf or Spiral bound notebook!

    (2) Entries Should be in Permanent InkNot Pencil.

    (3) The Title, Project Number, and Book Number should be accurately recorded when starting a New Page.

    (4) All data is to be recorded directly into the notebook. The inclusion of all elaborate details is preferable. Notes and calculations should be done in the notebook, NOT on loose paper. In the case of an error, draw a single line through the incorrect data. Do Not Erase or use correction fluid. All corrections should be initialed and dated.

    (5) After entering your data, sign and date all entries. Witness or witnesses should sign and date each entry. The witness must observe the work that is done, and have sufficient knowledge to understand what they read. Names of all who were present during any demonstration should also be recorded.

    (6) Use Both sides of a Page.
    Never leave any White Space: “X” out or Crosshatch all unused space, and don’t forget to initial & date same.  

    (7) All contents of the notebook should be kept strictly Confidential. It should be kept in a Protected place to safeguard against Loss.

           ผมถือปฏิบัติตามนี้อยู่บ้างครับ  และคิดว่าจะต้องทำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นอีก  ที่ผ่านมามันไม่ค่อยจริงจังสักเท่าไหร่  ใครไม่เคยทำก็อยากให้ลองทำครับ  มีประโยชน์มาก

          ก่อนจบอดไม่ได้  ขอแถมอีกหน่อย เพื่อป็นการเชิดชูคนดีในดวงใจคนนี้ของผม

         ชื่อ :   Glen A. Williamson 

         Website : http://williamson-labs.com/

         ประสบการณ์-ผลงาน ความคิดอ่านมากมาย คลิกดูได้จาก Menu ในหน้า Homepage ครับ เช่น …

          เข้าไปดูเถอะครับ รับรองไม่ผิดหวัง


    ตอบคำถามศิษย์เก่า เรื่อง “เกิดมาทำไม”

    2 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 23 มิถุนายน 2009 เวลา 11:06 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
    อ่าน: 1183

         ก่อนไปวัดพระบาทห้วยต้ม  ได้ไปให้ความรู้เรื่องสื่อ ในการอบรมเมื่อ 17-19 มิย. ที่ผ่านมา  ที่รร.วิศวกรรมรถไฟ  งานนี้แถมเรื่อง Blog ให้ไปด้วยจนหลายคนเข้าไปอยู่ใน G2K เรียบร้อยแล้ว  หนึ่งในผู้เข้าอบรมเป็นศิษย์เก่าที่เคยสอนมาก่อน  ได้นำเสนอตรงไปตรงมาในบันทึกหนึ่งของเขาว่า ….

      ” ทุกวันนี้ เรามีความรู้สึกว่าความวุ่นวายจะเกิดจากสิ่งที่อยู่รอบตัวเราเองซะเกือบทุกอย่าง ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา ทานอาหารเช้า เดินทางไปทำงาน ถึงที่ทำงานพบเพื่อร่วมงาน ผบ. คิดวิเคราะห์งาน ทานอาหารกลางวัน ประชุมภาคบ่าย ทำงานต่อเสร้จกลับบ้าน รถติด ถึงบ้านแม่บ้านบ่นเรื่องที่พบในแต่ละวันให้ฟัง เข้านอน,,,,,,,,,,,,,,แล้วหลับไป  ใครจะบอกได้ไหมว่าอะไรคือชีวิตกันแน่ “

          ผมอ่านแล้วเห็นว่า ชัด ตรงดีมากครับ  เข้าใจ เห็นใจ แต่เนื่องจากมีเวลาน้อย จึงไปตอบสั้นๆไว้ ดังนี้

      สวัสดีครับ

    • ตามมาเยี่ยม
    • เข้าใจความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาแบบตรงๆ ง่ายๆ
    • เชื่อว่าพูดแทนใครอีกหลายๆคน
    • คำตอบต่อคำถามที่ว่า อะไรคือชีวิตกันแน่ หรือ เกิดมาทำไม น่าจะมีหลากหลาย  ก็ต้องเลือกเอาที่เห็นว่าใช่ 
    • สำหรับผม เชื่อว่า นี่ คือคำตอบครับ


