หมาหางด้วน

โดย freemind เมื่อ 1 กรกฏาคม 2010 เวลา 11:54 (เย็น) ในหมวดหมู่ การศึกษา #
อ่าน: 2916

12344

หลายวันมาแล้วที่คุยกับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน

1234 กลุ่มเพื่อนที่เรียนด้วยกันส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานแล้ว ทั้งทำงานเอกชนและรับราชการ ก็มีทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน

1234 ระยะนี้เป็นช่วงของการทำดุษฎีนิพนธ์ (Dissertation) ที่เราชอบเรียกง่าย ๆ ด้วยความเคยชินว่า วิทยานิพนธ์ (Thesis) อาจารย์ต้องทั้งดุและขอร้องให้เราเรียกให้ถูกต้อง แม้ว่าเราจะรู้สึกว่า ไม่ต่างกันหรอก เรียกง่าย ๆ ก็คือ รายงาน ชิ้นใหญ่ ที่ต้องทำส่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการจบหลักสูตรนั่นเอง จะเรียกอะไรก็ตามที

1234 ในยุคที่สถานศึกษาต้องแข่งขันด้านคุณภาพ ชื่อเสียง และการหารายได้เพื่อเลี้ยงตนเอง การเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนก็ยิ่งเข้มข้น มีทั้งภาคปกติ (ค่าเรียนถูกหน่อย) ภาคพิเศษ (เรียนนอกเวลาราชการ ค่าเรียนแพงกว่า) และทั้งภาคปกติและภาคพิเศษรุ่นนี้มีนิสิตรวม 18 คน

1234 ทุกวันศุกร์จะมีการรวมกลุ่มเพื่อนเพื่อพบปะและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ช่วยกันกระตุ้น ติดตามกัน ใครมีปัญหาเร่งด่วนก็นำมาคุยในวงสนทนา เพื่อรับคำแนะนำปรึกษาจากเพื่อน ๆ ซึ่งมีความรู้ชำนาญ และมีเครือข่ายที่หลากหลายกันไป

1234

1234 วันอังคารที่ผ่านมาเป็นการรวมตัวกันนอกรอบ เนื่องจากมีเรื่องเร่งด่วน เราพบว่าในจำนวนพวกเรา 18 คนนั้น มี

- 1 คน สอบหัวข้อวิทยานิพนธ์ไม่ผ่าน (แม้จะได้สอบแก้ตัวถึง 3 ครั้ง)

- 2 คน ขอลาออกเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ เจ็บป่วยทางกาย (ซึ่งก็ส่งผลมาจากความวิตกกังวล-ทางจิต)

- 1 คนกำลังจะต้องลาพักหรือลาออกอีก เนื่องจากป่วยด้วยอาการทางจิตเวช (หวาดระแวง) และ

- อีก 2 คน กำลังคิดจะลาออกไม่เรียนต่อ เนื่องจากมีปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว

รวมความแล้วมีเพื่อน ๆ ที่มีปัญหาและออกจากการเรียนไป 4 คน และกำลังจะออกไปอีก 2 คนในไม่ช้านี้

นั่นหมายถึงว่าจำนวน 1 ใน 3 ของผู้ที่เรียน ต้องออกจากการเรียนกลางคัน ไม่สามารถเรียนต่อจนจบหลักสูตรได้  การเรียนในระดับบัณฑิตศึกษานี้ นอกจากค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ต้องจ่ายจะสูงพอสมควรแล้ว ยังมีส่วนของการลงทุนจากภาครัฐที่สนับสนุนอีกส่วนหนึ่งด้วย … และนี่ก็คือสิ่งที่เรียกกันว่า “ความสูญเสียทางการศึกษา

1234

เกิดอะไรขึ้น?

