เจ้าเป็นไผ

21 ความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 20 มีนาคม 2009 เวลา 18:13 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1832

 เจ้าเป็นไผ

       จำความได้ว่า ผมเกิดในตระกูลค่อนข้างยากจน พ่อกับแม่เป็นคนเรณูนคร จ.นครพนม แต่อยู่คนละหมู่บ้าน คุณพ่อเป็นคน บ้านหนองลาดควาย  คุณแม่อยู่บ้านโคกกลาง คุณพ่อชอบการค้าขาย พ่อมีลูกอยู่สามคน เป็นชายล้วน ผมเป็นคนที่สอง (ชายกลางนั่นเอง) อิอิ พี่ชายใหญ่ห่างกับผม 2 ปี และน้องชายน้อยก็ห่างจากผม 2 ปี

       แม่เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ผมเด็ก  ๆ เป็นเด็กที่น่ารักมาก ๆ อ้วน ๆ ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนเอาไปเลี้ยง เอาไปอุ้ม เป็นเด็กอารมณ์ดี แต่ซนไปหน่อย แม่บอกว่า ผมปีนป่าย หล่นลงแคร่ หลายครั้งแล้ว แผลบนหัวมีเยอะมาก ๆ

หน้าตาดีตั้งแต่เด็ก อิอิ

       ตั้งแต่จำความได้ พ่อค้าขายมาโดยตลอด พ่อจะมีรถกระบะหนึ่งคัน ไปกับพรรคพวก การขายของพ่อจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล

ช่วงแรก พ่อจะไปรับเช่าพระ ตระเวนไปทั่วราชอาณาจักร  พ่อถึงช่วงหน้าหนาวพ่อก็จะไปรับซื้อผ้านวม ไปตระเวนขาย  หรือ ถ้าเป็นช่วงผลไม้ ก็จะไปรับซื้อเงาะ มาขาย  และ ถ้าเป็น ช่วงฤดูที่ชุ่มชื้น พ่อก็จะไปซื้อต้นไม้ต่าง ๆ มาตะเวนขายตามหมู่บ้าน เป็นอย่างนี้มาหลายปี  เพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูคุณชายทั้งสามคน

 

 

       ตัวผมเองเฝ้ารอพ่อที่ทำงานทุกวัน ประมาณว่า หายไป 10 20  วัน แล้วกลับมา นำเงินมาให้แม่ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ  เฝ้ารอวันที่พ่อกลับมา กลับมาทานข้าวกัน อยู่ด้วยกัน เล่นกัน ฉันพ่อ แม่ ลูก

       ตัวผมเองก็เป็นเด็กธรรมดา  ผมเรียนโรงเรียนบ้านโคกกลาง ตั้งแต่ ป. 1  จนถึง ป. 6 เกรดออกมาก็ธรรมดา ไม่ได้เรียนเก่งถึงขั้นที่ 1  หรือเรียนแย่ ถึงขั้นที่โหล่ ก็อยู่ในระดับกลาง ๆ แต่ในใจก็หวังลึก ๆ อยากเรียนเก่ง ๆ อย่างเพื่อน ๆ มั้ง แต่ก็ได้เท่านี้ แต่ก็ไม่เป็นไร

       หลังจากจบ ป.6 แล้วผมมาสมัครเรียนต่อโรงเรียนมัธยม เป็นโรงเรียนประจำอำเภอ คือ โรงเรียนเรณูนครวิทยานุกูล อ.เรณูนคร

จ.นครพนม  ก็สมัครเข้าเรียนก็ได้อยู่ห้องรองคิง ( รองเก่ง ) เป็นคนที่ชอบเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก พอได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนมัธยม ช่วง ม. 3 ก็หัดเล่นกีตาร์ จำได้ว่า ช่วงนั้น มีคนเล่นกีตาร์เป็นไม่กี่คนในรุ่น ก็เลยห้อมล้อมไปด้วยเพื่อน ๆ และ สาว ๆ อิอิ เป็นอะไรที่ภาคภูมิใจมาก ๆ

