อยู่ดีมีสุข

โดย freemind เมื่อ 7 กันยายน 2010 เวลา 11:40 (เช้า) ในหมวดหมู่ ภาษา ร้อยกรอง ความคิด #
อ่าน: 2411

วันนี้ได้อ่านหนังสือเรื่อง ร่างกายที่เหนืออายุขัย จิตใจที่ไร้กาลเวลา ซึ่งคุณเรืองชัย รักศรีอักษร แปลจากเรื่องAgeless Body Timeless Mind ของคุณหมอเชื้อสายอินเดียชื่อดัง Deepak Chopra หนา 492 หน้า ราคาปก 320 บาท พิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชน

เนื้อหาเท่าที่อ่านผ่าน ๆ อย่างเร็ว ๆ จะให้ความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับภาพรวมของศาสตร์ว่าด้วยการมีชีวิตที่ยืนยาว (อย่างมีคุณภาพ) อธิบายในมุมมองของแพทย์แผนปัจจุบัน ควอนตั้มฟิสิกส์ ผนวกกับศาสตร์ของอินเดียโบราณ (ผู้เขียนเป็นนายแพทย์เชื้อสายอินเดียที่เรียนและใช้ชีวิตในอเมริกา)

โลกกำลังเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงอายุ ในขณะที่อัตราการเกิดของประชากรลดลงโดยรวม หลายประเทศล่วงหน้าไปแล้วทั้งญี่ปุ่น อเมริกา สิงคโปร์ โดยรวมก็คือเรากำลังมีประชากรที่เป็นผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น การเป็น ผู้สูงอายุคงไม่ใช่เพียงแค่เป็นผู้มีอายุมากขึ้น แต่ต้อง อยู่อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี และแม้ว่าการแพทย์ปัจจุบันจะก้าวหน้าเพียงไร เราก็คงต้องยอมรับว่ายังมีข้อจำกัด คนจึงหันกลับมาสนใจ ศาสตร์ทางเลือก ซึ่งโดยมากก็มักจะเป็นความรู้จากทางตะวันออก เช่น สมุนไพร การฝังเข็ม การอดอาหารเพื่อสุขภาพ การใช้ดนตรีบำบัด การใช้ความร้อนความเย็น การใช้พลังจากแสงอาทิตย์ การใช้อาหารบำบัด การนั่งสมาธิ โยคะ การออกกำลังกายชนิดต่าง ๆ ซึ่งแต่ละคนก็คงเลือกตามที่เหมาะสมกับตนเอง (ว่าง ๆ ค่อยเขียนต่อ)

หยิบประเด็นในหนังสือที่น่าสนใจมาให้อ่านเป็นน้ำจิ้มก่อน… ในหนังสือเล่มนี้อ้างถึงงานวิจัยของ ดร.เจเวทท์ ซึ่งทำงานวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีอายุยืน ดังนี้ (หน้า303-304)

ลักษณะพิเศษของร่างกายของผู้มีอายุยืน

- น้ำหนักตัวไม่เกินหรือต่ำกว่ามาตรฐานเกินไป

- น้ำหนักตัวขึ้น-ลงไม่มากตลอดชีวิต

- กล้ามเนื้อแข็งแรง

- มือกำได้แน่น

- ผิวหนังดูอ่อนกว่าวัย

- ยังขับรถและเข้าร่วมกิจกรรมทางกายภาพได้

อ่านดูแล้วก็พื้น ๆ ไม่น่าจะพิเศษอะไรนัก นี่อาจเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าสิ่งที่จะอยู่ได้นานอย่างมีคุณภาพไม่จำเป็นต้องพิเศษกว่าปกติอะไร แต่ลักษณะที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกนิดคือ

ลักษณะพิเศษทางจิตใจ(รวมทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตและพฤติกรรม)

- มีเชาวน์ปัญญาดีเลิศมาแต่กำเนิด สนใจเหตุการณ์ทั่วไปที่เกิดขึ้น ความจำดี

- เป็นอิสระจากความกังวล ไม่ค่อยเจ็บป่วย ไม่ขี้กังวล

- สามารถเลือกอาชีพอย่างเป็นอิสระ ชอบที่จะเป็นเจ้านายตนเอง ทำธุรกิจของตนเอง (มีรายละเอียด แต่ขอละไว้ขี้เกียจพิมพ์) และส่วนมากไม่เกษียณอายุการทำงานก่อนกำหนด

- ส่วนมากเคยประสบกับภาวะหดหู่อย่างรุนแรง แต่สามารถฟื้นตัวและสร้างอนาคตใหม่ได้

- เป็นผู้มีความสุขกับชีวิต ทั้งหมดมองโลกในแง่ดีระดับหนึ่งและมีอารมณ์ขันอย่างชัดเจน ตอบรับกับความเพลิดเพลินง่าย ๆ ชีวิตเหมือนเป็นการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ สามารถมองเห็นความงามในขณะที่คนอื่นมองเห็นแต่ความอัปลักษณ์

- มีความสามารถในการปรับตัวได้ดี มีความทรงจำในวัยเด็กที่น่ารื่นรมย์มากมาย ทุกคนชอบอยู่กับปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงหลากหลาย

- ไม่กังวลกับความตาย

- ใช้ชีวิตด้วยความพึงพอใจในแต่ละวัน

- ทุกคนเคร่งศาสนาในความหมายกว้าง ๆ แต่ไม่มีใครเป็นพวกอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว

- รู้จักประมาณในการกิน แต่ก็อยากทดลอง ไม่เลือกกิน กินอาหารหลากหลาย มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ

- ทุกคนตื่นแต่เช้า นอนหลับเฉลี่ย 6-7 ชั่วโมง

- ไม่ติดสารเสพติดเช่นเหล้า บุหรี่ (แม้จะดื่มและสูบบุหรี่บ้าง)

- ตลอดชีวิตที่ผ่านมาใช้ ยา น้อยมาก

- ส่วนใหญ่ดื่มกาแฟ

มนษย์คงไม่พ้นความแก่ ความเจ็บ ความตายไปได้เป็นแน่ แต่เมื่อยังดำรงอัตภาพนี้อยู่ก็คงต้องดูแลร่างกาย จิตใจให้อยู่ได้ดี มีคุณภาพพอควร ไม่ต้องอยู่เป็นอมตะตลอดกาลหรือมีอายุยืนจนต้องบันทึกสถิติโลก แค่ใช้ชีวิตได้ตามวัย ดำรงตนอยู่อย่างมีความสุขตามอัตภาพ ไม่เป็นภาระแก่คนรอบข้าง สร้างสรรค์ประโยชน์ต่อตน ครอบครัว สังคมโลกได้บ้าง …. ก็คงคุ้มค่าแล้วที่จะเป็น ผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ ของสังคม

แอบดีใจเล็ก ๆ ในลักษณะข้อสุดท้าย…

ส่วนใหญ่ดื่มกาแฟ…ไชโย!!!

:lol:

« « Prev : สำเร็จ-สุข

Next : สองคำถาม » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 กันยายน 2010 เวลา 12:01 (เย็น)

    มีหนังสือชื่อ True North เขียนโดย Bill George เป็นหนังสือเกี่ยวกับความเป็นผู้นำ พูดถึงประสบการณ์เฉียดตาย หรือความตายของบุคคลใกล้ชิดอันเป็นที่รัก ว่าอาจเปลี่ยนหัวหน้าให้เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้ครับ อ่านได้บางส่วนที่นี่ ดูบทที่ 2 ชีวิตเรานี้ สั้นเหลือเกิน มัวทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้

  • #2 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 กันยายน 2010 เวลา 12:19 (เย็น)

    ตามไปอ่านเร็ว ๆ แล้วค่ะ …
    แต่ระยะนี้่ต่อมภาษาอังกฤษมีอาการอักเสบ…5555….ต้องใช้เวลาค่ะ

    ส่วนตัวก็มีประสบการณ์ที่ว่า ความตายของบุคคลใกล้ชิดได้ “เปลี่ยน” แม้ไม่ได้เปลี่ยนด้านการเป็นผู้นำอะไรทำนองนั้น แต่เปลี่ยนมุมมอง ความคิด ทัศนคติ ซึ่งมีผลต่อพฤติกรรมของตัวเองอย่างก้าวกระโดด

    และที่คุณ Logos ว่าไว้ “ชีวิตเรานี้สั้นเหลือเกิน มัวทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้” นี่เป็นความจริงที่เราไม่ค่อยยอมรับกัน เราไม่กล้าพอที่จะหันมามองให้ชัด ๆ ว่าเราอยู่ตรงจุดไหน เราย้ังเพลิดเพลินกับสิ่งที่พยายามไขว่คว้า (ทั้งที่ได้-ไม่อาจได้) และที่หนักไปกว่านั้นก็คือ เราไม่เคยใช้เวลา ณ “ปัจจุบันขณะ” จริง ๆ เรามักจะหวนหาอดีต ครุ่นคิดถึงอนาคต ซึ่งก็ทั้งยังมาไม่ถึงและไม่รู้จะมีไหม รวมทั้งสิ่งที่ผ่านไปแล้ว…ซะอีกด้วย

    55555….ฟุ้งไปไกล…
    ขอบคุณที่แนะนำหนังสือค่ะ

  • #3 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 กันยายน 2010 เวลา 12:33 (เย็น)

    Prof Bill George สอนที่ฮาร์วาร์ดครับ ผู้ที่ผมนับถือไปเรียนที่นั่น แนะนำมาอีกทีหนึ่ง
    @ รีวิวในกรุงเทพธุรกิจ
    @ จับประเด็นสำคัญ โดยเว็บภูมิปัญญาอภิวัฒน์

  • #4 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 กันยายน 2010 เวลา 12:44 (เย็น)

    มัวไปทำอะไรก็ไม่รู้ เป็นคำถามที่ต้องถามดังๆให้กับสังคมทุน..
    สมัยก่อนวงจรชีวิตเราแนบแน่นกับศาสนา ไม่มีคำถามนี้ หรือคำถามนี้เป็นแค่ถามกับบางคนเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้ มองจากตัวเราเอง และออก ไกลสุดไกล ต้องถามคำถามนี้ดังๆ และรีบหาคำตอบให้ได้ด้วยนะ ไม่ใช่ควรถาม มันจะต้องถามด้วย..

  • #5 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 กันยายน 2010 เวลา 9:09 (เย็น)

    ขอบคุณคุณ Logos ค่ะ
    น่าสนใจมากค่ะ จะหาเวลาไปอ่านอย่างละเอียดค่ะ

    พี่บางทรายคะ
    คำถามบางคำถามควรถามและต้องถาม เพราะหมายถึงการดำเนินชีิวิต… แต่กลับมีคนไม่มากที่จะถาม มักรอจนเวลาในชีวิตเหลือน้อยแล้วจึงถาม ซึ่งกว่าจะหาคำตอบได้ก็ล่วงเลยเวลาไปแล้ว

    และยิ่งแย่ไปกว่านั้นก็คือบางคนหมดเวลาไปก่อนที่จะได้ตั้งคำถามที่ควรถาม…ซะอีกด้วยสิค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.19412994384766 sec
Sidebar: 0.034676074981689 sec