    E-Valve ยี่ห้อ Handy คลอดแล้วเมื่อเช้านี้ .. 7 ชุด ปฐมฤกษ์

    3 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 16 มิถุนายน 2009 เวลา 9:19 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
    อ่าน: 2274

         ว่าจะเขียนโม้เรื่อง ULEM ภาคพิศดาร  แต่อดไม่ได้ที่จะเอาเรื่องที่เพิ่งผ่านมาหยกๆเมื่อเช้านี้ มาเป็นออร์เดิร์ฟก่อน

           เช้านี้ตื่นมาคิดทบทวนภารกิจและเวลาที่มีอยู่แสนจำกัดแล้วทำให้ตาสว่าง   ข้อสรุปก็คือช้าไม่ได้แล้ว  เครื่องที่จะประกอบเตรียมไปติดตั้งที่วัดพระบาทห้วยต้มนั้น  แม้จะทดสอบจนชัวร์ป้าบแล้ว  แต่มันยังกระจัดกระจาย  ไม่ได้รวมตัวเป็นเครื่องแต่อย่างใด  แถมพรุ่งนี้ ต่อเนื่องไป คือ 17-18 -19  ยังต้องไปเป็นวิทยากรฉายเดี่ยว คนเดียวทั้ง 3 วัน ที่ รร. วิศวกรรมรถไฟ เช้าจดเย็น  และจะต้องขึ้นรถทัวร์มุ่งหน้าสู่วัดพระบาทห้วยต้มในคืนวันที่ 19 นี้ด้วย

          ครั้นตรึกนึกถึงรายละเอียดว่าต้องทำอะไรบ้างในขั้นตอนปลีกย่อย  ก็พบว่ามีหลายอย่างต้องรีบทำ  ทั้งที่ต้องตัด เจาะ ผ่า ติดกาว บัดกรี ขันสรูยึด และการทดสอบ  .. คิดแล้วอยากเป็นลม  เพราะจะวานใครทำก็ไม่ได้  มันล้วนแล้วแต่ ทาสิทนอลลิจ ทั้งนั้น  บอกนั้นไม่ยากแต่ทำตามให้ได้ตามที่บอกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย .. หลายคนที่เป็นช่างคงทราบดี

         หนึ่งในงานสำคัญก็คือก็คือการประกอบและทดสอบเจ้า E-Valve หรือวาล์วน้ำควบคุมด้วยไฟฟ้า  ที่ออกแบบ วิ่งหา  จ้างทำและจัดทำชิ้นส่วนต่างๆไว้พร้อมแล้วแต่ยังไม่ได้ประกอบและทดสอบขั้นสุดท้าย   ความจริงลองทำไว้ 1 ชุด เมื่อ 2 วันก่อน แต่เมื่อไม่ได้ทดสอบการใช้งานจริงๆ ก็ต้องถือว่ายังไม่คลอด   วันนี้ตื่นมาเลยรีบคว้าวัสดุและเครื่องมือพะรุงพะรังไปตั้งโต๊ะหลังบ้าน  ตั้งใจว่าจะทำให้ได้สัก  6 ชุด  รวมของเดิมอีก 1 เป็น 7 ชุดปฐมฤกษ์  วิเคราะห์งานแล้วไม่ธรรมดาครับ นับเป็นขั้นตอนย่อยๆได้ดังนี้

