ความสำเร็จในมุมที่คนไม่ค่อยมอง

4 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 30 กรกฏาคม 2009 เวลา 10:49 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1349
  • ผมมีเพื่อนรักที่รู้ใจกันมากที่สุดคนหนึ่ง เป็นอาจารย์อยู่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เขาเป็นตัวของตัวเองมาก แม้คนจะชื่นชมว่าเรียนเก่ง มีประสบการณ์ชีวิตแห่งการเรียนรู้ทั้งในอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และอีกหลายๆที่ในโลก แต่เขาก็ไม่เคยทะเยอทะยาน แต่มุ่งทำงานรับใช้องค์กร รับใช้สังคม ดูแลญาติพี่น้องลูกหลานอย่างดียิ่ง มีแต่ให้ ให้ ให้ .. และค่อนข้างจะเป็นคนเชื่องช้า เฉื่อยแฉะ แต่ไปอยู่ไหนใครก็รัก และรักแน่น รักนานด้วย
  • บอกชื่อก็ได้ครับ เขาชื่อ ชัยรัตน์  กันตะวงษ์ ครับ.. เจอกันทีไรเรามีเรื่องคุยต่อยอดกันไปไม่มีเบื่อ มีเรื่องแปลกๆเล่าสู่กันฟังสม่ำเสมอ
  • วันหนึ่งมีเพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งซึ่งมีตำแหน่งเป็นผอ.โรงเรียน บอกเขาว่า .. ” มรึงนั้น เรียนก็เก่ง ทำอะไรมาก็เยอะ .. น่าจะไปได้ไกลและก้าวหน้ากว่านี้นะ ” เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่า เขาตอบกลับไปสั้นๆว่า .. ” ไปของมรึงคนเดียวเถอะ
  • เพื่อนผมทำงานมาก มิตรมาก คนรักมาก แต่ไม่มีตำแหน่งอะไร เพราะดูเขาจะไม่ใส่ใจ ความสำเร็จเปลือกๆ เหล่านั้นเอาเสียเลย เราเป็นเพื่อนซี้กันก็คงด้วยเหตุนี้ครับ
  • ชีวิตผมเองมีเรื่องหนักๆผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย ทำอะไรแล้วสำเร็จมากก็มี พลาดมาก็เยอะ ..
  • ดูแล้วไม่มีทางจะได้รับยกย่องเป็นศิษย์เก่าดีเด่น หรือเป็นบุคคลตัวอย่างที่ไหนได้ แต่ขอยืนยันว่า ผมพอใจชีวิตตัวเองมาก และรู้สึกเสมอว่าตัวเอง เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตสูงมาก
  • ผมได้สำเร็จในการเรียนรู้ที่จะสู้กับปัญหาใหญ่น้อยมากมาย  สำเร็จในการปรับจิตใจให้อยู่ได้ในสถานการณ์เลวร้าย ที่หากเป็นบางคนอาจเป็นบ้า ฆ่าคนตาย หรือไม่ก็ฆ่าตัวตายไปแล้ว ..
  • ผมเฉยๆได้ ทั้งกับการได้มา และ การสูญเสีย .. ฯลฯ 
  • จึงขอยืนยันชัดเจนว่า .. ความล้มเหลว หรือเรื่องเลวร้ายที่คนเราได้พบ และผ่านมันไปได้ด้วยรอยยิ้มนั้น .. มีคุณค่ามหาศาล 
  • เพียงแต่พวกเรา หลงอยู่ในกรอบความคิดบางอย่างมากเกินไป จึงไม่อาจใช้ประโยชน์ที่เกิดจากความล้มเหลวของคนเราได้
  • จริงมั้ยครับพี่น้อง
  • อิ อิ อิ


อะไรๆก็ โชคดี

1 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 30 กรกฏาคม 2009 เวลา 10:23 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1084

   เมื่อมีเหตุวุ่นวายในกทม.ช่วงเดือนกันยายน 51 ที่ผ่านมา ผมมีเรื่องต้องเดินทางไปกับชาวคณะศึกษาศาสตร์ ดังรายละเอียดในบันทึกเรื่อง …

     ในการเดินทางครั้งนั้นเริ่มต้นด้วยความทุลักทุเลพอประมาณ  ความวุ่นวายในกทม.ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ผมเองก็ได้รับผลกระทบ และทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ที่สำคัญคือเรียนรู้ตนเอง จากเหตุการณ์วันที่ 3 กย.ครับ ..

