กำลังใจจากการอ่านเรื่องราวในอดีต (๑)

3 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 18 พฤษภาคม 2009 เวลา 7:29 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1878

   ใส่เลข (๑) ไว้แปลว่าอาจมีตอน ๒ .. ๓ ต่อไปครับ .. ถ้าเหตุปัจจัยเอื้ออำนวย

    วันนี้ขณะค้นหาเอกสารเพื่อคัดเลือกส่งไปทางสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เพื่อสำเนาแจกนักศึกษาศิลปศาสตร์ 5 ปี ที่จะไปสอนในวันที่ 22 และ 24 พค.นี้ บังเอิญไปเจอข้อมูลย้อนกลับจากการไปทำงานตั้งแต่ปี 45 ที่ม.ราชภัฏสุราษฎร์ธานี  สมัยที่ยังเป็นสถาบันราชภัฏอยู่  จำได้ว่าผมได้ทุ่มใจให้กับงานมากแค่ไหน และเป็นการประยุกต์ใช้แนวทางการจัดการความรู้เข้ามาสู่การเป็นวิทยากร ทำหน้าที่ Facilitator แทน Lecturer เป็นครั้งแรก  ผมจำได้ถึงสีหน้า แววตาของอาจารย์ใหม่ผู้เข้ารับการอบรมทุกคน  เป็นครั้งแรกที่ผมกลับถึงกทม.แล้วได้โทรศัพท์คุยกับทุกคน  ถามความรู้สึกและสารทุกข์สุกดิบ  นอกจากข้อความประทับใจที่เขียนใส่ใบประเมินรูปหัวใจให้ผมแล้ว  บางคนยังส่ง e-mail อันน่าประทับใจตามมาอีก  แม้จะผ่านมานานหลายปีอ่านแล้วยังส่งเสริมกำลังใจได้ดี อย่างน้อยก็เป็นเครื่องชี้ว่าสิ่งที่เราได้ทำไปน่าจะเดินถูกทาง และต่อไปนี้คือบางส่วนจากข้อความที่เขาบรรจงเขียนฝากผมมาครับ …

  •  ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ วันนี้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างผมจะต้องปรับกลยุทธ์ในการสอนเพื่อพัฒนาและผลิตบัณฑิตของชาติไทย …
  • ขอขอบพระคุณ อ. พินิจมากค่ะ การมาสัมมนาในครั้งนี้ทำให้ได้รับแรงบันดาลใจและได้พบเห็นการทุ่มเทในการทำงานของอาจารย์และจะนำไปใช้เป็นแบบอย่างต่อไปค่ะ หวังว่าจะเป็นได้เพียงบางส่วนของอาจารย์ค่ะ
  • หลังจากอบรมปฎิบัติการหลักสูตรการประยุกต์ยุทธศาสตร์ “ฉลาดรู้” โดย อ.พินิจ พันธ์ชื่น ผมได้พกเอาความคิดใหม่ ความรู้กลับไปด้วยเหมือนผมได้เปิดประตูแห่งความรู้อีกประตูหนึ่ง
  • มีความสุขใจมากๆ เมื่อได้พบ “คุณครู” ที่ดี โดยเฉพาะการเป็นตัวอย่างที่ดีสมดังคำพูดของใครไม่ทราบว่า สอนเป็นพันเป็นหมื่นคำ/ครั้ง สู้การปฎิบัติให้ดูเป็นตัวอย่างไม่ได้คือมีผลคณานับหมื่นมากมาย .. ดร.สมคิด รัตนพันธุ์
  • ดิฉันเป็น 1 ในจำนวนผู้ที่เข้าอบรมที่ ร.ร. สยามธานี รู้สึกประทับใจกับความทุ่มเทของ อาจารย์ในการที่ให้เกิดการอบรมครั้งนี้มีประสิทธิภาพบรรลุผลตามเป้าหมายและเป็นแรงกระตุ้นที่จะทำให้ดิฉันเป็นครูที่ดีและทุ่มเทแก่ลูกศิษย์จริงและตอนนี้ดิฉันก็หลงรักอาชีพครูแล้วค่ะ ...วิมล
  •  …วันวาน….. มีความรู้และประสบการณ์เพียงเล็กน้อย……วันนี้…..อ.พินิจได้จุดประกายความคิดไขข้อข้องใจได้ดีมาก……พรุ่งนี้…..จะนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ที่สุดค่ะ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณค่ะ……….. กาญจนา จันทร์มณี
  •  อ. พินิจ พันธ์ชื่น ..  ขอขอบคุณสำหรับความรู้ที่ได้รับ 2 วันสำหรับผมแล้วดูมีคุณค่าอย่างมากมาย เพื่อใช้ในวิชาชีพที่มีความรักต่อไป……….อ. โสภณ พงค์สุพพัต
  •  ขอบคุณที่ อ. พินิจ ได้มาบรรยายให้ สรภ. ประทับใจที่อาจารย์เตรียมตัวมาดีมาก อุปกรณ์ก็พร้อมแม้ว่า วัยล่วงเลย …..แต่มีไฟในการทำงานมากเหลือเกิน