    1. ตัดสายไฟ AC ขนาด 2X0.5 SQmm. ยาวประมาณ 35 ซม.
    2. ปอกสายที่ปลายทั้งสองข้างยาวประมาณ 5 มม. รวม 6 เส้น(คู่) ต้องปอกสายทั้งหมด 24 ครั้ง
    3. ตัดท่อหดขนาด 5 มม. ยาวประมาณ 1.5 ซม. 12 ชิ้น
    4. ใช้คีมถ่างส่วนปลายด้านหนึ่งของท่อหดทั้ง 12 ชิ้นให้ยืดออก เพื้อสวมได้จนสุดขั้วต่อของ Solenoid
    5. สวมท่อหดเข้ากับสายไฟทั้ง 12 เส้น
    6. นำปลายสายแต่ละเส้นมาบิดลวดทองแดงรวมเป็นเกลียว ทุกเส้น รวม 24 จุด
    7. สอดปลายสายไฟเข้ารูที่ขั้วทั้ง 12 จุด และพับกลับให้เกี่ยวติด มั่นคงก่อนการบัดกรี
    8. บัดกรีสายไฟเข้ากับขั้วสายทั้ง 12 จุด
    9. เลื่อนท่อหดรูดมาสวมขั้วโลหะจนมิดชิดทั้ง 12 จุด
    10. ใช้ไฟแช๊กแก๊ส ลนบริเวณท่อหดแต่ละจุดจนท่อหดรัดสายและขั้วไฟฟ้าเรียบร้อย ไม่ให้มือสามารถสัมผัสขั้วไฟฟ้าได้
    11. นำน้อตตัวเมีย(Nut) จำนวน 12 ตัวมาตอกฝังในร่องที่ปีกยึดตัว E-Valve ตัวละ 2 จุด
    12. ติดตั้งลูกยางรองสายไฟฟ้าเข้ากับกล่องโลหะทั้ง 6 ใบ
    13. ผูกสายไฟเป็นปมแล้วสอดออกมาจากภายในกล่อง ผ่านรูของลูกยางรองสายทั้ง 6 กล่อง
    14. นำน้อตตัวผู้ (Screw) 12 ตัวมาสวมแหวน (Washer) และขันยึดตัว E-Valve ติดกับกล่อง ทั้ง 6 ชุด รวม 12 จุด
    15. ปิดฝาครอบกล่องด้านบน และขันสกรูยึด กล่องละ 4 จุด รวม 24 จุด
    16. ใช้ไขควงไฟฟ้าชนิดไร้สาย ขันย้ำให้แน่นหนาพอเหมาะทั้ง 24 จุด
    17. นำชุดวาวล์ทองเหลือง 6 ตัวมาถอดน้อตและแหวนสปริง และนำก้านเปิดปิดวาล์วออก
    18. นำวาล์วทั้ง 6 ชุดไปเลื่อยผ่าหัวแกนเปิด-ปิดวาล์วด้วยเลื่อยตัดเหล็ก ปรับแต่งขนาดเพื่อให้ใช้ไขควงปลายแบนหมุนปรับความแรงของน้ำได้ (ถ้าใช้ก้านโยกแบบเดิม  จะปรับง่ายเกินไป อาจมีใครมาปรับเล่นจนระบบทำงานผิดไปจากที่ได้ตั้งไว้ได้)
    19. ใส่แหวนล็อค และน้อตตัวเมียคืนกลับที่เดิม เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นคง แข็งแรงให้กับแกนที่ผ่าไปแล้ว  ป้องกันไม่ให้แกนหักแยกออกมาเมื่อออกแรงบิดมากๆด้วยไขควง
    20. นำขั้วต่อน้ำขาออก(ท่อเล็ก) มาพันด้วยเทปพันท่อประปาและขันยึด ประกอบเข้ากับวาวล์ทองเหลือง หมุนไปจนแน่นหนาไม่ให้รั่วซึม และมีทิศทางอยู่ตรงกันข้ามกับขั้วเปิด-ปิดวาล์ว
    21. ใช้ไขควงปลายแบนหมุนปรับรอยผ่าให้ชี้ในแนวตั้งเพื่อให้เป็นตำแหน่งที่เปิดวาล์วเต็มที่ (เมื่อติดตั้งใช้งานจะได้มีน้ำออกไปทันทีแล้วค่อยปรับลดปริมาณตามความเหมาะสม)
    22. เสียบต่อท่อทองเหลืองของวาล์ว เข้าท่อ PVC ด้านน้ำออก (Water Outlet) ของตัว E-Valve หมุนลงไปเกือบสุด เหลือระยะประมาณ 1 ซม.
    23. หยอดกาวร้อนเข้าที่รอยต่อครั้งที่ 1 และหมุนต่อจนเกือบสุด
    24. หยอดกาวร้อนเข้าที่รอยต่อครั้งที่ 2 และหมุนต่อจนสุดระยะ ให้ปลายท่อน้ำออกชี้ไปทางตรงกันข้ามกับท่อน้ำเข้าของ E-Valve
    25. หยอดกาวiร้อนรอบๆรอยต่อของท่อทองเหลืองและ PVC อีกครั้ง
    26. นำไปวางทิ้งให้แห้ง
    27. เตรียมสายปลั๊กไฟและสายยางต่อน้ำเพื่อการทดสอบการเปิด-ปิดน้ำด้วยไฟฟ้า และตรวจสอบการรั่ว-ซึม
    28. นำ E-Valve ทั้ง 6+1 กล่อง มาทดสอบการทำงานด้วยการปล่อยน้ำเข้า  ลองป้อนไฟฟ้า 220 Volts เข้าขั้วสาย ดูการเปิด-ปิดน้ำ
    29. ทดลองใช้นิ้วมือกดปิดท่อน้ำออก เพื่อดูการรั่วซึม (งานนี้ เดินเข้า-ออก ห้องน้ำเพื่อไปเปิด-ปิดวาล์วน้ำ 4 เที่ยว ต่อการทดสอบ 1 ชุด รวม 7 ชุดก็ 28 เที่ยว .. กำลังจะเซ็งก็ปรับวิธีคิดใหม่ ว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดี)
    30. นำข้อต่อ PVC สำหรับลดขนาดท่อน้ำเข้าให้เสียบต่อสายยางได้  มาหมุนยึดเข้ากับท่อน้ำเข้า ของทั้ง 7 ชุด