เป็นคำถามที่กลุ่มเราพูดคุยกัน หลังจากมีการส่งตัวแทนไปคุยกับเพื่อน ๆ ที่ไม่เรียนต่อด้วยเหตุต่าง ๆ

- สำหรับคนที่สอบหัวข้อดุษฎีนิพนธ์ไม่ผ่านนั้น ทุกคนได้พยายามช่วยเหลือทางด้านวิชาการเต็มที่แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยได้ ต้องปล่อยไป

- คนที่มีปัญหาสุขภาพทางกายและทางจิตนั้น ได้พยายามช่วยแล้ว แต่เกินวิสัยที่จะทำได้ และเป็นการตัดสินใจของเจ้าตัวและครอบครัว ซึ่งเห็นว่าหากการเรียนจนจบเป็นดุษฎีบัณฑิตแล้ว มีโรคติดตัวแถมไปตลอดชีวิต หรือเรียนแล้วต้องเป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ เกิดปัญหาทางจิต คงไม่คุ้มกัน

- ส่วนอีก 2 คนที่มีปัญหาครอบครัวนั้น เราเสนอกันว่าควรไปคุยกับครอบครัวของเพื่อน ช่วยอธิบายและผ่อนคลายให้คนในครอบครัว (ภรรยา/สามี) ได้เข้าใจลักษณะการใช้เวลาของผู้ที่เรียนว่าเป็นอย่างไร ฯลฯ ในวันศุกร์นี้

ไม่หนักใจนักที่ได้รับการมอบหมายจากกลุ่มให้เป็นตัวแทนร่วมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นคนไปพูดคุยในครั้งนี้ เตรียมข้อมูลไว้แล้ว ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่คงต้องปล่อย-วาง-ใจสำหรับผลที่จะเกิดขึ้น

1345

1234 แต่ที่คิดต่อมาอีกก็คือ ทำไม การศึกษา ในระบบจึงได้ทำร้าย ผู้เรียนได้ถึงขนาดนี้นะ เกิดอะไรขึ้น และควรจะแก้ปัญหานี้หรือเปล่า จะแก้อย่างไร ใครควรรับผิดชอบ

หรือ… จะตอบง่าย ๆ พอพ้น ๆ ตัวไปเหมือนที่เคยได้ยินได้ฟังมาว่า เรียนถึงระดับนี้แล้ว ต้องแกร่ง เข้มแข็ง อดทนได้ทุกสภาวะ ไม่งั้นไม่สมศักดิ์ศรี (ศักดิ์ศรีอะไรก็ยังไม่แน่ใจ)  ระบบการเรียนการสอนต้องไม่ยอมให้ผ่านไปได้ง่าย ๆ ต้องเคี่ยวกรำ บีบคั้น ให้คิดให้แก้ปัญหา ให้ทำได้ ทนได้ทุกอย่าง จบง่าย ๆ ก็ไม่มีคุณค่าน่ะสิ

งั้นการศึกษาก็เป็นเพียงกระบวนการที่จะทดสอบความแข็งแกร่ง เข้มแข็ง อดทน ทนอด ต้องปรับตัวได้ทุกสภาวะแบบ ศรีทนได้อย่างนั้นหรือ?

1234

การศึกษาจึงกลายเป็น “กองทุกข์” ก้อนโต  คนที่เรียกว่า เก่ง แกร่ง เข้มแข็งที่ผ่านไปได้เท่านั้นจึงจะได้ชื่อว่าเป็น “บัณฑิต มหาบันฑิต ดุษฎีบัณฑิต” แล้วคนที่มีปัญหาในบางด้าน (ใครจะไม่มีปัญหาเลยล่ะ) ถือว่าอ่อนแอ ก็ถูกผลักออกจากระบบการเรียนการสอนไปเลยอย่างนั้นหรือ…(เพื่อนบางคนบอกว่า…โลกนี้ไม่มีที่สำหรับคนอ่อนแอ)

1234

การศึกษา น่าจะเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผู้เรียนทุกคนได้พัฒนาศักยภาพสูงสุดของตน ส่งผลมีความเจริญงอกงามทางสติปัญญา และสามารถนำความรู้และสติปัญญานั้นไปสร้างสรรค์ ทำให้ตนเองและผู้ือื่นได้เข้าสู่การตระหนักในคุณค่าของตน และแผ่กว้างไปจนถึงการทำประโยชน์และสร้างสรรค์สังคมโดยไม่หวังผลตอบแทนส่วนตัวในที่สุด… มิใช่หรือ?

