ทบทวนความทรงจำเรื่อง ULEM

ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 21 สิงหาคม 2009 เวลา 5:16 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1480

ก่อนอื่นต้องขอบคุณ คุณ Conductor คุณ Logos และ คุณ รอกอด เป็นอย่างยิ่ง ทั้งสามท่าน เป็น เพื่อนสนิท ไป ไหน ไปกัน คิด ทำ อะ ไรก็ เหมือนๆ กัน เสมอครับ

บุคคลที่ ได้ เอ่ยนาม ไปข้างบนคือผู้ที่ทำ ให้ผม ได้รู้จัก ULEM เป็นครั้ง แรก ด้วยการ เขียน เป็นบันทึกต่อ เนื่องอยู่หลายบันทึก ตอนหลังยังมี แถมการสื่อถึงผมทาง e-mail และ มือถืออีกด้วย ลุ้น ให้ผมจับงาน ใน แนวคิดที่ท่านมองๆ ไว้มาขยายผลภาคปฏิบัติ จนกระ ทั่ง ได้มีนัดหมาย เดินทาง ไปสวนป่า มหาชีวาลัยอีสานด้วยกัน

ที่ต้องบันทึก ไว้ เป็นความทรงจำ ไม่รู้ลืมก็คือ ท่านขับรถส่วนตัว ให้ผม ได้นั่ง ไปด้วยกัน ครั้นถึงที่หมายก็พบว่าสิ่งที่จะ ใช้ทดลองสร้างชุดควบคุม และ ภาคจ่ายกำ ลัง ไฟฟ้า อัน เป็นวัสดุอุปกรณ์ อิ เล็กทรอนิกส์ ทั้งหมด ท่านจัดซื้อหา ไป ให้ เรียบร้อย รวมทั้งชุดต้น แบบที่ท่าน ได้ แกะ ดูมา แล้วด้วย ผมมี แค่ เครื่องมือ และ วัสดุปลีกย่อยกัน เหนียว ไป เพียง เล็กน้อย เท่านั้น

เรา เริ่มทดลองติดตั้งชุดต้น แบบ เพื่อ ให้ เห็นการทำ งานของระ บบที่กระ ต๊อบ ไม้ ไผ่หลังหนึ่งข้างๆ อาคารหลักของมหาชีวาลัยฯ โดยมีป้าจุ๋ม(อ.สมพิศ ไม้ เรียง) เจ้า แม่สมุน ไพร ฉายา “คุณป้า แห่งชาติ”คอยช่วยจับ ช่วยลุ้น ให้กำ ลัง ใจ และ ส่ง ไอติม เป็น เสบียงช่วยดับร้อนผ่อนกระ หาย ให้ เราสองคน จนการทดสอบ เสร็จสิ้น และ ยังจำ ได้ดีว่าตอนกลางดึกขณะ ที่ป้าจุ๋มกำ ลังนั่ง -นอน เสวนากับบรรดาลูกหลานชาว เฮฯ อยู่บนลานซี เมนต์ ข้างบ้าน พอ เห็นผมผ่าน ไปท่านยัง ได้พูดกระ ตุ้น ให้กำ ลัง ใจ และ ให้ความจริง แก่ผมว่า ท่านผู้ก่อการทั้งสามชื่อตอนต้น ตั้ง ใจมากที่จะ ให้ผมทำ งานนี้ อันจะ นำ ไปสู่การ แก้ปัญหาอันวิกฤติที่ผมประ สบอยู่หลายด้าน ได้บ้างด้วย ผมก็รับปากป้าจุ๋มว่า ผมจะ เอาจริง เพราะ เห็นคุณค่า และ ช่องทางการพัฒนาค่อนข้างชัดว่าจะ ปรับปรุง สร้างสรรค์ ดัด แปลง เครื่องมือดังกล่าว ในลักษณะ ใด ได้บ้าง วันรุ่งขึ้นผมจึง ใช้ เวลาทั้งวัน จัดสร้าง เครื่องควบคุม ULEM จนสำ เร็จ โดยมีคุณปิ๋วคนดี หญิง แกร่งกล้าคนนั้น คอยพูดคุย ให้กำ ลัง ใจ และ เสริฟ เครื่องดื่ม-อาหารว่าง ถึง โต๊ะ ทดลองที่ผม ได้ยึด เอาห้องครัว เป็น Lab.ชั่วคราว ไป แล้ว

งานช้ากว่าที่คิด เพราะ ติดขัด เรื่อง ไม่มี เครื่องมือที่ เหมาะ สม ในการ เจาะ และ ตัด ต่อวัสดุอุปกรณ์ แต่ผมมีฉันทะ ใน เรื่องนี้สูงมาก ทั้ง ไม่อยาก ให้ผู้ปรารถนาดีต้องผิดหวัง จึงลุยงาน ไปจน เสร็จตอนค่ำ ๆ พร้อมที่จะ ติดตั้ง ทดสอบ ในวันรุ่งขึ้น ก่อนพวก เรา เดินทางกลับกทม.

ตื่น เช้ามา เราก็ทำ ตาม แผน ทั้งป้าจุ๋ม ท่านผู้ก่อการ และ อีกหลายคนมาช่วยจับ ช่วยส่งของ ช่วยลุ้น จนการติดตั้งสำ เร็จ เรียบร้อย แต่มี เรื่องหวาด เสียว เกิดขึ้นครับ ตอน เราทานข้าว เที่ยง เสร็จ และ เตรียมตัวกลับกทม.ป้าจุ๋ม วิ่งลนลานมาบอกว่า เครื่อง ULEM เสีย ใช้ ไม่ ได้ แล้ว ไปตรวจสอบดูก็ ได้ความจริงว่า ท่านผู้ก่อการ ได้ช่วยตั้ง โปร แกรมการทำ งาน ไว้ถูกต้อง เหมาะ สมทุกประ การ คือ ให้ทำ งานวันละ 8 รอบ รอบละ 3 นาที แต่ “น้อง เสริฐ” ผู้จะ ช่วยดู แล เครื่อง ไม่ เข้า ใจข้อจำ กัดว่า เปิดนานๆ มอ เตอร์ จะ ร้อน และ เสียหาย ได้ เห็นว่า ได้ ใช้ Manual Mode เปิด ให้ระ บบทำ งานต่อ เนื่อง ไปกว่า 20 นาที อย่างนี้จะ เป็นชุด ไหนก็ ไม่ เหลือครับ แต่ผมก็ ไม่ ได้ตำ หนิอะ ไร นอกจากบอกว่า ให้ถือ เป็นการ เรียนรู้ ว่าอย่าทำ อย่างนั้นอีก