  • ไปดอนเมืองเพื่อบินไปเชียงราย ตอน 9 โมง เขาบอกว่าเลื่อนเป็น 10 โมง โชคดี ที่ได้มีเวลาว่าง ได้คิดอะไรแบบสบายๆ 
  • พอใกล้ 10 โมง เขาบอกว่าเครื่องเสียอยู่พิษณุโลก ผมถามว่า เครื่องเสีย หรืออย่างอื่น เขาก็ยืนยันว่าเครื่องเสีย เลย โชคดี ได้นั่งรถฟรีจากดอนเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิ 
  • เครื่องเกิดมีปัญหา เลยต้องออกบ่ายโมงกว่า เลย โชคดี อีกที่ได้นั่งเขียน บันทึกได้อีก 1 เรื่อง ..
  • แผนที่คิดไว้ตลอดสาย จากเชียงราย .. เชียงของ .. สิบสองปันนา ไม่อาจเป็นไปตามที่กำหนด  ผมเลย โชคดี อีกครั้ง ที่ได้มีโอกาส ทดสอบความรู้ ความสามารถว่า จะเอายังไงกับมัน .. ให้ทุกอย่างเป็นไปได้ และ ด้วยดี
  • โชคดีมากครับ โชคดีทั้งนั้นเลย
  • อิ อิ อิ


เมื่อผมสอน “ความจริงของชีวิต”

2 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 29 กรกฏาคม 2009 เวลา 10:44 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1167

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  แต่ไม่นานขนาดจำไม่ได้  ผมเคยสอนวิชาชื่อ “ความจริงของชีวิต” สนุกมาก บรรยากาศมีชีวิตชีวา  ผู้เรียนก็ดูจะมีความสุข  แต่มีคนกล่าวหาว่า “เนื่อหาน้อย“ 
    จำได้ว่าผมเห็นอะไรเป็นสื่อการเรียนรู้ไปได้หมด โดยเฉพาะข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนอื่นๆ  แม้แต่รูป 2 รูปที่ผมถ่ายเล่นเมื่อครั้งผ่านไปแถว เขากบ นครสวรรค์ ที่กำลังเขียนถึงอยู่นี้  ผมนำสองภาพให้ผู้เรียนดูแล้ว คิด เขียน เดี่ยว ตามด้วยเข้ากลุ่มย่อย และคัดสรร นำเสนอต่อกลุ่มใหญ่  ความคิดเห็นผมในฐานะผู้สอนถือเป็นเรื่องเล็กจะเอาไว้ท้ายสุด  และผมก็แอบใช้ Internet หาข้อมูล ความคิดเห็นจากสหายที่ไม่เคยเห็นหน้าที่ pantip.com ตัดต่อทำ Powerpoint เตรียมไว้ปิดฉากด้วย  นี่ครับ ร่องรอยที่พอจะเหลืออยู่ ..

   1. บัวดอกแรกในอ่างบัว บนเขากบ

            

                             2. อีกดอกหนึ่งในอ่างเดียวกัน

                                                    

3. ตัวอย่างบทกวีจากมิตรสหายที่ pantip.com นำเสนอ และผมนำมาปรุงเป็นสื่อปิดท้ายการสอน

        

                  

    

      

   

        ดูๆแล้ว  ผมไม่ได้สอนสักเท่าไหร่เลย  จับโน่น ชนนี่ “จัดการ” ให้เขาได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เสียมากกว่า  ช่างเป็นครูที่ไม่ “ขยันสอน” เลยนะเรา !

      บันทึกนี้เขียนไว้นานแล้ว วางไว้ ที่โน่น  ไปอ่านทบทวนดูก็รู้สึกอยากให้ญาติๆแถวนี้ได้อ่านด้วย เลยหยิบมาวางใหม่ ใกล้ๆตัว และขอแถมท้ายด้วย ข้อคิดความเห็นของผู้คนที่น่าสนใจอีกเล็กน้อย ดังนี้

1.  เนื้อหาน้อยเพราะเป็นแก่น ที่เหลือต้องขบคิดเอง อาจารย์สอนโดยการเปรียบเทียบให้เห็น “จริง” ผมมองว่าสุดยอดแล้วครับ