          E-Valve ยี่ห้อ HANDY รุ่น EV-01AC จำนวน 7 ชุดก็ได้ถือกำเนิด และผ่านการทดสอบเรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลาประมาณ 11 นาฬิกาวันนี้ ด้วยประการฉะนี้

          จากข้อมูลที่ท่าน Logos นำเสนอไว้  E-Valve ที่เขาขายกันอยู่ เป็นแบบปิด-เปิดน้ำด้วยไฟฟ้าธรรมดา ราคาอยู่ที่ 1100 กว่าบาท  แต่ E-Valve ยี่ห้อ HANDY รุ่น EV-01AC นี้ หากวางจำหน่าย ราคาน่าจะไม่เกิน 600 บาทสำหรับรุ่นธรรมดา (ไม่มีวาล์วทองเหลืองภายนอกสำหรับ ULEM)  และ ไม่เกิน 900 บาท สำหรับชุดสมบูรณ์แบบ (มีวาล์วทองเหลืองและขั้วต่อท่อน้ำเล็กชนิดมีตัวล็อคสายไม่ไห้หลุด เพื่อส่งน้ำเข้าชุด ULEM )

         คงไม่ถือเป็นการโฆษณานะครับ  นึกเสียว่าเผยแพร่งานวิชาการ  แบบแนะนำหนังสือ ตำราก็ได้  เพราะกว่าจะได้มา มันสิ้นเปลืองเงินทอง เวลา และสมอง ตลอดจนสุขภาพไปไม่น้อย  .. และแทนที่จะรีบทำขาย กลับมาย่ำอยู่กับการหาคำตอบว่าทำอย่างไร จะได้รุ่นถูกที่สุด ให้ถึงมือชาวรากหญ้าให้ได้ .. อย่างนี้อีกกี่สิบชาติก็ไม่มีทางรวย .. แต่เท่าที่รู้ ความสุขหาไม่ยากเลยครับ  โดยไม่ต้องรวยอย่างที่ใครบางคนเขาเคยหลอกพวกเรา