กลับถึงกทม.ผม ใช้ เวลา และ ทุนทรัพย์ ส่วนตัว ทดลองอะ ไรอีกมากมายดังที่ ได้บอกกล่าว ไว้บ้าง แล้ว ในบันทึกต่างๆ ตลอดจนการพัฒนา เป็นรุ่นพิ เศษ รุ่น Huaytom-01 ที่มี 3 หัวจ่าย และ ได้นำ ไปบริจาค ติดตั้ง ไว้ที่วัดพระ บาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำ พูน เมื่อคราว ไปร่วมกิจกรรมปลูก เอกมหาชัย 2000 ต้นของพี่น้องชาว เฮฯ เมื่อ 20 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา งานนั้นได้รับการช่วยเหลืออย่างดีตลอดเวลา จากคุณอาราม น้องชายที่รักจาก “มงคลวิทยา” เป็นลูกมือชั้นยอด ไร้เทียมทาน

จนถึงขณะ นี้ผม ได้ผลิต เครื่องจ่ายกำ ลัง ไฟฟ้า และ ระ บบควบคุม ULEM เสร็จสมบูรณ์ แล้ว 10 กว่าชุด และ มีวัสดุอุปกรณ์ พร้อมผลิต ได้อีกราว 10 ชุด รวม เป็น 20 ชุด โดยประมาณ ผู้ก่อการ และ ผู้หวังดีสงสัยว่าทำไม ไม่นำ ออกขาย คำ ตอบก็คือชีวิตผม เจอคลื่นลมค่อนข้างหนัก ในระ ยะ ที่ผ่านมา หลายคนที่รู้ เรื่องทั้งหมด บอกว่ายิ่งกว่า Tsunami ท่านอัยการชาว เกาะ ถึงกับบอกว่า .. “ ส่วน เรื่องของพระ อาจารย์ อ่าน แล้วอึ้งครับ น้ำ ตาลูกผู้ชายอย่างผมพาลจะ ไหล เมื่อ เอา ใจ ไป เทียบกับพระ อาจารย์ ครับ ” แต่สำ หรับผม ก็มอง เห็นความ เป็น “ เช่นนั้น เอง” ได้ดีอยู่ จึง ไม่ ได้ เพลี่ยงพล้ำ เผลอ ไป “ โง่” เป็นทุกข์ กับมันมากจน เกิน ไป พยายาม ใช้วิกฤติ เป็น โอกาส จนกระ ทั่งตัดสิน ใจ แน่นอน แล้วว่าจะ ไปตั้งต้นนับหนึ่ง(ทางวัตถุ) ใหม่ ที่บ้าน เกิด อ. ไชยา สุราษฎร์ ธานี แหล่งที่ผมหวัง ไว้ว่าจะ พัฒนา ไป เป็น Node หนึ่ง ให้กับกระ บวนการ เฮฮาศาสตร์ ของพวก เรา ให้จง ได้ การอพยพนั้น ไม่น่าจะ เกิน เดือน ตค.-พย.นี้ แหละ ครับ

เรื่องน่ารู้ที่ เกิดจากกระ บวนการสร้างสรรค์ ดัด แปลงอุปกรณ์ ควบคุม ULEM มีมากครับ คง ได้สาธยาย ให้ ได้อ่านกัน ใน โอกาสต่อๆ ไป

ตอนนี้ผม รู้สึกไม่อยากขนสัมภาระมากเกินไป ตอนจะย้ายไปอยู่ ตจว. หลายอย่างคง แจกจ่าย และ ขาย โละ ทิ้ง เพราะ เป็นบ้าหอบฟางมาต่อ เนื่องหลายปีมาก อยากทำ โน่นทำ นี่ เห็นอะ ไรดี และ ถูกก็ซื้อๆ ๆ จนเต็มไปหมด โดยไม่รู้ว่าจะได้ทำเมื่อไหร่ ชุดอุปกรณ์ ULEM ที่ทำไว้ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น .. กำลังคิดว่าจะต้องจัดการ “กึ่งขาย กึ่งแจกจ่าย” ให้สมาชิกชาวลานเสียแล้ว .. โปรดคอยติดตามครับ


ULEM ภาคพิเศษ สำหรับชาวเฮฯ/ชาวลานฯ

ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 20 สิงหาคม 2009 เวลา 12:15 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3792

ก่อนอื่นต้องขอบคุณ คุณ Conductor คุณ Logos และคุณ รอกอด เป็นอย่างยิ่ง ทั้งสามท่านเป็นเพื่อนสนิท  ไปไหนไปกัน  คิด ทำอะไรก็เหมือนๆกันเสมอครับ

บุคคลที่ได้เอ่ยนามไปข้างบนคือผู้ที่ทำให้ผมได้รู้จัก ULEM เป็นครั้งแรก  ด้วยการเขียนเป็นบันทึกต่อเนื่องอยู่หลายบันทึก  ตอนหลังยังมีแถมการสื่อถึงผมทาง e-mail และมือถืออีกด้วย  ลุ้นให้ผมจับงานในแนวคิดที่ท่านมองๆไว้มาขยายผลภาคปฏิบัติ  จนกระทั่งได้มีนัดหมายเดินทางไปสวนป่า มหาชีวาลัยอีสานด้วยกัน

ที่ต้องบันทึกไว้เป็นความทรงจำไม่รู้ลืมก็คือ ท่านขับรถส่วนตัวให้ผมได้นั่งไปด้วยกัน ครั้นถึงที่หมายก็พบว่าสิ่งที่จะใช้ทดลองสร้างชุดควบคุมและภาคจ่ายกำลังไฟฟ้า อันเป็นวัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ท่านจัดซื้อหาไปให้เรียบร้อย รวมทั้งชุดต้นแบบที่ท่านได้แกะดูมาแล้วด้วย  ผมมีแค่เครื่องมือ และวัสดุปลีกย่อยกันเหนียวไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เราเริ่มทดลองติดตั้งชุดต้นแบบเพื่อให้เห็นการทำงานของระบบที่กระต๊อบไม้ไผ่หลังหนึ่งข้างๆอาคารหลักของมหาชีวาลัยฯ  โดยมีป้าจุ๋ม(อ.สมพิศ  ไม้เรียง) เจ้าแม่สมุนไพร ฉายา “คุณป้าแห่งชาติ”คอยช่วยจับ ช่วยลุ้น ให้กำลังใจและส่งไอติมเป็นเสบียงช่วยดับร้อนผ่อนกระหายให้เราสองคน จนการทดสอบเสร็จสิ้น  และยังจำได้ดีว่าตอนกลางดึกขณะที่ป้าจุ๋มกำลังนั่ง -นอนเสวนากับบรรดาลูกหลานชาวเฮฯ อยู่บนลานซีเมนต์ข้างบ้าน พอเห็นผมผ่านไปท่านยังได้พูดกระตุ้นให้กำลังใจ  และให้ความจริงแก่ผมว่า ท่านผู้ก่อการทั้งสามชื่อตอนต้น  ตั้งใจมากที่จะให้ผมทำงานนี้  อันจะนำไปสู่การแก้ปัญหาอันวิกฤติที่ผมประสบอยู่หลายด้านได้บ้างด้วย ผมก็รับปากป้าจุ๋มว่า ผมจะเอาจริง  เพราะเห็นคุณค่าและช่องทางการพัฒนาค่อนข้างชัดว่าจะปรับปรุง สร้างสรรค์ดัดแปลงเครื่องมือดังกล่าวในลักษณะใดได้บ้าง  วันรุ่งขึ้นผมจึงใช้เวลาทั้งวัน จัดสร้างเครื่องควบคุม ULEM จนสำเร็จ โดยมีคุณปิ๋วคนดี หญิงแกร่งกล้าคนนั้น คอยพูดคุย ให้กำลังใจและเสริฟเครื่องดื่ม-อาหารว่าง ถึงโต๊ะทดลองที่ผมได้ยึดเอาห้องครัวเป็น Lab.ชั่วคราวไปแล้ว