2. เค้าบอกว่าวิทยากรที่ดี ไม่ต้องมีแผ่นใสสักแผ่น ก็สามารถสอนได้ เพราะเพียงแค่จุดประกายให้ผู้เรียนได้คิดหาคำตอบด้วยตนเอง ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้สามารถคิดได้หลายแง่ หลายวิธี มีคำตอบที่หลากหลาย การฝึกให้คนได้คิดถือเป็นสิ่งวิเศษที่สุดแล้วครับ แบบนี้เรียกว่า กระบี่อยู่ที่ใจ หยิบจับสิ่งใดก็นำมาทำเป็นอาวุธได้หมด สุดท้ายขอชื่นชมทุกคนที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบทเรียนดอกบัวของคุณครูพินิจครับ

3. อาจารย์ครับ  เสียดายผมไม่มีโอกาสได้เป็นลูกศิษย์อาจารย์ ช่วงที่เรียนแต่ก็ขอสมัครเป็นลูกศิษย์ใน Blog พื้นที่เสมือนแห่งนี้นะครับ ไม่ได้ผ่านระบบ เอเน็ต และโอเน็ต ก็คงได้นะครับอาจารย์

4. ครูที่ “ขยันสอน” มีเป้าหมายคือ สอนให้รู้ แต่สอนแบบคุณ “Handy” เนี่ย พี่เม่ยสรุปเอาเองในใจว่า เป้าหมายคือ สอนให้คิด ค่ะ อย่างนี้ต้องเรียกว่า “ตั้งใจสอน” ค่ะ

5. เรียนอาจารย์ Handy ครับ  เป็นอีกคนที่แกะรอยตามมาขอเสริมปัญญาด้วยคนนะครับ อย่างนี้ต้องถือว่า เป็นการสอนแบบ ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ขนานแท้ นะครับผมว่า  อาจารย์ทำหน้าที่ เป็น คุณอำนวย

6. อ่านแล้วได้แนวทางการนำไปสอนเด็กและชาวบ้าน โดยเฉพาะการใช้สื่อและความสุนทรีย์ใจ สอดแทรกศีลธรรมตามวิถีที่อยู่ในความเป็นตัวตนของพวกเขา ขอบคุณที่ให้แนวทางครับ

7. อ่านบันทึกของคุณ Handy ทีไร มีอันต้องเก็บไปคิดก่อนจะกลับมาเขียนความเห็นเรื่อยเลยค่ะ เรียกได้ว่า “จุดประกาย” ได้เสมอจริงๆ   เห็นจริงมากๆโดยเฉพาะกับการสอนลูกค่ะ เวลาให้โอกาส ดูเขาคิด หลังจากเราเลือกสิ่งที่ควรพูดให้ดีๆแล้วล่ะก้อ เขามักจะ”คิด”ได้เองโดยที่เรารู้สึกได้ว่าเขา “get” มากกว่า ลึกกว่าจากการ”ทนฟัง”เราพูดพร่ำค่ะ 

8. เรียนท่านพี่ Handy ตามมาดูครับ เยี่ยมเลย ครับ ขอนำไปใช้ถ่ายทอดต่อครับท่าน


เมื่อด๊อกเตอร์ชาวนามายั่วผม !

ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 29 กรกฏาคม 2009 เวลา 10:16 (เช้า) ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้ #
อ่าน: 1050

    เช้านี้มี “ชาวนา” โทรมาหา และปรารภเรื่องอันน่าหนักใจในสังคมหลายเรื่อง ส่วนมากหนักไปทางด้านการศึกษา และการเรียนการสอน การทำผลงานวิชาการเพื่อเลื่อนตำแหน่ง ปรับเงินเดือน และยังได้พูดถึงข้อสงสัยของท่านว่า สังคมไทยมีความ อดทนสูง หรือมี ภูมิคุ้มกันต่ำ กันแน่

    สิ่งที่คุยกันเราเห็นอะไรตรงกันอยู่มากในหลายๆเรื่อง  ท่านก็บอกว่าอยากให้ช่วยสื่อ ช่วยนำเสนอความจริงเพื่อช่วยกัน “แน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด” ผมก็อยากช่วยครับ  แต่คงทำอะไรได้ไม่มากนักเนื่องจากไม่มีอำนาจ และตำแหน่งอะไรที่ไหน คุยเสร็จผมก็ตามไปอ่านบันทึกของท่าน แล้วก็เกิดอาการ อิน เลยไปต่อยอดไว้ค่อนข้างยาว ดังนี้ …