         คราวนี้ก็เชิญชมภาพถ่ายครับ .. ผมอยากเรียกว่า “ผลงานหัตถกรรม เมื่อเช้านี้” จังเลย  เพราะงานมือทั้งนั้น และมือของเราเองทั้ง 30 ขั้นตอนย่อยเลยล่ะครับ

        อิ อิ อิ

     

                                               

                                                

             เรื่องปลีกย่อยของการพัฒนาระบบจ่ายกำลัง และการควบคุม ULEM มันกว่านี้อีกหลายเท่า โปรดคอยติดตาม ..  อิ อิ อิ

         


    ความสุขที่หามาง่ายๆเมื่อเช้านี้ .. ที่หลังบ้าน

    6 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 28 พฤษภาคม 2009 เวลา 8:16 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
    อ่าน: 1943

              เห็นคนบ่นแต่เรื่องความทุกข์เลยขอเขียนเรื่องความสุขอีกสักครั้ง ของเดิมใครอยากอ่านเชิญคลิก ที่นี่ และ ที่นี่ ครับ     

              เมื่อเช้าตื่นมามองกล้วยน้ำว้า 2 หวีที่เพื่อนซี้ อ.ชัยรัตน์  กันตะวงษ์ ซื้อบังคับฝากมาเมื่อวาน 

                                                

           ดูท่าทางจะกินไม่ทันเสียแล้วเพราะสุกจัดทั้งสองหวี  ปกติก็จะเอาไปเผื่อคนโน้นคนนี้  แต่คนชอบกินมีอยู่ไม่มากนัก  คราวนี้เลยคิดวิธีใหม่ได้  จึงใช้เชือกฟางผูกห้อยต่อกันลงมาทั้งสองหวี  แต่แทนที่จะแขวนไว้ในบ้านผมกลับเอาไปผูกห้อยไว้หลังบ้านแทน  ในใจก็คิดว่าถ้าจะมีนกสักตัวสองตัวบินมาช่วยกินก็จะดีใจมาก 

                                                 

           และแล้ว  ผ่านไปไม่ถึง 10 นาที  แขกของผมก็มาเยือนครับ  นกกระจาบ 1 ตัวบินมาเจาะกินกล้วยจริงๆด้วย  เขาช่างรู้จักเลือกด้วยครับ  ไปเจาะเอาลูกที่สุกงอมที่สุด  สงสัยเคยเรียนรู้มาว่าเจาะง่ายกว้าไอ้ที่ยังเหลืองๆอยู่  พอเขาจากไปผมไม่รอช้ารีบคว้ากล้องไปเก็บหลักฐานทันที  นี่ครับ ร่องรอยแห่งความสุขทั้งของนก และของคน

                                               

           ผ่านไปแล้วหนึ่งความสุข  หาง่ายจังเลย   แต่แค่นั้นยังไม่พอครับ  เหลือบไปดูพุ่มมะกอกหลังบ้าน  ต้นที่เคยเขียนถึง นั่นแหละครับ  มองไปก็เห็นยอดอ่อนงามๆเยอะมาก 

                                                   

         ครั้นจะเก็บมากินเองก็คงได้สักยอดสองยอดเท่านั้น  และจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยเด็ดมาล้างแล้วเอาไปให้ร้านข้าวแกงหน้าบ้าน  พอเดินผ่านไปอีกทีเห็นเขาเอาไปให้ลูกค้าของเขากินต่ออีก  ยังจำความสุขวันนั้นได้ดี  วันนี้เลยทำอีกครับ  เด็ดยอดงามๆ มาล้างน้ำให้สะอาดแล้วก็เอาไปฝากที่ร้านข้าวแกงอีกเช่นเคย  

                          

               รอยยิ้มของคนรับทำให้เราเป็นสุขได้ไม่เบาเหมือนกัน  .. นี่ก็สุขเสียง่ายๆอีกแล้วครับ .. ไม่ยากเลยจริงๆ

                           อิ อิ อิ

        



    Main: 0.58164381980896 sec
    Sidebar: 1.3806781768799 sec