งานช้ากว่าที่คิดเพราะติดขัดเรื่องไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสมในการเจาะ และตัด ต่อวัสดุอุปกรณ์ แต่ผมมีฉันทะในเรื่องนี้สูงมาก  ทั้งไม่อยากให้ผู้ปรารถนาดีต้องผิดหวัง  จึงลุยงานไปจนเสร็จตอนค่ำๆ  พร้อมที่จะติดตั้ง ทดสอบในวันรุ่งขึ้น ก่อนพวกเราเดินทางกลับกทม.

ตื่นเช้ามาเราก็ทำตามแผน  ทั้งป้าจุ๋ม  ท่านผู้ก่อการ และอีกหลายคนมาช่วยจับ ช่วยส่งของ ช่วยลุ้น จนการติดตั้งสำเร็จ เรียบร้อย  แต่มีเรื่องหวาดเสียวเกิดขึ้นครับ  ตอนเราทานข้าวเที่ยงเสร็จและเตรียมตัวกลับกทม.ป้าจุ๋ม วิ่งลนลานมาบอกว่า  เครื่อง ULEM เสีย ใช้ไม่ได้แล้ว  ไปตรวจสอบดูก็ได้ความจริงว่า ท่านผู้ก่อการได้ช่วยตั้งโปรแกรมการทำงานไว้ถูกต้อง เหมาะสมทุกประการ  คือให้ทำงานวันละ 8 รอบ  รอบละ 3 นาที  แต่ “น้องเสริฐ” ผู้จะช่วยดูแลเครื่อง  ไม่เข้าใจข้อจำกัดว่าเปิดนานๆ มอเตอร์จะร้อนและเสียหายได้  เห็นว่าได้ใช้ Manual Mode เปิดให้ระบบทำงานต่อเนื่องไปกว่า 20 นาที  อย่างนี้จะเป็นชุดไหนก็ไม่เหลือครับ  แต่ผมก็ไม่ได้ตำหนิอะไร นอกจากบอกว่าให้ถือเป็นการเรียนรู้  ว่าอย่าทำอย่างนั้นอีก

กลับถึงกทม.ผมใช้เวลาและทุนทรัพย์ส่วนตัว ทดลองอะไรอีกมากมายดังที่ได้บอกกล่าวไว้บ้างแล้ว  ในบันทึกต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาเป็นรุ่นพิเศษ  รุ่น Huaytom-01 ที่มี 3 หัวจ่าย  และได้นำไปบริจาค  ติดตั้งไว้ที่วัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน  เมื่อคราวไปร่วมกิจกรรมปลูก เอกมหาชัย 2000 ต้นของพี่น้องชาวเฮฯ เมื่อ 20 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา

จนถึงขณะนี้ผมได้ผลิตเครื่องจ่ายกำลังไฟฟ้า และระบบควบคุม ULEM เสร็จสมบูรณ์แล้ว 10 กว่าชุด  และมีวัสดุอุปกรณ์พร้อมผลิตได้อีกราว 10 ชุด รวมเป็น 20 ชุดโดยประมาณ  ผู้ก่อการและผู้หวังดีสงสัยว่าทำไมไม่นำออกขาย  คำตอบก็คือชีวิตผมเจอคลื่นลมค่อนข้างหนักในระยะที่ผ่านมา  หลายคนที่รู้เรื่องทั้งหมด  บอกว่ายิ่งกว่า Tsunami ท่านอัยการชาวเกาะถึงกับบอกว่า .. “ ส่วนเรื่องของพระอาจารย์อ่านแล้วอึ้งครับ น้ำตาลูกผู้ชายอย่างผมพาลจะไหลเมื่อเอาใจไปเทียบกับพระอาจารย์ครับ ” แต่สำหรับผม  ก็มองเห็นความเป็น “เช่นนั้นเอง” ได้ดีอยู่  จึงไม่ได้เพลี่ยงพล้ำเผลอไป “โง่“เป็นทุกข์กับมันมากจนเกินไป  พยายามใช้วิกฤติเป็นโอกาส  จนกระทั่งตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะไปตั้งต้นนับหนึ่ง(ทางวัตถุ)ใหม่ ที่บ้านเกิด อ.ไชยา สุราษฎร์ธานี  แหล่งที่ผมหวังไว้ว่าจะพัฒนาไปเป็น Node หนึ่งให้กับกระบวนการเฮฮาศาสตร์ของพวกเราให้จงได้  การอพยพนั้นไม่น่าจะเกินเดือน ตค.-พย.นี้แหละครับ

เรื่องน่ารู้ที่เกิดจากกระบวนการสร้างสรรค์ ดัดแปลงอุปกรณ์ควบคุม ULEM มีมากครับ  คงได้สาธยายให้ได้อ่านกันในโอกาสต่อๆไป  แต่ที่จั่วหัวว่า “ULEM ภาคพิเศษ สำหรับชาวเฮฯ/ชาวลานฯ” นั้นเกิดจากการที่ผมไม่อยากขนสัมภาระมากเกินไป  หลายอย่างคงแจกจ่าย และขายโละทิ้ง  เพราะเป็นบ้าหอบฟางมาต่อเนื่องหลายปีมาก  อยากทำโน่นทำนี่ เห็นอะไรดีและถูกก็ซื้อๆๆ

ในการนี้  ผมอยากแจ้งให้พี่น้องชาวลานฯ/ชาวเฮฯ ทุกท่านทราบว่า  เราจะ ขายแบบแจกจ่าย ULEM ชนิดครบชุด ติดตั้งใช้งานได้เองทันที จำนวนไม่เกิน 20 ชุด ให้แก่ญาติมิตรที่สนใจ  ด้วยเงื่อนไขสุดพิเศษดังนี้

  1. ลดราคาจาก  2,950 บาท  เหลือ 2,500 บาท
  2. รับประกันชุดควบคุมและจ่ายกำลังไฟฟ้า 3 ปี  จากเดิม 1 ปี
  3. จัดส่งให้ฟรีทั่วประเทศ
  4. โทรศัพท์ปรึกษาปัญหาการใช้งานได้ตลอดเวลา