  • อยากให้สิ่งที่อาจารย์นำเสนอเป็น “ความเท็จ” เหลือเกินครับ
  • แต่มั่นใจมากว่าความอยากของผมคงไม่อาจเป็นจริงได้
  • สรุปก็คือมันแจ่มแจ้ง แดงแจ๋อยู่เต็มบ้านเต็มเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงวิชาการ ยิ่งเจาะลงไปในระบบการศึกษาก็จะยิ่งเห็นชัด
  • การศึกษา แทนที่จะเป็น แหล่งรวมของสติปัญญา กลับกลายเป็นว่าเต็มไปด้วย “ไสยศาสตร์” ครับ
  • ไสยศาสตร์” ในที่นี้มิได้หมายถึงเรื่องโชคลาง ของขลังใดๆ แต่หมายถึง ความมืดดำในความรู้
  • มันมีเรื่อง มืดมัว ไร้เหตุผล ไร้ทิศทาง เต็มไปหมดเลยครับ
  • เริ่มต้นว่าไว้อย่างหนึ่ง  ตรงกลางไปอีกทาง  ตอนท้ายก็ไปอีกเรื่อง
  • ถ้านึกอะไรไม่ออกว่าจะพิสูจน์อย่างไร ก็ลองปีนไปเอา งานวิจัยบนหิ้ง ลงมาไล่อ่านดูสัก 10 เล่มก็ได้ครับ
  • รับบำเหน็จ รางวัล ชื่อเสียงไปเรียบร้อย โดยผลงานที่ทำเป็นเพียงกระดาษเปื้อนหมึก ที่เปลืองทั้งกระดาษและหมึกมากๆ เพราะหนาเหลือเกิน ดูขลังจริงๆ 
  • ครั้นหันกลับไปดูเจ้าของผลงานว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างในการทำหน้าที่การงาน  ก็มักจะพบความจริงว่า “เหมียนเดิม” ไม่มีอะไรใหม่ ทำไปตาม ประเพณีนิยม โดยยึด “อำนาจนิยม” ไว้อย่างเบ็ดเสร็จ และเหนียวแน่น
  • หากสิ่งที่ผมพูดไป “เป็นความเท็จ” ได้ .. ผมจะดีใจมากเช่นกันครับอาจารย์
  • ส่วนเรื่องอาจารย์ตั้งโจทย์ว่าเรา อดทนสูง หรือว่า มีภูมิคุ้มกันต่ำ นั้น ผมว่ามันทั้งสองอย่างนั่นแหละ
  • เริ่มจาก ภูมิคุ้มกันต่ำ ก่อน เพราะเราเคยมีธรรมชาติอุดม สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมดี เอื้ออำนวยให้ “ตามสบาย” และ “ไม่เป็นไร” ได้เสมอ โดยไม่เดือดร้อน ไม่ต้องคิดมาก
  • โลกเปลี่ยนไป เจ้าตัว “ตามสบาย” และ “ไม่เป็นไร” ทำให้เราถูกจูง ถูกหลอก ถูกลากไปตามกระแสโลกาภิวัตน์ หลายด้านเต็มที รวมทั้งด้านการศึกษาด้วย
  • เมื่อปัญหารุมเร้ามากเข้า การฉ้อฉลหลากหลายรูปแบบ ก็เกิดขึ้น มีให้เห็นในทุกวงการ มากบ้าง น้อยบ้าง
  • ผู้มีอำนาจ ทั้งอำนาจรัฐ อำนาจเงิน จึงกุมทุกอย่างไว้ได้ และจะฉ้อฉลอย่างไรต่อก็ได้ เพราะ ภูมิคุ้มกัน ของคนไทยได้ลดต่ำลงไปมากมายแล้ว
  • สุดท้าย ก็คือ “ต้องอดทน” ครับ .. ทนไปพร้อมกับท่องคาถาประจำเผ่าพันธุ์ว่า … ”ไม่เป็นไร” และ “ตามสบาย” ครับผม

         อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าให้ดีควรย้อนไปดู บันทึกต้นเหตุ ของบันทึกนี้ด้วยครับ


ชีวิต กับ ปัจจุบัน

3 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 28 กรกฏาคม 2009 เวลา 9:28 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1302