1234

ท่านอาจารย์หมอประเวศ วะสี ท่านกล่าวว่าการศึกษาปัจจุบันเป็นการศึกษาของพวก หมาหางด้วน เพราะระบบการศึกษาเน้นแต่ให้ ความรู้ (ทางโลกและโลกย์) แต่ขาดการให้ความรู้ในมิติของ คุณธรรมจริยธรรม(หมาที่หางด้วนนี่เสียความเป็น “หมา” ไม่ได้รับการยอมรับ เพราะไม่มีหาง ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในการสื่อสารสำคัญไปแล้ว)

1234

ว่าที่ หมาหางด้วนเลยบ่น ๆ กันเองว่า ก็ในเมื่อระบบการศึกษาสร้างเรา (Treat) เช่นนี้ ก็จำเป็นอยู่เองที่เราจะกลายเป็นเช่นนั้น ไม่งั้นมันไม่จบนี่ มาเรียนแล้วขืนไม่จบก็อายเขาตาย แถมยังรู้สึกต้อยต่ำ ขาดความภาคภูมิใจในตัวเองไปตลอดชีวิต ดังนั้นในทุกวิถีทางไม่ว่าระบบและใครว่าอะไร ฉันก็ต้องทำ ต้องทน ต้องยอมรับให้ได้ … จบเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที…

ตกลงก็เลยกลายเป็น… หมาหางด้วน ไปเต็มตัว และมีหมาหางด้วน ซึ่งเป็นผลผลิตของระบบการศึกษาเดินเพ่นพ่านเต็มสังคมไปหมด

1234

ยิ่งคิดยิ่งหดหู่ใจ…บ่นและบันทึกไว้ ยังไม่รู้จะแก้อย่างไร แต่อย่างหนึ่งที่คิดขึ้นมาได้ในขณะนี้ก็คือ…

1234

เราไม่อยากเป็นหมาหางด้วน จะไม่เป็น ไม่ยอมเป็น…เด็ดขาด!!!

13424

« « Prev : บรรจงพิมพ์

Next : ดอกไม้พลังใจ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 กรกฏาคม 2010 เวลา 12:52 (เช้า)

    สำหรับการเรียน ป. เอกช่วงที่ทำ Dissertation พออีกระยะหนึ่งต่อจากนี้หรือเร็วๆนี้คือการตั้งคำถามว่า “ตรูจะเรียนไปทำไม(วะ)” …”มานมีปริญญาอนุปริญญาเอกแบบเรียนแต่ course work ไม่ต้องวิจงวิจัยไหม(วะ)”
    แล้วจะมีอีกระยะ…ที่จะหันเข้าหาความจริงของชีวิต ..ยอมรับทุกเงื่อนไขว่ามันเป็นเช่นนี้เอง..ถ้าบรรลุถึงตอนนั้นจะเรียนจบ…ฮ่าๆๆๆ

    อิอิ…คำแนะนำจากหมาหางด้วนตัวหนึ่ง (ถ้าเรียนจบ ป. เอกแล้วถูกเรียกว่าอย่างนั้น..5555)

  • #2 ป้าจุ๋ม ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 กรกฏาคม 2010 เวลา 6:32 (เช้า)

    -จากการที่ได้สัมผัสและผูกพันกับน้องอุ๊ยสร้อยมานานพอสมควร ป้าจุ๋มไม่เคยคิดว่าน้องอุ๊ยสร้อยเป็นหมาหางด้วนนะคะ ป้าจุ๋มชื่นชมเสมอมาว่าเป็นคนจริงจัง จริงใจ มีคุณธรรมและจริยธรรมพร้อมค่ะ