ท่านที่สนใจกรุณาดำเนินการดังนี้

  1. ลงชื่อจอง พร้อมแจ้งที่อยู่สำหรับการส่งของในส่วนแสดงความคิดเห็นท้ายบันทึกนี้ จะส่งของทันทีโดยไม่รอการโอนเงิน
  2. โอนเงิน 2,500 บาท เข้าบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขารัตนาธิเบศร์ เลขบัญชี 137-0-16185-9 ชื่อนายธานินทร์ พันธุ์ชื่น
  3. แจ้งผ่านทาง Blog โทรศัพท์ 081-487-1652 หรือ e-mail เมื่อได้รับของแล้ว

อานิสงส์จากการมีส่วนร่วมในงานนี้  จะมีส่วนทำให้กระบวนการ “อพยพ” ของข้าพเจ้าเป็นไปโดยสะดวกมากยิ่งขึ้น

ขอบคุณล่วงหน้าครับ สำหรับการเข้าร่วมกิจกรรม “ช่วยกันไป ช่วยกันมา” ครังนี้

อิ อิ อิ

หมายเหตุ :

ชุดอุปกรณ์ที่ท่านจะได้รับประกอบด้วย
1. กล่องจ่ายกำลังไฟฟ้าให้กับหัวปั่นหมอก ULEM และ Electric Valve พร้อมระบบควบคุม ตั้งเวลาเปิด ปิดได้ 8 โปรแกรม  1 เครื่อง

2. วาล์วน้ำไฟฟ้า (Electric Valve) รุ่น EV-01AC พร้อมวาล์วทองเหลืองปรับความแรงน้ำให้ULEM 1 ชุด

3. ชุดหัวปั่นหมอกที่ประกอบด้วย มอเตอร์และจาน ULEM ยี่ห้อ Dr.Pongwit 1 ชุด

4. สายไฟฟ้าขนาด 2 x 0.5 Sq.mm พร้อมขั้วต่อทองเหลืองทั้งสองข้าง  ความยาว 5 เมตร 1 ชุด

5. ท่อน้ำสายยางอ่อนสีดำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 ซม. ยาว 5 เมตร  1 เส้น

6. เอกสารแนะนำวิธีการติดตั้ง การใช้งาน และการบำรุงรักษา  1 ชุด


สำเนาเรื่องการไปร่วมสัมมนาเรื่องผู้นำการเปลี่ยนแปลง จาก “ลานเจ๊าะแจ๊ะ”

3 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 7 สิงหาคม 2009 เวลา 2:42 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1307

    เนื่องจากที่ลานเจ๊าะแจ๊ะ  ผู้เข้าชมที่เป็นขาจร ไม่อาจดูได้สมบูรณ์ ครบถ้วน  ผมจึงถือว่า พลาดไปแล้วที่ใช้ที่ตรงนั้นระดมความคิด ประสบการณ์ จากพี่น้องชาว ลานปัญญา  น่าจะวางไว้ในส่วน ลานหญ้าปากคอกตั้งแต่แรก .. รีบและง่วง ก็เลยพลาดครับ .. ไม่เป็นไรครับ  “ผิดเป็นครู” .. อิ อิ อิ

    นั่นคือที่มาว่าทำไมต้อง Copy มาวางไว้ตรงนี้อีก  ท่านที่จะช่วยเติมต่อ แบ่งปันความคิด ประสบการณ์ ก็เชิญบรรเลงได้เลย ท้ายบันทึกนี้ครับ  ที่ Copy มาทั้งตัวบันทึก และ Comment ก็เพื่อจะได้เห็นทั้งหมดในที่เดียวครับ

     เช้านี้ตื่นมาตั้งแต่ตีสาม กลัวจะลืมโน่นลืมนี่และไปไม่ทันขึ้นรถตามเวลานัด คือ 6.30 น. เพื่อเดินทางไปร่วมกิจกรรมสัมมนาที่กาญจนบุรี กับทีมงานคณะศึกษาศาสตร์ มรภ.จันทรเกษม เป็นกลุ่มนักศึกษาหลักสูตร ป.บัณฑิต การบริหารการศึกษา อันประกอบด้วยผู้บริหารระดับต่างๆจากโรงเรียนในกทม.และปริมณฑล รุ่นนี้เป็นรุ่น 6 ครับ

     เรื่องที่เป็น Theme ของงานนี้คือ การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง หรือ Change Management ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า มีความหมายและความสำคัญเพียงใดต่อการพัฒนางานและพัฒนาองค์กรในยุคปัจจุบัน

     สิ่งที่จะร้องขอแบบเร่งด่วน และหวังจะได้ใช้นำเสนอเป็นส่วนเสริมในการประชุมวันนี้ และพรุ่งนี้ได้แก่ แง่คิด มุมมอง ความรู้หรือประสบการณ์ตรงที่แต่ละท่านมีต่อสิ่งที่เรียกว่า ” Change ” และ ” Change Management ” ครับ

      สั้นๆ ยาวๆไม่สำคัญครับ กรุณานำเสนอในส่วนแสดงความคิดเห็นท้ายบันทึกนี้ได้เลย ยิ่งมากและหลากหลายเท่าไรก็ยิ่งดีครับ สิ่งที่ช่วยกันต่อเติมตรงนี้ นอกจะจะเป็นวิทยาทานแก่ผู้เข้าสัมมนาแล้ว จะยังคงเป็นร่องรอยให้ได้ใช้ประโยชน์ในวงกว้างต่อไป ในบ้าน ลานปัญญา ของพวกเรา
      ช่วยกันหน่อยนะครับ เพื่อพิสูจน์ว่าแม้เวลามีเพียงน้อยนิด ความรู้ ความคิดจากใจพวกเรา สามารถไหลมาปรากฏให้ใช้ประโยชน์ได้ ด้วยพลังของเทคโนโลยี และที่สำคัญ จากใจของผู้ที่มี “สุขจากการให้” เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจในการดำเนินชีวิต  อย่างพวกเรา