         “ชีวิตชีวา” ของเรามันอยู่ ณ ปรัตยุบันกาล ณ ขณะที่เรา “กำลังทำ” กำลังใช้ชีวิต “.. อาจารย์หมอสกล สิงหะได้เขียนไว้ในบันทึกหนึ่งของท่าน

  • ผมค่อนข้างพอใจตัวเองที่รู้สึกว่าสามารถทำได้ไม่น้อย ..
  • นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ได้พบว่าหลังจากออกจากราชการมา .. ไม่ได้มีความรู้สึกเคว้งคว้าง เลื่อนลอย หรือเหงาเลย ..
  • เรื่องควรทำ  น่าทำ และอยากทำ ยังมีอีกมากมายนัก
  • ยิ่งชินกับการทำงานโดยไม่ได้นึกถึงผลประโยชน์ของเราเป็นใหญ่ แต่มองออกไปถึงสิ่งที่ผู้คนอื่นมากมายจะพลอยได้รับอานิสงส์จากสิ่งที่เราคิดและทำ .. งานทุกอย่างก็เลยสนุก และให้ความเพลิดเพลินไปทันทีในขณะที่ทำ ..
  • ยังไม่ทันเห็นผลสุดท้าย เราก็เก็บเกี่ยวความสุข ความพอใจไปแล้วมากมาย เก็บเอาตอนที่ใจจดจ่อ อยู่กับสิ่งที่ทำ ณ ปัจจุบันขณะ นั้นๆ นั่นเองครับ ..
  • พักผ่อนด้วยการทำงานจึงเป็นจริงได้ไม่ยาก
  • ปัจจุบันเป็นเช่นนั้นจริงๆครับ .. ส่วนอนาคต ก็คงต้องคอยตรวจสอบ คอยสังเกตกันต่อไป .. แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่น่าเป็นห่วงครับ
  • อิ อิ อิ

   หมายเหตุ

              ผมคิดและเขียนต่อเติมไว้ในบันทึกเรื่อง รู้สึกการมีชีวิต เมื่อใช้ชีวิต ของอ.หมอสกล  สิงหะ และท่านก็ได้มาตอบผมด้วยล่ะ ว่า ….

   ”  สวัสดีครับ ขอบคุณที่กรุณามาเยี่ยมเยียน และเติมต่อ ฟังที่อาจารย์เล่า นี่เป็น dream retirement ของผมเลยนะครับ ที่ยังรู้สึก “เต็ม” ต่อๆไป เป็นอิสระ และได้ทำในสิ่งที่ตนเอง 100% pick, choose ที่จะทำต่อ จะพยายามทำให้ได้อย่างอาจารย์ครับ
     ขอบพระคุณที่ช่วยทำให้เป็นกำลังใจว่า เป็นสิ่งที่เป็นไปได้จริงๆที่จะทำครับ


เช่นนั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 28 กรกฏาคม 2009 เวลา 12:06 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 997

         ผมไปอ่าน บันทึกนี้ ของ “ลุงแหวง” แล้วเกิดอาการอยากต่อเติม จึงไปว่าไว้อย่างนี้ครับ ..

สวัสดีครับ

  • เข้ามาช้าไปหน่อย แต่ตามอ่านแบบละเอียด
  • คิดว่ามองเห็นและเข้าใจตามที่สื่อมาครับ
  • ผมอาจโชคดีหน่อยที่นอกจากได้อ่าน ได้บวชเรียนและอยู่ใกล้ท่านอาจารย์อยู่ช่วงหนึ่งแล้ว .. สมัยเด็กๆก็ยังได้วนเวียนอยู่แถวสวนโมกข์ ไปช่วยงาน กิน นอนอยู่ที่นั่น ได้ยินได้ฟังคำของท่านอาจารย์ และนำมาตรึกนึก และใช้ประโยชน์ได้มาตั้งแต่ชั้นมัธยม แต่ก็เป็นบางเรื่องนะครับ
  • สิ่งที่ได้ใช้บ่อยที่สุดเรื่อยมาคือคาถา “เช่นนั้นเอง” ครับ หลังๆมาก็เสริมด้วย “อตัมยตา” อีกตัวหนึ่ง ( ”อตัมยตา” = กรู ไม่เอากับ มรึง แล้วโว้ย ..  มรึง  หมายถึง สิ่งอันไม่ควรยึดถือทั้งหลาย ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ )
  • ตถตา” หรือ “เช่นนั้นเอง” ช่วยได้มากจริงๆ  ทำให้ไม่ต้องตื่นเต้นกับปรากฏการณ์แห่งความเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งซีกบวก และลบ .. ซึ่งในนั้นมันแฝง “ความไม่ยึดติด” เอาไว้ด้วยเรียบร้อยแล้ว
  • ส่วนที่ว่า .. ทำบุญ ทำทาน เพื่อกรุยทางสะดวกให้ชีวิตตัวเองอยู่และตายอย่างมีประโยชน์ .. อ่านแล้ว ทำให้นึกถึงคำสอนของท่านอาจารย์ที่ว่า การให้ทาน มี 3 แบบคือ ..
  • ทำทานเพื่อส่งเสริม “ตัวกู-ของกู” ชนิดเลว
  • ทำทานเพื่อส่งเสริม “ตัวกู-ของกู” ชนิดดี … และ
  • ทำทานเพื่อขัดเกลาและส่งเสริมการสิ้นไปซึ่ง “ตัวกู-ของกู”
  • สวัสดี และ อิ อิ อิ ครับ