    -นี่ไม่ได้ชมกันเองนะคะ น้องอุ๊ยสร้อยจริงจังเสมอในวิชาชีพของตัวเองค่ะ และจากการที่ได้คุยกันเมื่อคราวไปสวนป่าคราวที่แล้วนั้น(แม้ได้คุยกันไม่มาก) เรื่องงานที่น้องสร้อยรับผิดชอบ ประมาณว่าการให้ความรู้แก่คนท้องก่อนเกิดเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์จากความไม่รู้ค่ะ อะไรประมาณนี้ ยังนึกในใจว่าจะนำมาเขียนชมในลานฯเลยแต่จำข้อมูลได้ไม่ละเอียดพอค่ะ แต่จากที่คุยกันวันนันจับได้ว่ามีความรับผิดชอบ ห่วงใยคนไข้ และเป็นการทำงานในเชิงรุกด้วยค่ะ ซึ่งน้อยหน่วยงานที่จะทำค่ะ
    -การคิดได้ทำได้อย่างนี้เรียกว่าเป็นคนมี ความรู้ คุณธรรมและจริยธรรมพร้อมแล้วค่ะ ดังนั้นป้าจุ๋มขอค้านแบบเอาหัวชนฝาเลยว่าอย่างไรเสีย “หางไม่ด้วนแน่ๆค่ะ”(เอาหัวชนฝาทำไมก็ไม่รู้นะ???เจ็บนะ)
    -สำหรับน้องFreemindก็เหมือนกันค่ะ อย่าไปคิดอะไรเป็นลบเลยค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา อย่าไปโทษระบบเลยค่ะ การที่น้องมีcontributionให้สังคมอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ป้าจุ๋มก็คิดว่า “หางไม่ด้วนแล้วนะคะ”
    -การเรียนเพื่อให้ได้ปริญญาสูงขึ้นนั้น เป้าหมายคือเพื่อเพิ่มพูนความรู้เฉพาะทางให้ลึกซึ้งกว่าคนอื่น เมื่อเราทำถึงเป้าหมายทำไมจะไม่จบ แต่บางคนมาเรียนเพียงเพื่อเอาใบปริญญาไปประดับเป็นเกียรติ์เท่านั้น คนกลุ่มนี้จะไม่ค่อยสนใจวิชาการ สนใจเพียงว่าทำอย่างไรจะได้ปริญญา กลุ่มนี้กระมังหางจะด้วนค่ะ
    -ป้าจุ๋มขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ ฮึดต่ออีกหน่อยค่ะ(ของอะไรได้มาง่ายนักเราจะไม่เห็นคุณค่าค่ะ)
  • #3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 กรกฏาคม 2010 เวลา 3:26 (เย็น)

    ตอนเรียน เรียก หมาหางด้วน
    จบแล้ว เรียก หมาหางดี 5555
    ตะกี้ก็มีโทรมาจากชัยภูมิ
    บอกว่าเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
    เรียน ป.เอก ที่สถาบันแห่งหนึ่ง
    จะมาขอคุยด้วยช่วงบ่าย
    สงสัย จะเป็นหมาหางแบบไหน?ก็ม่ายรู้ อิอิ

  • #4 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 5 กรกฏาคม 2010 เวลา 9:18 (เช้า)

    ขอบคุณพี่สร้อย/ป้าจุ๋มค่ะ

    สงสัยตัวเองคงอยู่ในช่วงของการมองหาและยอมรับ…. ความจริงค่ะ
    น้องเคยคิดว่า ทำไมต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เรื่องบางเรื่องก็ยากอยู่แล้ว กลับทำให้ยากยิ่งขึ้นไปอีก…เสียงั้น…

    อาการเกิดคำถามกับระบบการศึกษานี้ เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ กับกลุ่มผองเพื่อนและตัวเองค่ะ

    แต่ถึงอย่างไรเสีย ก็คงต้องยอมรับ มอง ดู เห็น และวางลง … แล้วก็มุ่งหน้าต่อไป

    ;)

  • #5 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 5 กรกฏาคม 2010 เวลา 9:20 (เช้า)

    ครูบาคะ

    หากหางด้วนแล้ว กลายเป็นหางดีได้… ก็ดีนะสิคะ
    กลัวแต่ว่า หางที่ด้วนไปก็งอกใหม่ไม่ได้ ไอ้ที่เป็นหางดีใหม่…ก็ไม่ใช่ของจริงซะอีก

    ตกลงเจอ…หางแบบไหนคะ
    ขอบคุณค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.04947304725647 sec
Sidebar: 0.033147096633911 sec