     เชิญได้เลยครับ .. ผมต้องรีบแต่งตัวไปขึ้นรถแล้ว

                       ขอบคุณครับ
อิ อิ อิ

Comments

  • #1 ป้าหวาน 7 สิงหาคม 2009 8:55 | # | แก้ไข ขอเสนอแนะค่ะ
    สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ เปิดใจผู้ร่วม ผู้รับค่ะ
    การปูพื้นฐานนำสู่เรื่องที่กำลังเสนอนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่จุดมุ่งหมาย
    ทำอย่างไรให้ผู้ร่วมสัมนารู้สึกว่าเรื่องนี้คือส่วนหนึ่งของตน ยอมเป็นเนื้อเดียวกับเรื่องที่จะดำเนินต่อไปค่ะ
    ขอบคุณค่ะ
  • #2 sutthinun 7 สิงหาคม 2009 11:09 | # | แก้ไข ส่งการบ้านไว้ที่ลานสวนป่าให้แล้วนะครับ อิอิ
  • #3 Panda 7 สิงหาคม 2009 11:45 | # | แก้ไข การเปลี่ยนแปลง จะสำเร็จหรือเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มที่ การเปิดใจ ที่นำไปสู่การ เรียนรู้ ยอมรับ เคารพในศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นคนที่เท่าเทียม
    มีความรัก ความเอื้ออาทรต่อกัน มีความไว้วางใจกัน ทำให้สามารถก้าวข้ามสู่การเปิดเผยไว้วางใจกัน
    มีการเรียนรู้ร่วมกันในทางปฏิบัติ
    เรียนรู้ด้วยใจ มีสติอยู่ตลอดเวลา นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างศานติสุข ที่ยั่งยืนในที่สุด
    อ่านเพิ่มเติมที่ สัมผัสจิตตปัญญาศึกษา ครับ….ไม่ใช่ความคิดของผมแต่ชอบครับ
    ที่ …. http://gotoknow.org/blog/phyto/172759
  • #4 handyman 7 สิงหาคม 2009 11:46 | # | แก้ไข ขอบพระคุณมากครับ ทั้ง #1 ป้าหวาน และท่านครูบาสุทธินันท์ และท่านอาแปะ Panda
    ใครจะตามไปอ่านที่ลานสวนป่า ให้ไปเข้าไปอ่านเรื่อง … ตอบการบ้านพระอาจารย์ HANDY
  • #5 sutthinun 7 สิงหาคม 2009 12:38 | # | แก้ไข ครูสมัยนี้ จำเป็นต้องมีตัวช่วย
    ตัวช่วยที่ดีที่สุดก็คือ..ระบบไอทีทางการศึกษา
    แต่ก็หาครูที่จะเข้าใจ เข้าถึงเรื่องนี้น้อยมาก
    เมื่อเข้าไม่ถึง ก็รู้แค่หางอึ่ง อานุภาพการใช้เทคโลโลยีทางการศึกษาจึงน้อยมาก
    เรื่องนี้นับว่าน่าเสียดายยิ่งนัก
    รัฐบาลลงทุนลงแรงเรื่องนี้ไว้มาก
    สมมุติว่าลงทุนไป 100 บาท แต่มีการใช้ประโยชน์แค่ 2-3 บาท
    แล้วก็มานั่งบ่นนโยบายทางการศึกษา
    ไม่ได้มองตัวเองว่า สามารถผนึกกำลังระหว่าง “ครูคน” เข้ากับ “ครูเครื่อง” ได้แล้วหรือยังขอให้สนุกกับการอบรมครูนะครับ
    อิ อิ
  • #6 จันทรรัตน์ 7 สิงหาคม 2009 13:18 | # | แก้ไข ส่งการบ้านไว้ในลานอุ๊ยจั๋นตานะคะลงวอร์ดมาเที่ยงครึ่ง ทำการบ้านครึ่งชั่วโมง ก่อนไปสอนต่อบ่ายโมงครึ่ง…อิอิ
  • #7 handyman 7 สิงหาคม 2009 13:34 | # | แก้ไข ขอบคุณครับอุ๊ย
    เริมภาคบ่ายแล้ว ตอนแรกเขาจะให้ผมว่าเลย ตอนหลังพัก แต่เห็นว่ายังโกลาหลกันเรื่องเข้าห้องพัก และบางกลุ่มก็สนใจวิชาเสริม “อัญมณี” ก็เลยคงพูดตอนบ่ายแก่ๆดีฝ่า
    ขอบคุณ และ อิ อิ อิ ครับ


ชีวิตใหม่ กับมะรุม

8 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 6 สิงหาคม 2009 เวลา 8:57 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1168

   แม้จะเข้าสู่อาณาจักร สว. แต่ใจผมไม่ได้เข้าไปอยู่ในนั้นด้วย  ประกอบกับสถานการณ์ในชีวิต ที่คนทั่วไปบอกว่าเลวร้ายจนไม่น่าจะทนอยู่ได้  แต่ผมก็สนุกกับมัน ด้วย “เช่นนั้นเอง” มาจนกระทั่งเบามากแล้ว  ไม่ต้องทุกข์กับการมี เพราะกำลังจะไม่มีอะไรเหลือในฝ่ายวัตถุ  แต่ในใจผมกลับร่ำรวยมหาศาล  และปลอดโปร่งแบบเหลือเชื่อ  เมื่อไปอ่านบันทึกครูบาฯเรื่อง มะรุม มะตุ้ม ที่สุดแสน สะใจแล้วก็เกิด ความลื่นไหลในความคิด จนไปปลดปล่อยไว้ในส่วน Comment ค่อนข้างยาว  ขอเอามาวางให้อ่านกันตรงนี้ชัดๆอีกรอบดังนี้ครับ ….. 

  • สุดยอด และเต็มอิ่มเลยครับ
  • จากประสบการณ์แรกที่สวนป่า ในการวิจัยไข่เจียวยอด+ดอกมะรุม ลองอมเม็ดมะรุมครั้งแรก ก็ประทับใจและไปไหนก็มักเล็งหาแต่ต้นมะรุม
  • เจอแถวชุมชนรถไฟ กม.11 ใกล้ขนส่งหมอชิด ตอนนั้นเก็บฝักแห้งได้มาไม่น้อย เพิ่งจะหมดสต็อคไป
    เมื่อไม่นานมานี้
  • ได้รับใบมะรุมผงมาจากลำพูน กำลังมีอาการไอเลิฟยูอยู่ และเรื่องปวดเมื่อยข้อ เข่า หลัง ก็ยังไม่หมดไป ลองชงดื่มคล้ายกับการกินยาหอม .. กลิ่นและรสชาติดี และดูเหมือนจะหลับสบาย บรรเทาอาการไอได้จริง ส่วนอาการปวดเมื่อยที่ดีขึ้น สรุปไม่ได้ เพราะมีสมุนไพรตัวอื่นที่กินติดต่อกันมา ร่วมสองเดือน และ ค่อยๆเห็นผลมาโดยลำดับ
  • อาจเป็นการสนธิพลังของมะรุม กับสมุนไพรเหล่านั้นก็ได้ ใครจะรู้
  • กำลังสนใจว่าน่าจะไปลงไว้สักแปลง ในที่สวนใกล้สวนโมกข์นานาชาติที่ไชยา ..
  • ที่ของน้าที่เป็นเหมือนพ่อคนที่สอง และเขายินดีให้ไป “ทำอะไรก็ได้” ในสวนมะพร้าวที่มีน้ำพุร้อนอยู่ด้วย 
  • ที่อยู่ติดเขาน้ำร้อน ที่ซึ่งผมเคยลุยน้ำข้ามพรุไปกับน้าเพื่อเริ่มทำสวน ปลูกมะพร้าวมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น และยังไม่มีถนนตัดผ่านในขณะนั้น
  • สถานการณ์ในชีวิตกำลังเสริมส่งให้น่าจะต้องกลับไป Start อะไรใหม่ๆที่บ้านเกิดพอดีครับ ..
  • ไม่แน่ อาจได้มะรุมเป็นวิชาหลัก วิชาเอกทางเกษตรกรรม ในมหาวิทยาลัยชีวิตก็ได้ครับ ..
  • ใครไปสวนโมกข์ จะได้เจียวไข่ใส่มะรุมต้อนรับ ยำไข่เค็มไชยาใส่ยอดมะรุม ให้ดื่มชามะรุม และแจกจ่ายน้ำมันมะรุม ก่อนให้ไปลงสระอาบน้ำร้อน น้ำแร่ธรรมชาติในสวนแห่งนั้น
  • พูดเป็นเล่นไป .. น้าบอกผมมาหลายปีแล้วว่า อยากให้ไปคิดทำอะไรบนที่แห่งนั้น ให้คนมาพัก มาอาศัยปลีกวิเวกอยู่ใกล้ๆวัด ทั้งไทย ทั้งเทศอะไรทำนองนั้น ..
  • ผมคิดได้ แต่ความรู้น้อย เงินน้อย  และด้อยประสบการณ์ จึงไม่อาจก่อการอะไรใหญ่ได้
  • จะไม่มีอะไรเป็นคำแนะนำกันบ้างเลยหรือครับ … ใจดำจัง
    ………  อิ อิ อิ