           ถ้าใครยังไม่ได้คลิกตามไปอ่านฉบับเต็มก็ขอให้ลองเข้าไปดูนะครับ ที่ บันทึกนี้ ลุงได้สาธยายไว้ละเอียดเลยล่ะ


ชีวิตนี้เพื่ออะไร

1 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 25 กรกฏาคม 2009 เวลา 12:50 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 917
  • สำหรับผมโดยส่วนตัวแล้วกำหนดเอาว่า ชีวิตนี้มีไว้ทำ “หน้าที่” ครับ
  • หน้าที่ทั้งนั้นครับ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ จนถึงเรื่องภารกิจการงานสำคัญที่ได้รับมอบหมายจากองค์กรที่เราสังกัดอยู่  เรียกว่า ทุกอย่างที่ทำล้วนเป็นการปฏิบัติหน้าที่ ครับ
  • แต่เพื่อไม่ให้สับสนก็มีกรอบของมันเหมือนกัน  ได้แก่ หน้าที่ต่อตัวเอง ต่อบุคคลอื่น ต่อองค์กร ต่อสังคม ต่อโลก และต่อสรรพสิ่งที่แวดล้อมตัวเราอยู่ เป็นต้น
  • หลายครั้งมันคลุกเคล้ากันอยู่ ก็ยอมให้มันเป็นไป เช่นทำหน้าที่สื่อสารให้ความรู้แก่ผู้คน แล้วเขาก็เรียกร้องให้เราทำอะไรด้วยฝีมือและความรู้ของเราให้แก่เขา  สุดท้ายก็กลายเป็นผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆกลับมาหล่อเลี้ยงชีวิตเราด้วย  
  • แต่เรื่องนี้ผมโชคดีที่มีแรงต้านจากภายในสูงในการที่จะไม่เอาเปรียบผู้คน .. จึงค้นพบตลอดมาว่ามักจะเป็นฝ่ายให้มากกว่ารับ .. ดูเหมือนจะคุยโม้ แต่ขอยืนยันว่าเป็นจริง และมีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมมากมาย
  • การทำหน้าที่ทั้งหลายโดยมองออกนอกตัว เล็งประโยชน์ผู้อื่น หรือคนหมู่มากเข้าไว้ หากทำไปจนชินก็จะพบว่า ความสุขจากการ ไม่ต้องมี นั้นเบาสบาย และ หาง่าย ยิ่งนัก
  • อิ อิ อิ

  • เบื้องหน้า เบื้องหลัง วันอาม่าไป ไทยมุง

    5 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 16 กรกฏาคม 2009 เวลา 11:21 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
    อ่าน: 1459

       เล่าแบบเร่งด่วนด้วยภาพดีฝ่า …

                                            

     

     

     


    วันนี้ผมไปขึ้นศาลอาญา !

    6 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 13 กรกฏาคม 2009 เวลา 11:11 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องจริงที่เหลือเชื่อ #
    อ่าน: 952

    วันนี้ไปศาลอาญามาครับ !