       ช่วงนั้นเรามองเห็นพี่ ๆ ม. 6 ที่เล่นดนตรีสากล เป็นวงสตริงเกิดแรงบันดาลใจว่า ถ้าเราเลื่อนชั้นไปอยู่ ม. 6 เราต้องมีวงเป็นของเราเองและเล่นเพลงให้พี่ ๆ น้อง ๆ 

สมัยมัธยมครับ ทายซิครับครูโย่งคนไหนครับ

       ในช่วง ม. 4  -  ม.5   ก็ได้มีชมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านเกิดขึ้นซึ่งก็เป็นวงดนตรีโปงลาง และมีนางรำด้วย ซึ่งในช่วงนั้นผมก็ได้ฝึกซ้อมดนตรีพื้นบ้าน ไม่ว่าจะเป็นโหวด พิณ โปงลาง  ตอนนั้นผมรับหน้าที่เล่นเบส ถ้าคนไหนติดงานหรือเล่นเครื่องไหนไม่ได้ ผมก็สามารถเล่นแทน เพื่อน ๆ ที่ไม่ว่าได้  จำได้ว่าอาจารย์ประจำชมรมจะรับงาน ช่วงหลังเลิกเรียนหรือไม่ก็ช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ ไปหลายจังหวัดมาก  ที่ประจำใจที่สุดก็คือ ได้มีโอกาสไปเล่นที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งพระเทพ ฯ พระองค์ท่านได้เสด็จมาเป็นประธานและได้เข้ามาชมการแสดงของพวกเรา เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้

       ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ทางดนตรีที่เรามีความสุขที่ได้เล่น ที่ได้เผยแพร่วัฒนธรรมของพวกเราชาวผู้ไทย เรณูนคร ผมยังวนเวียนอยู่กับดนตรี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรัก จริง ๆ สายที่ผมเรียน ม. 4 - ม. 6 คือ สายวิทย์ คณิต นั่นเอง  และ เรียน รด.ปี 1- ปี 3

       ช่วง ม.6 ก็เป็นโอกาสอันดีที่ผมและเพื่อน ๆ ได้มีโอกาสร่วมตัวกันและได้เล่นดนตรี เป็นวงสตริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ใฝ่ฝันมานานแล้ว ก็ได้เล่นสมดังความฝัน เป็นอะไรที่มีความสุขมาก การที่เราเล่นดนตรีแล้ว เห็นเพื่อน ๆ น้อง ๆ ร้องตามได้ เป็นสิ่งที่พวกเราชอบมาก ๆ

       เราเล่นดนตรีแบบนี้ไม่ใช่ว่า เราเล่นแบบเอาเป็นเอาตาย การเรียนไม่เอา ไม่ใช่นะครับ  เราแยกแยะออกว่า เวลาไหนควรซ้อม เวลาไหน ควรเรียน ผมเรียนจบ ป.6 ด้วยเกรดเฉลี่ย 2.90  ก็ถือว่าไม่มาก เป็นระดับแบบ กลาง ๆ  ในช่วงนั้นผมยังไม่รู้ตัวเองว่า ตกลงไอ้ที่ว่าเราชอบดนตรี เราจะมุ่งไปทางด้านดนตรีไหม หรือว่า เราเอาแค่เป็นงานอดิเรก คิดไปคิดมา  ผมไปเอนท์ เลือกคณะเกษตร  ( ตามเพื่อน )  เพราะเพื่อนผมได้โคว้ต้าเกษตรศาสตร์ ม.ขอนแก่นไปแล้ว ก็เลยอยากเรียนคณะนี้ ปรากฏสอบไม่ติด คิดไปคิดมา เราอยากเป็นอะไร คิดในใจ ตกลงเราชอบอะไรกันแน่ ในสมองแว็บเข้ามา เราอยากเป็นนายธนาคาร ไปเรียนการเงินการธนาคารเถอะ ก็เลยปรึกษาเพื่อนอีกคนหนึ่ง ว่าเรียน การเงินการธนาคารเป็นไงว่ะ  เพื่อนก็เลยบอกว่า ไปเรียนดนตรีดีกว่า ไปเรียนกับเรานี่แหละ เขามีโค้วต้า ความสามารุถพิเศษไม่ต้องสอบข้อเขียน เอากีตาร์ไปด้วยเดียว ตอนแรกผมบอกตรง ๆ ว่าไม่อยากไป แต่ก็จะลองดูก็เลยไปสมัครสอบกับเพื่อน ก็ได้โคว้ต้า เรียน คณะครุศาสตร์  วิชาเอกดนตรี  สถาบันราชภัฏสกลนคร ก็ได้เลยได้เรียนโดยปริยาย