ความสำเร็จในมุมที่คนไม่ค่อยมอง

4 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 30 กรกฏาคม 2009 เวลา 10:49 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1304
  • ผมมีเพื่อนรักที่รู้ใจกันมากที่สุดคนหนึ่ง เป็นอาจารย์อยู่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เขาเป็นตัวของตัวเองมาก แม้คนจะชื่นชมว่าเรียนเก่ง มีประสบการณ์ชีวิตแห่งการเรียนรู้ทั้งในอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และอีกหลายๆที่ในโลก แต่เขาก็ไม่เคยทะเยอทะยาน แต่มุ่งทำงานรับใช้องค์กร รับใช้สังคม ดูแลญาติพี่น้องลูกหลานอย่างดียิ่ง มีแต่ให้ ให้ ให้ .. และค่อนข้างจะเป็นคนเชื่องช้า เฉื่อยแฉะ แต่ไปอยู่ไหนใครก็รัก และรักแน่น รักนานด้วย
  • บอกชื่อก็ได้ครับ เขาชื่อ ชัยรัตน์  กันตะวงษ์ ครับ.. เจอกันทีไรเรามีเรื่องคุยต่อยอดกันไปไม่มีเบื่อ มีเรื่องแปลกๆเล่าสู่กันฟังสม่ำเสมอ
  • วันหนึ่งมีเพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งซึ่งมีตำแหน่งเป็นผอ.โรงเรียน บอกเขาว่า .. ” มรึงนั้น เรียนก็เก่ง ทำอะไรมาก็เยอะ .. น่าจะไปได้ไกลและก้าวหน้ากว่านี้นะ ” เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่า เขาตอบกลับไปสั้นๆว่า .. ” ไปของมรึงคนเดียวเถอะ
  • เพื่อนผมทำงานมาก มิตรมาก คนรักมาก แต่ไม่มีตำแหน่งอะไร เพราะดูเขาจะไม่ใส่ใจ ความสำเร็จเปลือกๆ เหล่านั้นเอาเสียเลย เราเป็นเพื่อนซี้กันก็คงด้วยเหตุนี้ครับ
  • ชีวิตผมเองมีเรื่องหนักๆผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย ทำอะไรแล้วสำเร็จมากก็มี พลาดมาก็เยอะ ..
  • ดูแล้วไม่มีทางจะได้รับยกย่องเป็นศิษย์เก่าดีเด่น หรือเป็นบุคคลตัวอย่างที่ไหนได้ แต่ขอยืนยันว่า ผมพอใจชีวิตตัวเองมาก และรู้สึกเสมอว่าตัวเอง เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตสูงมาก
  • ผมได้สำเร็จในการเรียนรู้ที่จะสู้กับปัญหาใหญ่น้อยมากมาย  สำเร็จในการปรับจิตใจให้อยู่ได้ในสถานการณ์เลวร้าย ที่หากเป็นบางคนอาจเป็นบ้า ฆ่าคนตาย หรือไม่ก็ฆ่าตัวตายไปแล้ว ..
  • ผมเฉยๆได้ ทั้งกับการได้มา และ การสูญเสีย .. ฯลฯ 
  • จึงขอยืนยันชัดเจนว่า .. ความล้มเหลว หรือเรื่องเลวร้ายที่คนเราได้พบ และผ่านมันไปได้ด้วยรอยยิ้มนั้น .. มีคุณค่ามหาศาล 
  • เพียงแต่พวกเรา หลงอยู่ในกรอบความคิดบางอย่างมากเกินไป จึงไม่อาจใช้ประโยชน์ที่เกิดจากความล้มเหลวของคนเราได้
  • จริงมั้ยครับพี่น้อง
  • อิ อิ อิ


อะไรๆก็ โชคดี

1 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 30 กรกฏาคม 2009 เวลา 10:23 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1030

   เมื่อมีเหตุวุ่นวายในกทม.ช่วงเดือนกันยายน 51 ที่ผ่านมา ผมมีเรื่องต้องเดินทางไปกับชาวคณะศึกษาศาสตร์ ดังรายละเอียดในบันทึกเรื่อง …

     ในการเดินทางครั้งนั้นเริ่มต้นด้วยความทุลักทุเลพอประมาณ  ความวุ่นวายในกทม.ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ผมเองก็ได้รับผลกระทบ และทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ที่สำคัญคือเรียนรู้ตนเอง จากเหตุการณ์วันที่ 3 กย.ครับ ..

  • ไปดอนเมืองเพื่อบินไปเชียงราย ตอน 9 โมง เขาบอกว่าเลื่อนเป็น 10 โมง โชคดี ที่ได้มีเวลาว่าง ได้คิดอะไรแบบสบายๆ 
  • พอใกล้ 10 โมง เขาบอกว่าเครื่องเสียอยู่พิษณุโลก ผมถามว่า เครื่องเสีย หรืออย่างอื่น เขาก็ยืนยันว่าเครื่องเสีย เลย โชคดี ได้นั่งรถฟรีจากดอนเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิ 
  • เครื่องเกิดมีปัญหา เลยต้องออกบ่ายโมงกว่า เลย โชคดี อีกที่ได้นั่งเขียน บันทึกได้อีก 1 เรื่อง ..
  • แผนที่คิดไว้ตลอดสาย จากเชียงราย .. เชียงของ .. สิบสองปันนา ไม่อาจเป็นไปตามที่กำหนด  ผมเลย โชคดี อีกครั้ง ที่ได้มีโอกาส ทดสอบความรู้ ความสามารถว่า จะเอายังไงกับมัน .. ให้ทุกอย่างเป็นไปได้ และ ด้วยดี
  • โชคดีมากครับ โชคดีทั้งนั้นเลย
  • อิ อิ อิ


เมื่อผมสอน “ความจริงของชีวิต”

2 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 29 กรกฏาคม 2009 เวลา 10:44 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1122