          คุณศิวกร ที่เป็นทั้งลูกศิษย์เก่าและเสมือนลูกชายไปด้วยพร้อมๆกัน โทรมาบอกก็รีบแต่งตัวและเดินไป เพราะศาลอยู่ไม่ไกลบ้านสักเท่าไร

          เรื่องที่ถ้าไม่เกรงใจผมอยากเรียกว่า “เรื่องบ้าๆ” มันยังไม่จบสิ้นครับ  เห็นบอกว่ากำลังไกล่เกลี่ยกันอยู่ที่ชั้น 7 และทางฝ่ายโจทย์ขอเรียกค่าเสียหาย 5 หมื่น นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมต้องรีบเดินและกะว่าจะใช้การพูดเรื่องจริง สยบทุกอย่างให้ได้ และก็ทำสำเร็จด้วยครับ

          มีอย่างที่ไหน ที่คนมาอยู่อาศัยในที่ของเรา ที่เรายอมให้ด้วยเมตตาเอื้ออารี กลับมาฟ้องร้องว่า เราบุกรุก และตำรวจบ้าบางคนที่สน.บางซื่อก็ดันรับฟ้อง จับกุมคุมขังผู้บริสุทธิ์คือลูกชายเพื่อนผมมาแล้วเมื่อ 6-7 ปีก่อน นอนห้องขังอยู่ 1 คืน จึงออกมาได้ กระทบกระเทือนใจ และงงมากเพราะแกเป็นเด็กญี่ปุ่น อาการประสาทหลอนกำเริบ จนสุดท้าย โดดตึกตายต่อหน้าผมมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน  ก่อนแกตายแกมักหวาดผวาและบอกว่ากลัวตำรวจ 

          ผมก็พยายามไปเคลียร์อย่างดีที่สุดตั้งแต่คราวโน้น และลงเอยด้วยดี คือเรายอมใช้คนของเรา ใช้รถของเราช่วยขนของที่เขาเอามาวางในที่ของเราไปให้ถึงบ้าน โดยมีตำรวจรู้เห็นเป็นพยาน เพื่อให้เรื่องมันจบๆ ทั้งๆที่ถ้าจะเล่นกลับมันคงร่วงไปทั้งคนที่ฟ้องเรา และตำรวจที่รับฟ้อง คิดดูเถิดมาอาศัยเราแล้วแจ้งจับคนของเราว่าบุกรุก มันบ้าหรือดี 

          ผ่านไปหลายปี คุณศิวกร ที่เคยขับรถไปส่งของให้ฟรีๆก็ถูกตำรวจจับอีกตามหมายศาลเมื่อ 2-3 เดือนก่อน  และผมต้องหาเงิน 5 หมื่นไปประกันตัวเขาที่สน.บางซื่อมาแล้ว จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้เงินคืน   เรื่องที่ว่าจบมันดันมีเอกสารส่งต่อมาถึงศาลครับ มาจากสน.บางซื่อนั่นแหละ ทำกันอีท่าไหนไม่ทราบได้ สุดท้ายนายศิวกร ต้องไปจ่ายเงินอีกร่วมสองหมื่น เพื่อให้บริษัทหนึ่งมาประกันตัว เพราะเขาไม่มีเงิน 

         วันนี้ทางฝ่ายโน้นมาเพื่อรับการไกล่เกลี่ยโดยเรียกค่าเสียหาย 5 หมื่น ผมก็ได้ไปบอกเรื่องราวให้ท่านผู้พิพากษา และตัวแทนฝ่ายโจทย์ได้รับรู้ความจริงแล้วก็อยากจะรู้ว่ายังจะเรียกร้องค่าเสียหายอีกหรือไม่ .. สุดท้ายทุกอย่างจบครับ ไม่มีฝ่ายใดติดใจ ผมก็ฝากข้อคิดไว้กลางวงว่า ชีวิตคนเราเหลือกันอยู่ไม่มาก น่าจะยังมีเรื่องอะไร ที่ดีๆ และมีสาระให้ทำอีกเยอะ .. และให้มั่นใจว่าผมจะไม่ไปฟ้องกลับให้วุ่นวาย  ทั้งๆที่โดยรูปการณ์แล้ว  มีช่องให้ทำได้มากมาย ทั้งกับฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าเป็นโจทย์ และบุคลากรที่เรียกตัวเองว่าผู้พิทักษ์สินติราษฎร์บางคน .. 