         แหม ! รายสุดท้ายที่คัดมาให้อ่านนี่ อะไรก็ดีหมด  ยกเว้นไอ้ที่ผมทำ ตัวหนา ไว้น่ะ .. ไม่ต้องบอกก็ได้นิ .. จริงมั้ยท่านผู้ชม

         อิ อิ อิ


เก็บแสงแดดไว้ใช้ยามค่ำคืน ที่สวนโมกข์

3 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 12 พฤษภาคม 2009 เวลา 2:01 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1439

    ปี 2531 ผมบวชเรียนและจำพรรษาอยู่ที่สวนโมกข์  นอกจากการศึกษาและปฏิบัติธรรมแล้ว ยังมีเกร็ดประสบการณ์ด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพื่อแก้ปัญหา  และลองวิชา ที่อยากนำมาบันทึกเอาไว้อ่านกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ และการขยายผลจากความรู้ดังกล่าวให้กว้างขวางออกไป

    ก็ตามหัวเรื่องของบันทึกนี้แหละครับ  ” เก็บแสงแดดไว้ใช้ยามค่ำคืน “ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และเป็นความตั้งใจตั้งแต่ก่อนเดินทางไปที่นั่นแล้วล่ะครับ  คือช่วงปี 27-29 ที่ผมใช้ชีวิตศึกษาดูงานอยู่ที่ญี่ปุ่น  และไปลุยคลองถมญี่ปุ่น คือย่าน Aki habara เกือบทุกสัปดาห์ และหาซื้อ ของแปลก ของถูกจำพวกวัสดุที่ใช้ในงานไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ ไว้มากมาย เพื่อทดลองอะไรต่อมิอะไรด้วยใจรัก  หนึ่งในจำนวนนั้น ผมได้แบตเตอรี่พลังแสง (Solar Battery) ขนาดใส่กระเป๋าเสื้อได้มาตัวหนึ่ง  ลดราคาเหลือประมาณ 450 บาท  จากราคาจริงราวๆ 1000 บาท  มันสามารถจ่ายแรงดันได้ประมาณ 3 โวลต์ และกระแสประมาณ 200 mA. ซึ่งเพียงพอที่จะประจุ หรือ ชาร์จ ไฟให้กับแบตเตอรี่ หรือ “ถ่านชาร์จ” ชนิด Ni-Cd ได้  ก่อนไปสวนโมกข์ก็เลยตั้งใจมั่นว่าตลอดพรรษา จะลองเก็บแสงแดด  แปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า  เก็บไว้ในถ่านขนาดกลาง 2 ก้อนที่ใช้กับไฟฉายดู โดยจะไม่ยอมซื้อถ่านไฟฉายเลยตลอดพรรษา  แล้วก็ทำได้สำเร็จครับ  ดัดแปลงง่ายๆด้วยการ  เอากระดาษม้วนห่อถ่านไฟฉายทั้ง 2 ก้อนให้เรียงต่อกันแบบอนุกรม แล้วใช้ยางรัดของ รัดหัว-ท้าย  ก่อนต่อสายจากช่อง DC.Out มายังขั้วบวก-ลบของถ่าน  จากนั้นก็นำชุดอุปกรณ์ไปวางรับแสงแดดข้างกุฏิ  บางทีเงาพุ่มไม้ทอดผ่านมาบังก็ไปขยับ ย้ายที่ตั้งเสียหน่อยเพื่อให้แผ่น Solar Cells ได้รับแสงแดด

