มิตรคนที่ 7
1234
จากบันทึก มิตร 6 คน
ทำให้ต้องมานั่งขมีขมันทำ Check list ก็พบว่าตัวเองมีมิตรทั้ง 6 ประเภท มากน้อยต่างกันไป ที่น่าแปลกใจก็คือ มีประเภทที่ 1 (คอยห่วงใยถามไถ่ตักเตือน) และประเภทที่ 6 (มีประสบการณ์และอายุมากกว่า) มากที่สุด …สงสัยเราจะเป็นพวกแก่แดดแก่ลมแน่เลย...ฮา ๆ ๆ ๆ
1234
นั่งคิดไปคิดมา ยังมีมิตรอีกประเภทหนึ่งที่จะหลงลืมไม่ได้ เพราะมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ามิตรทั้ง 6 ประเภทที่ว่า นั่นคือ “มิตรที่คอยขัดคอขัดใจ”
ไม่ทราบใครเคยพบบ้างหรือไม่ สำหรับคนบางคนนั้น เราตระหนักชัดอย่างไม่มีข้อสงสัยว่าเป็นคนดี คนเก่ง มีความรู้ และเปี่ยมประสบการณ์ แต่พอคุยด้วยทีไร เป็นอันต้องเกิดอาการ “จิตตก” (ยกไม่ทัน) เหมือนถูกตำหนิอยู่เรื่อย เราพูดเราคิดอะไรไม่เคยดี ไม่เคยถูก ไม่เห็นจะเข้าท่า คุยด้วยแล้วเสียอารมณ์(ดี ๆ)… (คิดปลงในใจว่า คนอะไรพูดจาไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย)
จะว่าไปก็ไม่ใช่เป็นเฉพาะกับเราคนเดียว เธอก็เป็นอย่างนี้กับทุกคนรอบข้าง เป็น “ปกติธรรมดา” ของเธอ
หากพิจารณาจากรากศัพท์ คำว่า “มิตร”
มิตร, มิตร-
ความหมาย
[มิด, มิดตฺระ-] น. เพื่อนรักใคร่คุ้นเคย เช่น มิตรแท้ มิตรเทียม ฉันมิตร. (ส.; ป. มิตฺต).
สรุปรวมความว่า มิตร ก็คือเพื่อนที่รักใคร่ เพื่อนที่คุ้นเคยกัน
แล้วกรณีคนที่ชอบขัดคอขัดใจ ได้สังสรรค์เสวนาด้วยแล้ว “จิตตก” นี่ ทำไมจึงนับเป็นมิตร…
มีเหตุผลส่วนตัว 3 ประการ (คิดออกตอนนี้)ที่นับคนเช่นนี้เป็น “มิตร”
1. เพราะเธอเป็นคนคุ้นเคยกัน หากไม่คุ้นเคยหรือไม่ต้องมีกิจกรรมที่สัมพันธ์กัน ก็คงจะไม่ได้พูดคุย แลกเปลี่ยนกันเป็นแน่ ดังนั้นแม้ไม่อาจทำใจให้รักใคร่เธอได้ แต่ก็ต้องนับว่าเป็นมิตรเพราะมีความคุ้นเคย มีกรรมสัมพันธ์กันมา
2. เพราะเธอช่วยให้ได้ “มองต่างมุม” หลายครั้งที่แม้จะไม่ชอบคำพูดคำจา ภาษาที่เธอใช้ แต่ลึก ๆ ก็รับรู้ได้ว่ามีความจริงจัง จริงใจ และมุมที่เธอชี้ให้เห็นก็เป็นมุมที่เราไม่เคยมอง ไม่เคยตระหนักถึงมาก่อน
3. เธอได้ช่วยสะท้อนให้เห็นตัว “กิเลส” ด้วยการตีกระทบตัวตนของเรา ช่วยขัดเกลาอัตตา ทำให้เห็นว่า เรานี่ขี้หงุดหงิด ขี้โกรธ ติดคำหวานหู (แม้รู้ว่าไม่จริงใจก็ยังชอบ) และทำให้คอยระวังด้วยว่า เราเองก็เคยทำตัวเป็นมิตรประเภทขัดคอขัดใจ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจกับคนอื่นมาแล้ว ถ้าให้ดีก็อย่าทำตัวเป็นมิตรประเภทที่ 7 ขัดคอขัดใจ ใครให้บ่อยนัก (เลือกเป็นมิตรประเภทอื่นจะดีกว่า)
นี่แค่ 3 ข้อที่คิดได้ ก็เห็นคุณูปการของมิตรคนที่ 7 ขนาดนี้แล้ว ดังที่ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญกล่าวไว้ ในหนังสือ “ฉลาดได้อีก” ของท่านว่า ใครที่มาทำให้เราไม่สบายใจ เจ็บใจ หากเราข่มกลับ(ยูเทิร์น)ไปที่ฐานกายได้ คิดได้ รู้ทันว่าอ้อ…นี่ที่เราโกรธ เกลียด ก็เพราะมันมากระทบกิเลสของเรานั่นเอง นอกจากเราจะได้บุญแล้ว คนที่ทำให้เราไม่สบายใจก็จะได้บุญจากการระลึกรู้ของเราไปด้วย เพราะเป็นครูบาอาจารย์ที่เมตตามาสอนกรรมฐานให้แก่เรา
1234
เอ๊ะ…ได้สองต่อ ดีสองชั้นแบบนี้…ดีจริงดีจัง!!!
ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับมิตรคนที่ 7 ค่ะ
Next : มาเพิ่ม “กำลังใจ” กันเถอะ » »
6 ความคิดเห็น
น้องที่รัก
้สาธุ สาธุ สาธุ
ระหว่างกินของว่าง แบบหนัก ๆ ร้านกาแฟหน้าบ้าน
อิอิอิ
มิตรที่ว่านี้ท่าทางจะมีเยอะอ่ะ
โห…รุมเร้าทุกวันเลย
จริง ๆ มิตรลำดับที่ 7 ก็อาจจะเป็นมิตรในลำดับที่ 1 - 6
แต่ว่าขณะที่มีปฏิสัมพันธ์กัน เป็นการปฏิสัมพันธ์ใที่ไม่ตรงจริตเรา
ตัวกิเลสมันจึงวิ่ง ๆ ๆ ๆ
สังเกตช่วงนี้วิ่งบ่อยกับคนบางคน แต่ก็ให้เห็นว่ามันวิ่ง ๆ ๆ แล้วเราก็วางเราเอง แต่ใจไม่เปิดสำหรับเขาแล้วนะ
อาจต้องใช้เวลา เพราะเหตุผลของเรา ไม่ใช่เหตุผลของคนอื่น
กินบูลเบอรี่โซดา กับหนมปังหน้าหมูเผื่อนะคะ
คริคริคริ
คนที่คอยขัดอกขัดใจ อาจไม่ใช่มิตรก็ได้ แต่ว่า มิตรแท้ ตามพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะทำให้เราสบายกายสบายใจ (คงเหมือนเสพยา) อยู่ตลอดเวลาหรอกนะครับ [ผู้ชี้ขุมทรัพย์]
พี่ที่รัก
ปฏิสัมพันธ์ของคนเรานั้น แม้เป็นคน ๆ เดียวกัน แต่เมื่อเวลา สถานที่ อารมณ์ บริบทเปลี่ยน…ปฏิสัมพันธ์นั้นก็ไม่เสถียร
ที่พี่เจอนั้นทำให้คิดไปถึง ทฤษฏีไร้ระเบียบ (Chaos theory) ที่กล่าวถึงว่าในความสับสนปั่นป่วนมีจุดนิ่งอยู่ ในขณะที่จุดนิ่งใด ๆ ก็ยังมีความปั่นปวนอยู่ตลอดเวลาด้วย (เกี่ยวกันไหมนี่)
หรืออาจอธิบายง่าย ๆ ด้วย ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ (ชั่วครู่) แล้วก็ดับไปเสมอ…
ของว่าง…หนักจริง ๆ ด้วย บลูเบอรี่โซดาพอได้ หนมปังหน้าหมูไม่ต้องค่ะ ไม่ชอบทานหมูค่ะ
ขอบคุณคุณLogos ค่ะ ที่ชี้ขุมทรัพย์ให้บ่อย ๆ
ส่วนมิตรแท้นั้น ทำให้ตาโต…มีแยกย่อยได้ตั้ง 16 ลักษณะเชียว
และจริงค่ะ “มิตรแท้” ไม่จำเป็นต้องเออออห่อหมก เห็นด้วยกับเราไปเสียทุกเรื่องราว แต่บางครั้งกลับขนาบเราแล้วขนาบเราอีก ก็ด้วยเจตนาดีต่อเรา
แต่…ปัจจุบัน คนบางคน (เน้นว่าบางคน) ก็ไม่ค่อยชอบมิตรแท้ประเภทนี้ ไพล่ไปชอบมิตรเทียมที่คอยพูดจาดี ๆ แม้จะไม่ได้ทำให้เกิดการพัฒนาอะไรขึ้นมาก็ตามที
คนเรามีโอกาสเปลี่ยนไป แม้ตัวเราเองก็เปลี่ยนมาหลายครั้งแล้ว
เพื่อนที่รักใคร่กัน ท้ายที่สุด ลอบฆ่าเรา(ด้วยคำพูด)ก็มี
ดูกันนานๆ
ที่ไม่ค่อยพูดจากันก็มี แต่ส่งสายตาก็รู้ใจกัน และจริงใจกับเราเสมอต้นปลาย
แม้เราจะร้ายกับเขาในบางลีลา แต่เขายื่นไมตรีให้เสมอ
เออ..มึงนี่ใจทำด้วยอะไรวะ…
มันบอกว่า มึงลืมวันที่เราลำบากมาด้วยกันได้ไหม
ท่ามกลางความยากลำบาก มนุษย์จะเผยธาตุแท้มันออกมา มันว่างั้น..
สำหรับมึงกับกูไม่มีอะไรต้องอธิบายอีก
แม้บางลีลารสชาดจะเฝื่อนไปบ้าง แต่เราก็เป็นแค่ปุถุชน
แปรปรวนไปตามสิ่งที่มากระทบ
แต่ลึกๆ เราคบกันมาค่อนคนแล้วนี่หว่า…
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
ชอบประสบการณ์และบทสนทนาที่พี่นำมาฝากมากค่ะ… เหมือนได้ยินพี่ชายคุยกับเพื่อน ๆ ก็แบบนี้เลยค่ะ
สะดุดใจและเห็นจริงไปด้วยกับประโยคที่ว่า … ท่ามกลางความยากลำบาก มนุษย์จะเผยธาตุแท้มันออกมา มันว่างั้น..
รสชาติที่ฝาดเฝื่อนในบางลีลา นั้น อาจเป็นตัวทดสอบ “มิตรภาพที่แท้” ก็ได้นะคะ
ขอบคุณค่ะ