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  แต่ไม่นานขนาดจำไม่ได้  ผมเคยสอนวิชาชื่อ “ความจริงของชีวิต” สนุกมาก บรรยากาศมีชีวิตชีวา  ผู้เรียนก็ดูจะมีความสุข  แต่มีคนกล่าวหาว่า “เนื่อหาน้อย“ 
    จำได้ว่าผมเห็นอะไรเป็นสื่อการเรียนรู้ไปได้หมด โดยเฉพาะข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนอื่นๆ  แม้แต่รูป 2 รูปที่ผมถ่ายเล่นเมื่อครั้งผ่านไปแถว เขากบ นครสวรรค์ ที่กำลังเขียนถึงอยู่นี้  ผมนำสองภาพให้ผู้เรียนดูแล้ว คิด เขียน เดี่ยว ตามด้วยเข้ากลุ่มย่อย และคัดสรร นำเสนอต่อกลุ่มใหญ่  ความคิดเห็นผมในฐานะผู้สอนถือเป็นเรื่องเล็กจะเอาไว้ท้ายสุด  และผมก็แอบใช้ Internet หาข้อมูล ความคิดเห็นจากสหายที่ไม่เคยเห็นหน้าที่ pantip.com ตัดต่อทำ Powerpoint เตรียมไว้ปิดฉากด้วย  นี่ครับ ร่องรอยที่พอจะเหลืออยู่ ..

   1. บัวดอกแรกในอ่างบัว บนเขากบ

            

                             2. อีกดอกหนึ่งในอ่างเดียวกัน

                                                    

3. ตัวอย่างบทกวีจากมิตรสหายที่ pantip.com นำเสนอ และผมนำมาปรุงเป็นสื่อปิดท้ายการสอน

        

                  

    

      

   

        ดูๆแล้ว  ผมไม่ได้สอนสักเท่าไหร่เลย  จับโน่น ชนนี่ “จัดการ” ให้เขาได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เสียมากกว่า  ช่างเป็นครูที่ไม่ “ขยันสอน” เลยนะเรา !

      บันทึกนี้เขียนไว้นานแล้ว วางไว้ ที่โน่น  ไปอ่านทบทวนดูก็รู้สึกอยากให้ญาติๆแถวนี้ได้อ่านด้วย เลยหยิบมาวางใหม่ ใกล้ๆตัว และขอแถมท้ายด้วย ข้อคิดความเห็นของผู้คนที่น่าสนใจอีกเล็กน้อย ดังนี้

1.  เนื้อหาน้อยเพราะเป็นแก่น ที่เหลือต้องขบคิดเอง อาจารย์สอนโดยการเปรียบเทียบให้เห็น “จริง” ผมมองว่าสุดยอดแล้วครับ

2. เค้าบอกว่าวิทยากรที่ดี ไม่ต้องมีแผ่นใสสักแผ่น ก็สามารถสอนได้ เพราะเพียงแค่จุดประกายให้ผู้เรียนได้คิดหาคำตอบด้วยตนเอง ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้สามารถคิดได้หลายแง่ หลายวิธี มีคำตอบที่หลากหลาย การฝึกให้คนได้คิดถือเป็นสิ่งวิเศษที่สุดแล้วครับ แบบนี้เรียกว่า กระบี่อยู่ที่ใจ หยิบจับสิ่งใดก็นำมาทำเป็นอาวุธได้หมด สุดท้ายขอชื่นชมทุกคนที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบทเรียนดอกบัวของคุณครูพินิจครับ

3. อาจารย์ครับ  เสียดายผมไม่มีโอกาสได้เป็นลูกศิษย์อาจารย์ ช่วงที่เรียนแต่ก็ขอสมัครเป็นลูกศิษย์ใน Blog พื้นที่เสมือนแห่งนี้นะครับ ไม่ได้ผ่านระบบ เอเน็ต และโอเน็ต ก็คงได้นะครับอาจารย์

4. ครูที่ “ขยันสอน” มีเป้าหมายคือ สอนให้รู้ แต่สอนแบบคุณ “Handy” เนี่ย พี่เม่ยสรุปเอาเองในใจว่า เป้าหมายคือ สอนให้คิด ค่ะ อย่างนี้ต้องเรียกว่า “ตั้งใจสอน” ค่ะ

5. เรียนอาจารย์ Handy ครับ  เป็นอีกคนที่แกะรอยตามมาขอเสริมปัญญาด้วยคนนะครับ อย่างนี้ต้องถือว่า เป็นการสอนแบบ ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ขนานแท้ นะครับผมว่า  อาจารย์ทำหน้าที่ เป็น คุณอำนวย

6. อ่านแล้วได้แนวทางการนำไปสอนเด็กและชาวบ้าน โดยเฉพาะการใช้สื่อและความสุนทรีย์ใจ สอดแทรกศีลธรรมตามวิถีที่อยู่ในความเป็นตัวตนของพวกเขา ขอบคุณที่ให้แนวทางครับ

7. อ่านบันทึกของคุณ Handy ทีไร มีอันต้องเก็บไปคิดก่อนจะกลับมาเขียนความเห็นเรื่อยเลยค่ะ เรียกได้ว่า “จุดประกาย” ได้เสมอจริงๆ   เห็นจริงมากๆโดยเฉพาะกับการสอนลูกค่ะ เวลาให้โอกาส ดูเขาคิด หลังจากเราเลือกสิ่งที่ควรพูดให้ดีๆแล้วล่ะก้อ เขามักจะ”คิด”ได้เองโดยที่เรารู้สึกได้ว่าเขา “get” มากกว่า ลึกกว่าจากการ”ทนฟัง”เราพูดพร่ำค่ะ 

8. เรียนท่านพี่ Handy ตามมาดูครับ เยี่ยมเลย ครับ ขอนำไปใช้ถ่ายทอดต่อครับท่าน


ชีวิต กับ ปัจจุบัน

3 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 28 กรกฏาคม 2009 เวลา 9:28 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1255

         “ชีวิตชีวา” ของเรามันอยู่ ณ ปรัตยุบันกาล ณ ขณะที่เรา “กำลังทำ” กำลังใช้ชีวิต “.. อาจารย์หมอสกล สิงหะได้เขียนไว้ในบันทึกหนึ่งของท่าน