    ทุกคืนทั้งตอนหัวค่ำและตอน ตี 3 ตี 4 ที่เราจะต้องมารวมตัวกันสวดมนต์ทำวัตรที่ลานหินโค้ง  ผมได้อาศัยแสงสว่าง  จากไฟฉายกระบอกนั้นเป็นเครื่องส่องนำทาง  และ เป็นแสงที่เก็บมาจากดวงอาทิตย์ในตอนกลางวัน  โดยปลี่ยนแสงแดดให้เป็นไฟฟ้าและเก็บพลังงานไว้ในถ่านไฟฉาย 2 ก้อนนั้น โดยที่ ไม่ต้องซื้อถ่านไฟฉายเลยแม้แต่ชุดเดียว จนตลอดพรรษา  ปัจจุบันอุปกรณ์ดังกล่าวก็ยังคงอยู่และใช้งานได้ดี .. ไม่น่าเชื่อนะครับ  ผ่านมากว่า 20 ปีแล้วนะเนี่ย .. ( เอ๊ะ ไม่น่าบอก .. ความลับเรื่องเป็น สว. เลยรั่วไหลหมด )

       นี่ครับ เจ้า ” Pocket Solar Battery ” ตัวเก่ง ที่ซื้อมาตั้งแต่ 15 มีนาคม 2529

            

หมายเหตุ

      เดี๋ยวนี้แผ่น Solar Cell ราคาถูกลงมาก และหาซื้อได้ง่าย  ดัดแปลงทำเองได้ไม่ยากเลย .. ข้อสำคัญอย่าโลภมาก อยากได้พลังงานเยอะๆ ไปแทนไฟบ้าน .. อันนั้นน่าจะต้องคิดอีกหลายรอบเพราะมีปัจจัยและตัวแปรที่ต้องคำนึงถึงอีกหลายตัว .. แต่ถ้าคิดเล็กๆ ทำเล็กๆไปก่อน .. ความสำเร็จมีให้ชื่นชมและภาคภูมิใจได้เสมอครับ


เชื่อหรือไม่ 1 เหรียญบาทไทยของผมเคยมีค่ากว่า 10,000 เยน

4 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 12 พฤษภาคม 2009 เวลา 1:42 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1365

    เรื่องนี้เคยเล่าไว้หลายที่ .. แต่แถวๆนี้ดูเหมือนยังไม่เคยบอกใคร .. คิดแล้วไม่รอช้า .. รีบไป Copy มา แต่รับรองไม่มีปัญหา  เพราะ Copy ของตัวเอง .. อิ อิ อิ