          เรื่องเหล่านี้นับว่าจิ๊บจ๊อยมาก ถ้าเทียบกับอีกสองสามเรื่องที่ผมโดน .. จากบุคคลที่เราให้ความรัก เมตตา ปรารถนาดี และทุ่มเททุกอย่างให้ไปจนเกินพอดี แบบว่า เมตตา กรุณา จนลืมอุเบกขานั่นแหละ .. แต่พูดไปจะกระทบบุคคลอื่น จึงขอผ่านไปไม่พูดถึงดีกว่า .. กรรม คือการกระทำของใคร ก็ย่อมนำไปสู่การรับผลที่คู่ควรอยู่โดยธรรมชาติแล้ว ..

          ผมมีหน้าที่เป็นผู้ดูที่ฉลาดเท่านั้น .. และจะไม่โง่พอที่จะให้เรื่องไร้สาระทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มาเบี่ยงเบนความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งที่ควรทำ เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข ตามที่ได้ตั้งใจไว้

         อิ อิ อิ .. อีกครั้งก็ยังได้

          อิ อิ อิ


    รำลึกเรื่องราวคราวเดินทางไปส่งแม่

    ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 4 กรกฏาคม 2009 เวลา 12:38 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
    อ่าน: 977

       บันทึกนี้ตั้งใจจะรวบรวมสิ่งทีได้ขีดเขียน บันทึกเรื่องราวเมื่อคราวเดินทางไปอยู่กับแม่  จนกระทั่งได้ส่งแม่คืนกลับสู่ธรรมชาติเดิม
    แม้ไม่สมบูรณ์เพราะเขียนในสถานการณ์ที่มีความวุ่นวายหลายๆด้าน แต่เมื่อย้อนอ่านก็รู้สึกว่ามีประโยชน์ในหลายแง่มุม อย่างเช่นที่พี่ชายแท้ๆ Mr. Augustman ได้เขียนบอกไว้ในบันทึกหนึ่งว่า ..

                ………………………………………………….

         ” …  สวัสดี น้อง Handy
    ที่ผ่านมาช่วงอยู่กับแม่จนกระทั่ง….แม่จากพวกเราไป
    พี่เปิดไปอ่านบันทึกในช่วงแรกแค่แวบ ๆ เนื่องด้วยเวลาไม่อำนวย
    กลับมาบ้านที่ศรีราชามีเวลามากขึ้นจึงได้ย้อนอ่านตั้งแต่บันทึกแรก ๆ
    เก็บภาพที่สำคัญเซฟเก็บไว้ รวมทั้งอ่านความเห็นของท่านอื่น ๆ ด้วย
    ยอมรับว่าซาบซึ้ง ประทับใจจนน้ำตาซึมทีเดียว ลูกสาว(หลานแอน)
    บอกว่าอ่านทีไร…อดน้ำตาไหลไม่ได้
    อยากบอกได้เพียงว่าแม่ของพวกเราท่านไป”อย่างสงบงาม” อย่างที่ว่านั่นแหละ
    มีโอกาสคงได้พบกันในงานทำบุญครบ ๑๐๐ วัน คิดว่าคงในราวกลางหรือปลายเดือนสิงหาคม ๒๕๕๑
    สุดท้ายขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามาอ่านและร่วมอาลัยในการจากไปของคุณแม่ ครับผม ”

         ……………………………………………………

              เพื่อให้ตามดูได้โดยสะดวกตามลำดับของเหตุการณ์ จึงขอนำทุกบันทึกที่เกี่ยวข้องมาเรียงไว้เป็นชุดดังนี้ ..

  • เตรียมตัว เตรียมใจ ไปไชยา
  • รายงานสด ก่อนรถถึงไชยา
  • อยู่กับแม่ .. ยามใกล้ฝั่ง
  • ประยุกต์เทคโนโลยีช่วยให้แม่ฟังพระสวดทำวัตรเช้า
  • แม่ กับ พระและวัด
  • อยู่กับแม่วันที่สาม
  • อยู่กับแม่วันที่สี่
  • แม่จากไปแล้ว
  • หนังสือธรรมะเล่มเล็ก ดีๆ 5 เล่ม
  • กลั่นความจากใจ ใส่หนังสือที่ระลึก
  • วันที่สองของการที่แม่จากไป
  • คืนนี้คืนที่สาม
  • เมื่อคืนนี้คืนที่สี่
  • คืนสุดท้ายที่(ร่าง)แม่จะอยู่กับพวกเรา
  • บันทึกบนรถทัวร์แถวราชบุรี
  •         สวัสดีครับ



    Main: 0.22212600708008 sec
    Sidebar: 0.010976791381836 sec