หน้าตาปีหนึ่งครับ

       ผมเข้าเรียน เอกดนตรี วิชาเอกเครื่องมือ กีตาร์คลาสิก ตอนนั้นก็ตั้งใจฝึกซ้อมมาก ๆ ตื่นแต่ตีห้า มาซ้อม ๆๆๆ  ซ้อมอ่านโน้ต ดูโน้ต ไล่สเกล จนทำให้เราเข้าใจ และคล่อง สามารถสอนเพื่อน ๆ ในห้องได้ ผมว่า ความมุ่งมั่นและความตั้งใจ ทำให้ประสบผลสำเร็จ อันนี้ผมลองมาแล้วจริง ด้วย ผลสุดท้าย ผมได้ A  วิชานั้น อ่อ ลืมไป สมัยก่อน A เขาเรียกว่า ได้ ก 

การสอบปฏิบัติกีตาร์

       ช่วงปี 1 และ  ปี 2  ผม เข้าเรียนต่อ รด. ปี 4 ปี 5 ไปพร้อม ๆ กันด้วย ยอมรับว่าช่วงนั้นต้องปรับตัวอย่างมาก และต้องอดทนมาก ๆ เพราะไหนจะต้องซ้อมดนตรี ไหนจะต้องเรียน รด. ไหนจะต้องเข้าค่าย บางวันการเรียนก็ตรงกัน แต่ก็ต้องเลือกอันไหนสำคัญกว่า  และแล้วความพยายามที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผมเรียนจบ รด.ปี 5 ได้เลื่อนยศ.เป็นว่าที่ร้อยตรี ยงยุทธ ยอดมงคล สมใจยาก อิอิ

       ช่วงปีสาม ตอนนั้นได้รวมตัวกับเพื่อน ๆ จะไปเล่นดนตรีอาชีพ แถว ๆ อ.สว่างแดนดิน ซึ่งตอนนั้นยอมรับพ่อแม่หนักใจมาก เนื่องจากครูโย่งไปย้อมผมสีแดง และผมยาวด้วย เพราะเป็นนักดนตรีต้องผมยาว มีคาแรกเตอร์นิดหนึ่ง แต่ก็อธิบายให้แม่เข้าใจ ว่ามันเป็นงาน พ่อแม่ก็เลยเข้าใจ 

 

       ช่วงที่เล่นดนตรีอยู่ในผับเป็นเหมือนมุมมืดของชีวิตเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น การดื่มเหล้า การมีผู้หญิงมาพัวพัน ซึ่งคงต้องยอมรับว่า ก็มีนอกลู่นอกทางกันบ้าง แต่ถ้าเราไม่หักห้ามใจ จิตใจและร่างกายคงกระเจิดกระเจิงไปมากกว่านี้ เราเล่นที่นั้นได้ ประมาณ 3 - 4 เดือน พวกเราก็เลิก เพราะมีปัญหาหลาย ๆ อย่างสุมเข้ามา

       การทำงานกับคนกลุ่มมาก ย่อมมีปัญหา ถ้าต่างฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกไม่ยอมลดราวาศอกกันละก็ คงต้องทาใครทางมัน แต่ถ้ามีการพูดคุยกัน ประณีประนอม ยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกันก็คงจะไปด้วยกันได้

       ผมผ่านด้านมืดของชีวิตมาแล้ว ช่วงนั้นก็พยายามตั้งใจ เรียนจบให้ได้ เพื่อที่จะทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจ

       ผมว่า การที่เราจะประสบผลสำเร็จในชีวิตได้ ต้องมีแรงบันดาลใจ มาก่อน  สามเหตุที่ผมคิดว่าแรงบันดาลใจมาก่อนก็คือ ช่วงตอนที่ผมอยู่ ปี 4 ได้มีโอกาสไปแสดงความยินดีกับพี่ ๆ ที่จบไปแล้ว และเห็นพี่ ๆ แต่งชุดปกติขาว รับปริญญา เราเห็นว่า มันเท่ห์ มันสง่า มันภูมิฐาน มาก ๆ ผมก็เลยเกิดแรงบันดาลใจว่า เอาละ เมื่อเราจบแล้ว เราจะไปสมัครสอบครูและตั้งใจสอบให้ได้ เพื่อที่จะได้เป็นครูและใส่ชุดปกติขาวรับปริญญา ตอนนั้นมุ่งมั่นมาก พอเรียนจบปุ๊บ ก็ไปสมัครติวกับอาจารย์ที่สถาบัน ซึ่งตอนนั้นไม่มีเงิน คนใกล้ตัวผมก็เลยให้มาสมัคร ตั้งใจมาก ๆ อยากสอบได้ ตอนนั้นมีการสอบแข่งขันที่อุบลราชธานี ความรู้แน่นมาก ไปหาหมอดูก็บอกสอบได้แน่ ๆ ไปบ่นบานศาลกล่าวที่ไหนก็ไปมา  พอไปสอบแล้วผลสอบออกมาว่า ไม่มีชื่อ ผิดหวังมาก ตอนนั้นวูบไปซักพักหนึ่ง

       ก็ตัดสินใจเข้ามา กทม. เพื่อมาหางานทำ ตอนนั้นไปสมัครที่บริษัท เอ็ทน่า โอสถสภา  ประกันชีวิต ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเราต้องไปขายประกัน เขาบอกว่าตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายขาย เงินเดือนหมื่น ก็เลยดีใจ โทรไปบอกพ่อแม่ว่าได้งานแล้ว ที่ไหนได้ ต้องไปขายประกัน ขายอยู่พักหนึ่งก็ไม่ค่อยเวิร์ค เพราะเราอ่อนประสบการณ์ แล้วก็เปลี่ยนบริษัท ไปขายกับบริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต ซึ่งก็ได้ทีมงานดี ก็มียอดขายอยู่บ้าง ไปสัมมนาบ้าง ไปดูแลลูกค้าบ้าง ตอนนั้นผมพักแถว ๆ บางโพ

พี่ชายโทรมาบอกว่า ตอนนี้ที่ กทม. เขามีสอบครู กทม. ลองมาสอบดูไหม ก็เลยลองสมัครสอบเข้ามา  ทางกทม. เขารับ 10 ตำแหน่ง  ตอนสอบเสร็จมั่นใจว่า ยังไงก็ได้ที่ 1 แน่ ๆ ชัวร์ ๆ  มั่นใจขนาดนั้นเลย  ปรากฎว่าผลสอบออกมาเราได้ที่ 17 ก็ดีใจครับ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เพราะต้องรอ เขาเรียก

       รอบแรก กทม.เรียก 10 คน เดือนสิงหาคม 2543

       ช่วง พฤศจิกายน 2543 เรียกเพิ่มอีก 10 คน ก็เลยได้เป็นครูสมใจอยาก  ตอนนั้นเขาให้เลือกลงโรงเรียนที่อยากลง พอเห็นโรงเรียนพรพระร่วงประสิทธิ์  ถ.สุขภิบาล 5 ในใจคิดว่า  สุขาภิบาล 5 ก็คงอยู่ใกล้ ๆ กับ สุขาภิบาล 1 - 3 อะไรแบบนี้ ก็เลยเลือก ปรากฎว่า อยู่แถวรามอินทรา  โอ้โหอยู่ลึกมาก

       ผมต้องนั่งรถจากบางโพ ไปโรงเรียน 5 ต่อกว่าจะถึง ออกจากบ้านประมาณ ตีสี่ กว่า   กลับถึงบ้านประมาณ 2 - 3 ทุ่ม เป็นเวลากว่าปี