    เรื่องมีอยู่ว่า …

    หลายปีมาแล้วผมโชคดีได้ไปย่ำแดนอาทิตย์อุทัยอยู่ 18 เดือน จะเรียกปีครึ่งก็ได้  ไม่ว่ากัน ทั้งนี้โดยรัฐบาลพี่ยุ่นแกออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้  ถ้าจ่ายเองทั้งหมดน่าจะต้องกลับมาทำงานข้ามภพข้ามชาติเพื่อใช้หนี้เป็นแน่  ไปถึงวันแรกลองเดินดูราคาสินค้าใน Supermarket นอกกรุง Osaka เจอแตงโมใบละ 300 - 400 บาท  ข้าวสารถังละ ราว 2000 บาท ก็หนาวแล้วครับ
       ผมต้องอยู่เรียน นิฮ่งโกะ( ภาษาญี่ปุ่น ) นาน  6 เดือนเต็มที่ Osaka University of Foreign Study ( Osaka Gai Dai )  เราอยู่ไกลไปทางเหนือของกรุง Osaka เรียกว่า สุดสายรถไฟฟ้าของบริษัท Hankyu แล้วยังต้องต่อรถเมล์ลัดเลี้ยวไปจนสุดสายบนไหล่เขาอันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย  คิดดูก็แล้วกันสถานีปลายทางที่เราขึ้นลงอยู่ประจำยังชื่อ   Kita Senri เลย  Kita=ทิศเหนือ  Sen=1000  Ri=ลี้    เรียกว่าห่าง Osaka ไปทางเหนือถึงพันลี้ อะไรทำนองนั้น  เรื่องที่จะเล่าก็เกิดขึ้นที่สถานีแห่งนี้แหละ
       วันนั้นผมกับพวก 3 คนซึ่งเป็นคนไทยและอยู่ในสถานภาพเดียวกัน  ลงจากรถไฟฟ้าแล้วเกิดหิว ความจริงควรเรียก ” อยาก ” มากกว่า  เลยเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่งในสถานี  นั่งอยู่นาน ปลาดิบก็ยังไม่มา  เบียร์ก็ยังไม่มาเลยคว้าไก่ KFC ในถุงที่ซื้อติดมือมาขัดตาทัพไปคนละชิ้น  แต่ไม่ทันจะได้ครึ่งชิ้นเลยเจ้าของร้านรีบมาบอกว่าทำไม่ได้นะ แต่วันนี้ไม่เป็นไร เราก็ได้แต่ขอโทษและเขิน  ส่งไก่ทอดกลับลงถุงตามเดิมและก็ต่อด้วยอาหารที่สั่งได้พอดี  กินไปคุยไป ประสาคนไปถึงใหม่ๆ มีเรื่องให้เม้าท์กันได้ไม่รู้จบ  อาหารก็หมุนเวียนกันมาให้เราทำลายล้าง จานแล้วจานเล่า  คะเนว่าถึงตอนนั้นมูลค่าต้องไม่น้อยกว่า 10000 เยนแน่นอน
       เรื่องสำคัญคือโต๊ะข้างๆมีหนุ่มใหญ่ชาวอาทิตย์อุทัย 3-4 คนนั่งอยู่แต่ผมไม่สนใจเพราะตามัวแต่จ้องมองสาวสวยในชุดกิโมโนสีสดใส  และเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ยืนเคลียคลออยู่กับหนึ่งหนุ่มที่โต๊ะนั้น  ผมสบตาเธอโดยผู้ชายคนนั้นไม่อาจได้รู้เห็นเพราะมัวสนใจแต่แก้วเบียร์และอาหารบนโต๊ะ    ผมพยักหน้าแล้วเธอก็เดินมาหา    โอ!พระเจ้าช่วย   คาดไม่ถึงว่าเธอจะกล้า คิดอะไรไม่ออก เลยหยิบเหรียญเงินไทย 1 บาทใส่มือเธอ พร้อมกระซิบเบาๆว่า Omiyake Desu ( ของที่ระลึกน่ะครับ )  ชายคนนั้นหันมาเห็น   ดูท่าทางเขาตกใจมาก  เดินรี่เข้ามาที่ผมและสาวน้อยคนนั้น พร้อมส่งเสียงฟังไม่ได้ศัพท์  แต่พอเดาๆความหมายได้ คล้ายๆว่าอย่ารับ อะไรทำนองนั้น  ผมก็ไม่ลดละความพยายามพูดซ้ำในความหมายว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ของที่ระลึกเล็กน้อยและด้อยค่าเท่านั้น แล้วเขาทั้งคู่ก็กลับไปที่โต๊ะด้วยกัน   ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกจนหนุ่มคนเดิมเดินไปชำระเงินค่าอาหาร   และก่อนออกจากร้านได้แวะมาที่โต๊ะพวกเราอีกครั้ง  พร้อมบอกอะไรบางอย่าง จับความได้ว่า “จ่ายแล้ว” เราก็ได้แต่ขอบคุณด้วยความงง ๆ ๆ และ งง    
        ตั้งแต่วันนั้นเพื่อนคนไทยทั้งสองคนของผมไม่เคยลืมพกเงินเหรียญบาทติดตัวทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก
แต่เท่าที่ทราบ 1 บาทมีค่ากว่า 10000 เยน ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย….
        ต้องขออภัยอย่างยิ่งครับที่ลืมบอกว่าผู้หญิงในชุดกิโมโน  อายุเท่าไหร่ ?  ประมาณ 3 ขวบ ครับ ….. อิ อิ อิ

       


เซียงเพียวอิ๊วกัดสนิม

2 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 9 พฤษภาคม 2009 เวลา 10:25 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2698

   เครื่องมือที่มีคุณภาพ กับช่างที่มีฝีมือนั้นเป็นของคู่กัน .. หลายท่านทราบดี  ในงานไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์นั้น มีเครื่องมือเครื่องใช้หลายอย่างที่หากเห็นแก่การประหยัด ซื้อของถูกมาก ประเภทสวยแต่รูปมาใช้ล่ะก็มีสิทธิ์เสียเชิงช่างได้เสมอ  เริ่มตั้งแต่ไขควง (Screw Driver)  ดอกสว่าน  และคีมชนิดต่างๆ  ฯลฯ