  • ผมค่อนข้างพอใจตัวเองที่รู้สึกว่าสามารถทำได้ไม่น้อย ..
  • นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ได้พบว่าหลังจากออกจากราชการมา .. ไม่ได้มีความรู้สึกเคว้งคว้าง เลื่อนลอย หรือเหงาเลย ..
  • เรื่องควรทำ  น่าทำ และอยากทำ ยังมีอีกมากมายนัก
  • ยิ่งชินกับการทำงานโดยไม่ได้นึกถึงผลประโยชน์ของเราเป็นใหญ่ แต่มองออกไปถึงสิ่งที่ผู้คนอื่นมากมายจะพลอยได้รับอานิสงส์จากสิ่งที่เราคิดและทำ .. งานทุกอย่างก็เลยสนุก และให้ความเพลิดเพลินไปทันทีในขณะที่ทำ ..
  • ยังไม่ทันเห็นผลสุดท้าย เราก็เก็บเกี่ยวความสุข ความพอใจไปแล้วมากมาย เก็บเอาตอนที่ใจจดจ่อ อยู่กับสิ่งที่ทำ ณ ปัจจุบันขณะ นั้นๆ นั่นเองครับ ..
  • พักผ่อนด้วยการทำงานจึงเป็นจริงได้ไม่ยาก
  • ปัจจุบันเป็นเช่นนั้นจริงๆครับ .. ส่วนอนาคต ก็คงต้องคอยตรวจสอบ คอยสังเกตกันต่อไป .. แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่น่าเป็นห่วงครับ
  • อิ อิ อิ

   หมายเหตุ

              ผมคิดและเขียนต่อเติมไว้ในบันทึกเรื่อง รู้สึกการมีชีวิต เมื่อใช้ชีวิต ของอ.หมอสกล  สิงหะ และท่านก็ได้มาตอบผมด้วยล่ะ ว่า ….

   ”  สวัสดีครับ ขอบคุณที่กรุณามาเยี่ยมเยียน และเติมต่อ ฟังที่อาจารย์เล่า นี่เป็น dream retirement ของผมเลยนะครับ ที่ยังรู้สึก “เต็ม” ต่อๆไป เป็นอิสระ และได้ทำในสิ่งที่ตนเอง 100% pick, choose ที่จะทำต่อ จะพยายามทำให้ได้อย่างอาจารย์ครับ
     ขอบพระคุณที่ช่วยทำให้เป็นกำลังใจว่า เป็นสิ่งที่เป็นไปได้จริงๆที่จะทำครับ


เช่นนั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 28 กรกฏาคม 2009 เวลา 12:06 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 952

         ผมไปอ่าน บันทึกนี้ ของ “ลุงแหวง” แล้วเกิดอาการอยากต่อเติม จึงไปว่าไว้อย่างนี้ครับ ..

สวัสดีครับ

  • เข้ามาช้าไปหน่อย แต่ตามอ่านแบบละเอียด
  • คิดว่ามองเห็นและเข้าใจตามที่สื่อมาครับ
  • ผมอาจโชคดีหน่อยที่นอกจากได้อ่าน ได้บวชเรียนและอยู่ใกล้ท่านอาจารย์อยู่ช่วงหนึ่งแล้ว .. สมัยเด็กๆก็ยังได้วนเวียนอยู่แถวสวนโมกข์ ไปช่วยงาน กิน นอนอยู่ที่นั่น ได้ยินได้ฟังคำของท่านอาจารย์ และนำมาตรึกนึก และใช้ประโยชน์ได้มาตั้งแต่ชั้นมัธยม แต่ก็เป็นบางเรื่องนะครับ
  • สิ่งที่ได้ใช้บ่อยที่สุดเรื่อยมาคือคาถา “เช่นนั้นเอง” ครับ หลังๆมาก็เสริมด้วย “อตัมยตา” อีกตัวหนึ่ง ( ”อตัมยตา” = กรู ไม่เอากับ มรึง แล้วโว้ย ..  มรึง  หมายถึง สิ่งอันไม่ควรยึดถือทั้งหลาย ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ )
  • ตถตา” หรือ “เช่นนั้นเอง” ช่วยได้มากจริงๆ  ทำให้ไม่ต้องตื่นเต้นกับปรากฏการณ์แห่งความเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งซีกบวก และลบ .. ซึ่งในนั้นมันแฝง “ความไม่ยึดติด” เอาไว้ด้วยเรียบร้อยแล้ว
  • ส่วนที่ว่า .. ทำบุญ ทำทาน เพื่อกรุยทางสะดวกให้ชีวิตตัวเองอยู่และตายอย่างมีประโยชน์ .. อ่านแล้ว ทำให้นึกถึงคำสอนของท่านอาจารย์ที่ว่า การให้ทาน มี 3 แบบคือ ..
  • ทำทานเพื่อส่งเสริม “ตัวกู-ของกู” ชนิดเลว
  • ทำทานเพื่อส่งเสริม “ตัวกู-ของกู” ชนิดดี … และ
  • ทำทานเพื่อขัดเกลาและส่งเสริมการสิ้นไปซึ่ง “ตัวกู-ของกู”
  • สวัสดี และ อิ อิ อิ ครับ

           ถ้าใครยังไม่ได้คลิกตามไปอ่านฉบับเต็มก็ขอให้ลองเข้าไปดูนะครับ ที่ บันทึกนี้ ลุงได้สาธยายไว้ละเอียดเลยล่ะ


ชีวิตนี้เพื่ออะไร

1 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 25 กรกฏาคม 2009 เวลา 12:50 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 879
  • สำหรับผมโดยส่วนตัวแล้วกำหนดเอาว่า ชีวิตนี้มีไว้ทำ “หน้าที่” ครับ
  • หน้าที่ทั้งนั้นครับ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ จนถึงเรื่องภารกิจการงานสำคัญที่ได้รับมอบหมายจากองค์กรที่เราสังกัดอยู่  เรียกว่า ทุกอย่างที่ทำล้วนเป็นการปฏิบัติหน้าที่ ครับ
  • แต่เพื่อไม่ให้สับสนก็มีกรอบของมันเหมือนกัน  ได้แก่ หน้าที่ต่อตัวเอง ต่อบุคคลอื่น ต่อองค์กร ต่อสังคม ต่อโลก และต่อสรรพสิ่งที่แวดล้อมตัวเราอยู่ เป็นต้น
  • หลายครั้งมันคลุกเคล้ากันอยู่ ก็ยอมให้มันเป็นไป เช่นทำหน้าที่สื่อสารให้ความรู้แก่ผู้คน แล้วเขาก็เรียกร้องให้เราทำอะไรด้วยฝีมือและความรู้ของเราให้แก่เขา  สุดท้ายก็กลายเป็นผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆกลับมาหล่อเลี้ยงชีวิตเราด้วย  
  • แต่เรื่องนี้ผมโชคดีที่มีแรงต้านจากภายในสูงในการที่จะไม่เอาเปรียบผู้คน .. จึงค้นพบตลอดมาว่ามักจะเป็นฝ่ายให้มากกว่ารับ .. ดูเหมือนจะคุยโม้ แต่ขอยืนยันว่าเป็นจริง และมีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมมากมาย
  • การทำหน้าที่ทั้งหลายโดยมองออกนอกตัว เล็งประโยชน์ผู้อื่น หรือคนหมู่มากเข้าไว้ หากทำไปจนชินก็จะพบว่า ความสุขจากการ ไม่ต้องมี นั้นเบาสบาย และ หาง่าย ยิ่งนัก
  • อิ อิ อิ


  • Main: 0.58195781707764 sec
    Sidebar: 0.081955194473267 sec