   พูดถึงคีม ทำให้นึกถึงคีมตัด-ปอกสายไฟครับ  ของโหลๆทั่วไปใช้แล้วใหรำคาญยิ่งนัก ตัดไม่ขาด  ปอกไม่ออก ความคมแทบไม่มี  เสียความรู้สึกของคุณช่างไม่น้อยเลยทีเดียว  ผมชอบของดีครับแต่ไม่อยากจ่ายแพง  เรื่องนี้คลองถมช่วยได้ครับ  แต่ต้องรู้จักของนะ  คีมดีๆจากแดนอาทิตย์อุทัยที่นิยมชมชอบยี่ห้อหนึ่งคือ Keiba ครับ  ราคาหลายร้อยบาทเคยซื้อได้ตัวละ 60 บาทก็มี  ของใช้แล้วแต่ยังอยู่ในสภาพดี  ประหยัดได้ใครบ้างไม่ชอบ  จริงมั้ยท่านผู้ชม

   คีม Keiba ของผมตัวหนึ่งเก็บไว้นานไม่ค่อยได้ใช้  วันก่อนหยิบมาลองดู ปรากฏว่าขยับแทบไม่ได้  สนิมคงเกาะอยู่ภายในส่วนที่เคยเคลื่อนไหวได้และไม่มีอาการโยกคลอน  ปกติก็ต้องหาน้ำมันหล่อลื่น หรือสเปรย์เอนกประสงค์มาช่วย  แต่วันนั้นมองรอบตัวไม่มีอะไร นอกจากน้ำมันเซียงเพียวอิ๊ว ที่ ได้มาด้วยวิธีพิเศษ ตั้ง 5-6 ขวด  ก็เลยคว้ามาหยดลงบนรอยต่อตรงจุดหมุนอันเป็นส่วนเคลื่อนไหวของทั้งสองด้านของคีม  ได้ผลครับ  ขยับไม่กี่ทีสนิมออกมากับน้ำมันเป็นสีน้ำตาลแดงให้เห็น  และมีผลให้คีมใช้งานได้ดีเหมือนเดิม .. หญ้าปากคอกอีกกอหนึ่งที่อยากเอามาฝากครับ

 

      ๑.   สารพัดคีมจาก KEIBA

           

 

      ๒.  คีมที่ใช้ น้ำมันหล่อลื่นแบบพิเศษ หยอดแล้ว

             

  

      ๒. เข้าไปดูใกล้ๆอีกนิด  เห็นสนิมออกมาชัดเจน

             

              

    หากท่านใดอยากรู้ว่าน้ำมันเซียงเพียวอิ๊วของผมมันได้มาแบบพิเศษอย่างไร ลองคลิกดูได้ ที่นี่ ครับ … อิ อิ อิ


เกร็ดความคิดเมื่อครั้งผมเข้าอบรม English Intensive Course

1 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 6 พฤษภาคม 2009 เวลา 9:44 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1083

    หลายปีมาแล้ว ผมได้เข้าอบรมภาษาอังกฤษแบบ Intensive Course ที่ศูนย์ภาษาของทบวงมหาวิทยาลัย  ที่ตั้งอยู่ใน ม.มหิดลข้าง รพ.รามาธิบดี  มีเรื่องสนุกและน่าสนใจอยู่หลายเรื่องแต่ขอนำมาบันทึกไว้ตรงนี้สัก 2 เรื่อง …

    เรื่องแรกคือ เงื่อนไขและแรงจูงใจในการฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ 

   จำได้ว่าอาจารย์ฝรั่งที่สอนการเขียนได้มอบงานพิเศษอย่างหนึ่งให้พวกเราคือเขียน “อะไรก็ได้” ส่งทุกวัน ประมาณครึ่งหน้ากระดาษขึ้นไป  สำหรับผมแล้วเกิดความ “มัน” มากเพราะมีความรู้สึกว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ ….

     1. เขียนถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็น คุณค่า ในสังคมไทยหรือของ ตะวันออก ให้อาจารย์ฝรั่ง ได้เรียนรู้ ซึ่งย่อมมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึง ความเหมือน และ ความต่าง เมื่ออาจารย์ Comment จึงเขียนด้วยความสนุกทุกวัน  ไม่เบื่อเลย  ลึกๆก็ยังแอบคิดว่าเรานี่แหละจะสอนฝรั่งด้วย  แต่ไม่ใช่เรื่องภาษา

     2. เรียนรู้จากความผิดพลาดในการใช้ถ้อยคำ เพราะเมื่อเขียนเรื่องยากโดยเฉพาะสิ่งที่เป็นนามธรรม ย่อมมีโอกาสสื่อผิดพลาดได้ง่าย  และนั่นคือโอกาสสำคัญที่จะได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะทางภาษาอังกฤษของเรา

          สามเดือนผ่านไป การอบรมสิ้นสุดลง  ผมกลับไปทำงานได้ไม่นาน  ได้มีจดหมายชมเชยไปยังสถาบันและเขาเอามาติดให้อ่านกันบริเวณเคาน์เตอร์เซ็นชื่อในตอนเช้าด้วย จนมีเพื่อนรุ่นพี่บางคนแซวว่า สงสัยต้องให้ช่วยติวภาษาอังกฤษให้เสียแล้ว   สิ่งที่อาจารย์ฝรั่งเขียนไป มีข้อความสำคัญบอกว่าผมเป็น ” Outstanding Student ” ครับ  ซึ่งทั้งหมดผมว่าน่าจะเกิดจากการที่ผมได้ “มัน” กับการเขียนโดยที่ไม่มีกรอบนั่นเอง  มันอิสระที่จะเป็นตัวเองได้เต็มที่  ไม่มีพันธนาการใดๆ

          เรื่องที่สองได้แก่เรื่องการ “ไม่มีศาสนา

    อาจารย์ฝรั่งผู้ชายท่านหนึ่งที่สอนการพูด  มักเปิดโอกาสให้พวกเราถาม อะไรก็ได้  เพื่อการพัฒนาทักษะการพูด การฟัง  มาถึงตอนหนึ่งมีเพื่อนถามว่าอาจารย์นับถือศาสนาอะไร  หลายคนตีหน้างง และแปลกใจเมื่ออาจารย์ตอบว่า ไม่มีศาสนา  ส่วนผมนั้นคิดอีกมุมหนึ่งแล้วก็พูดกับอาจารย์  สรุปความเป็นไทยได้ว่า ..

   อาจารย์โชคดีนะ ที่มีอิสระ ไม่ต้องตีกรอบขังตัวเอง  เพราะเรื่องศาสนา ถ้านับถือด้วยปัญญา 
ไม่ศรัทธาด้วยความงมงาย เราสามารถเลือกเก็บเกี่ยวสิ่งดี  มีแก่นสาร  สาระ จากทุกศาสนาได้ 
อย่าว่าแต่ศาสดาเลย  แม้คำกล่าวของคนไร้ชื่อ  มีสถานภาพที่ต่ำต้อยด้อยค่าเพียงใดก็ตาม
ก็อาจเป็นแสงสว่าง  นำทางชีวิตได้  ถ้าฟังเป็น คิดเป็น ไม่หลงติดเปลือก ว่าใครเป็นผู้กล่าวเอาไว้

     อาจารย์ยิ้มและชมผมใหญ่เลย  พร้อมยอมรับว่าเป็นความเห็นที่ “ถูกต้อง

       อิ อิ อิ .. (อันนี้อาจารย์ฝรั่งไม่ได้พูด)


คว้าไฟฉายมาช่วยให้รูปถ่ายชัดขึ้น

5 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 4 พฤษภาคม 2009 เวลา 11:10 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1544

   ว่าจะเขียนเรื่องควันหลง ULEM และ เรื่องเกี่ยวกับ ระพีเสวนา ที่ SCB แต่ยังต้องวิ่งหาของมาคิดดัดแปลง ต่อยอดสิ่งเสมือนโจทย์วิจัยที่ได้มาจากการพูดคุยกับผู้คนที่มาเยี่ยมบู๊ธของชาวเฮ .. ไฟกำลังลุกโชน ไม่อยากให้มอดไปตามเวลา  เพราะเรื่องอื่นๆก็รอคิวเข้ามาแทรกอีกมากครับ   วันนี้เลยเอาเกร็ดจากการทำงาน  เตรียมเอกสารที่มีภาพถ่ายประกอบ ส่งไปให้เขาช่วยตีราคา  ผมเลือกใช้ e-mail แบบแนบไฟล์ แทนการส่ง Fax. เพราะประหยัดและชัดเจนกว่ามาก 

    ในการถ่ายภาพวัสดุ ผมใช้โคมไฟส่องดวงเดียว จึงเกิดปัญหาเรื่องเงา  คิดอยู่ว่าจะทำไงดี  แล้วก็มองเห็นไฟฉายเล็กๆ ใช้หลอด LED แบบ Super bright ที่ขายกันไม่กี่สิบบาท .. แสงก็ออกจะสลัวแล้วเพราะถ่านจวนหมด  ผมจับกล้องกดชัตตเตอร์ด้วยมือขวา ขณะที่มือซ้ายก็ส่องไฟฉายไปยังเงาดำเพื่อช่วยลบเงา ให้เห็นรายละเอียดบริเวณนั้นชัดขึ้น  ง่าย และได้ผลครับ

   นี่ครับผลงาน

 ๑. ใช้โคมไฟดวงเดียว

                           

 

๒. คราวนี้ลองใหม่ ใช้โคมไฟ และแสงจากไฟฉายช่วยลบเงา

                             

    แถมอีกนิดก็ได้ …

        ภาพนี้ถ่ายแบบ MACRO จากแบบที่คิดขึ้นและ Sketch ด้วยดินสอ

               

 

                นี่คือผลจากการสั่งให้กลับ Reverse ภาพขาวเป็นดำ และ Crop เอาแต่ส่วนที่ต้องการ

                             

 

      สวัสดี และ อิ อิ อิ ครับ


รายงานการเดินทางไปสวนป่า(รอบที่เท่าไหร่จำบ่ได้) .. ด้วยภาพ

2 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 24 เมษายน 2009 เวลา 12:25 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1626

  ออกจากบ้าน ขับรถมาจอดที่บ้านป้าจุ๋ม  ขึ้นทางด่วนที่ประชานุกูลใกล้ๆรพ.เกษมราษฎร์ ตอน 8.10 น. ถึงบ้านป้าจุ๋ม 8.25 น. ทานอาหารว่างอุดมคุณค่าที่ป้าเตรียมให้เสร็จ .. ท่าน Logos ผู้เอื้ออำนวยการเดินทางก็มาถึง  ออกมารับพ่อครูบาฯ และออกเดินทางกันราวๆ 8.45

 

   แวะดูที่แถวปากช่อง

                      

 

         แล้วก็แอบไปบุกเงียบบ้านสวยสบายของท่านไร้กรอบ .. เยี่ยมชม ร่มธรรม

                                     

 

 

                   เที่ยงแล้วต่างก็หิว แม้ข้าวต้มมัดของป้าจุ๋มจะอร่อย  ก็จำต้องเติมพลังให้เพียงพอ  เป้าหมายจึงเป็นร้าน MK ใน Lotus ปากช่อง

                                       

 

      จากนั้นท่าน Logos ก็พาพวกเราเดินทางต่อ  มายืดเส้นคลายเครียด และซื้อกับข้าว ณ ที่เก่าแต่ไม่ใช่เวลาเดิม คือ ตลาดชุมพวง .. ขาดไม่ได้ก็บวบเหลี่ยม .. มีอยู่ถุงหนึ่ง 7 กิโล ป้าเหมาหมด แถมด้วยผักหญ้าอีกหลายรายการ

                         

 

       จนมาถึงสวนป่าเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. 

            

                       …………….  จบข่าว !

         ที่จริงยังมีอีก .. ขอค้างไว้เล่าต่อภายหลังครับ

       คำถามท้ายบท : มือใคร  ถืออะไร ในภาพสุดท้าย ..  ใบ้หน่อยก็ได้ … คนเสียงเหน่อห้ามตอบ !

      อิ อิ อิ


ซ่อมเครื่องมากว่า 40 ปี อาการนี้เพิ่งเคยเจอ

5 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 7 เมษายน 2009 เวลา 1:03 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1019

    วันก่อนได้ลำโพง Altec ของเก่ามาคู่หนึ่ง  เขาขายให้ไม่ถึง 100 บาท  เป็น Active Speaker กล่าวคือมีภาคขยายเสียงในตัว แถมมีช่อง Output สำหรับต่อสัญญาณ Sub woofer ออกมาด้วย .. แกะซ่อมอยู่นาน เปลี่ยน IC Power Amp. ก็แล้ว .. เสียงยังเพี้ยนพร่า ฟังไม่ได้  ตรวจสอบด้วยสายตา ทุกอย่างดูเรียบร้อย ตรวจวัดก็ไม่มีอะไรผิดปกติ กำลังจะออกไปซื้อ IC ตัวใหม่อยู่แล้ว  แต่ก็ได้ลองใช้หัวแร้งจี้จุดบัดกรีขา IC ทีละจุดอีกครั้งหนึ่ง ทำขณะที่เปิดเครื่องลองเสียงอยู่ด้วย  มาถึงขาหนึ่งเกิดเสียงดังฟังชัดขึ้นมา พอละปลายหัวแร้งก็กลับเป็นเหมือนเดิม  จี้ลงไปใหม่กลับดีอีก  รอยต่อก็แน่นหนา ไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อมต่อไม่สนิท .. งงครับ  และแล้วก็ลองมาจี้อีกจุดหนึ่งซึ่งเป็นจุดที่มีลายทองแดงเชื่อมต่อมาจากขา IC ดังกล่าว  ห่างออกมาสักประมาณ 1 นิ้ว ปรากฏว่า ส่วนที่เป็นเม็ดกลม (Donut) ของลายวงจร ติดปลายหัวแร้งขึ้นมาเลยครับ  เชื่อว่าได้เกิดรอยแยกจนทำให้วงจรขาดอยู่ ณ จุดนั้นโดยที่ตาไม่อาจมองเห็นเพราะมีน้ำยาเคลือบอยู่  แสดงว่าตอนเราจี้หัวแร้งที่ขา IC ความร้อนทำให้ทองแดงขยายตัวจนมาชนกันครบวงจร พอเย็นก็หดตัวแยกกันอีก  จึงได้จัดการเชื่อมต่อจุดดังกล่าวให้ครบวงจร  ทุกอย่างเรียบร้อยครับ  ใช้งานได้สมบูรณ์  เสียงดีเกินตัว  ไม่เสียชื่อ Altec Lansing เลยครับ

    หน้าตาเขาเป็นอย่างนี้ครับ

                              


ความหยาบจากเมืองจีน

4 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 28 มีนาคม 2009 เวลา 9:54 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1131

   ไม่ใช่หยาบคายครับ แต่เป็นเรื่องความประณีตเรียบร้อยของงาน  ผมเก็บภาพถ่ายไว้นานแต่ไม่เคยได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ไว้ที่ไหน  จนกระทั่งได้มาตามอ่านเรื่องชุดสิบสองพันนาของท่านพี่บู๊ท บางทราย  ก็เลยไปร่วมแจมไว้  ก็ขอนำมาฉายซ้ำให้เห็นกันชัดๆที่ตรงนี้อีกรอบ

     ดูภาพและความคิดเห็นได้เลยครับ

    ผมเห็นชัดว่างานของจีนมักจะหยาบๆ  โดยเฉพาะถ้าเทียบกับญี่ปุ่น .. ต่างกันลิบลับ ดูได้จากผลิตภัณฑ์ทั้งหลาย  ส่วนที่เห็นในภาพนี้  เป็นงานไฟฟ้าในอาคารครับ (ภาพเล็ก ขวาบน และ ล่างซ้าย) .. ทางเทคนิคก็คงสอบผ่าน ขนาดของสายไฟ และ Spec. ของอุปกรณ์คงไม่มีปัญหา  แต่เรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความปลอดภัย ยังดูไม่จืดอยู่นะครับ .. เกิดเด็กซนๆเดินไปจับโน่นจับนี่ใต้บันได  มีสิทธิ์ตายได้ง่ายๆ

 
      ในภาพนี้ก็อีกตัวอย่างหนึ่งครับ … ดูเขาทำ


ตาไม่ค่อยดี .. ช่วยดูที .. ผมอยู่ตรงไหน ในรูป

3 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 20 มีนาคม 2009 เวลา 1:12 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1194

   หลายเดือนมาแล้ว  สื่อสารทาง Skype กับเพื่อนซี้ อ.สุนทร  ชัยชนะ ผอ.สำนักวิทยบริการ มรภ.สกลนคร  ได้ลองส่งรูปถ่ายเก่าๆสมัยเรียน ปกศ.สูง ที่ วค.สงขลามาให้ เป็นภาพหมู่ ถ่ายร่วมกับอาจารย์ โดยมี ผอ.สมบุญ  ศรียาภัย มาร่วมถ่ายภาพด้วย

    รูปนี้ครับ

                         

         ดูแล้วชักตาลาย .. ตูข้าอยู่ตรงไหนหว่า .. ใครมองหาเจอช่วยบอกที .. มีรางวัลด้วย  มีตัวช่วยนะครับ  อยากดูรูปใหญ่ให้คลิกบนรูปข้างบน



Main: 0.21295285224915 sec
Sidebar: 0.096374988555908 sec