       เวลาผ่านไปหนึ่งปีความฝันก็เป็นจริง ผมเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรด้วยชุดปกติตาม ตามที่ผมได้แรงบันดาลใจจากรุ่นพี่ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่แต่ผมก็ภูมิใจกับสิ่งที่ได้รับ เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่ผมได้มาด้วยตัวของผมเอง โปรดติดตามต่อต่อไปครับผม


ไปงาน HA National Forum ( 3 )

8 ความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 13 มีนาคม 2009 เวลา 21:47 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2149

สวัสดีครับ

หลังจากที่ได้กินส้มตำกันแล้ว พวกเราชาวคณะก็เตรียมเคลื่อนขบวนไปบุกบ้านพ่อครูบา โดยนัดพี่ครูปูไว้แล้ว ไปรถพอลล่าโดยให้ผมขับและให้อ.ขจิตกับพอลล่าบอกทาง ปรากฎว่า สองคนนี้ เถียงกันเองครับพี่น้อง ต่างคนต่างมั่นใจ ว่าทางนี้แน่นอน แล้วก็ลงท้ายว่า มั่ง….  อิอิ  สรุปคือ หลงทางครับ วนรอบ 2 รอบ กว่าจะไปถึง พี่ครูปู กับพ่อครูบานั่งรออยู่ที่ร้าน สเต็กลุงหนวด ภาพที่เห็นก็ เป็นแบบนี้ครับ อิอิ

 

หลังจากกินสเต็ก เสร็จแล้วก็ได้เวลาบุกขึ้นห้องพ่อครูแล้วครับ

นี่แหละครับ ห้องพ่อครู

 

 

งานนี้บุกมาบ้านพ่อครูทั้งที  พาสาวน้อยหน้าตาดี บุกบ้านพี่เอก จตุพร

ซะงั้น

       งานนี้มีเซอร์ไพรซ์ครับ พ่อครูมอบของฝากให้ด้วย ครับ เป็นพวงกุญแจ ปลื้มใจสุด ๆ ครับพี่น้อง

             ขอบคุณวันดี ๆ ในวันนี้ได้พบ ได้เจอสิ่งดี ๆ ได้พบ ทั้งพี่ ป้า น้า อา ที่มีความรัก ความอบอุ่นให้แก่กัน ผมว่ามิตรภาพดี ๆ แบบนี้หายากมากครับ แต่ผมพบแล้วครับ

ขอบคุณทีแวะมาอ่านครับผม


ไปงาน HA National Forum ( 2 )

3 ความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 13 มีนาคม 2009 เวลา 19:16 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2350

สวัสดีครับ

หลังจากที่พวกเราเสร็จสิ้นภารกิจ ก็เลยมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกันซะหน่อย พี่ไก่ประกาย บอกว่า เดี๋ยวจะไม่มีหลักฐาน อิอิ  ถ่ายกันไป ถ่ายกันมา  ปรากฎว่า อ.ขจิต กลายเป็นตากล้องจำเป็นซะงั้น โดย ถ่ายภาพให้เหล่า คุณหมอ พยาบาล ทั้งหลาย งานนี้ อ.ขจิต บอกสู้ตาย เพราะคุ้นเคยกับคุณพยาบาล คุณหมออยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ

 

 

 

รับจ้าถ่ายภาพ

 

หลังจากสร้างภาพเสร็จ พี่ไก่กับพี่แก้วก็ไปซื้อเสื้อ ซึ่งเป็นเสื้อของงาน HA

ง่วนกันใหญ่

หลังจากถ่ายภาพเสร็จ ก็เลยเข้ามานั่งรอเพื่อที่จะรอพบกับแม่ต้อยและ อ.หมอJJ  ผมเพิ่งเจออ.หมอJJ  ครั้งแรกครับ เข้าไปทักสวัสดีครับ คุณหมอ JJ. หมอมองหน้าผม แล้วก็งง ๆ ว่าผมเป็นใคร ก็เลยบอกว่า ผมครูโย่งครับ เท่านั้นแหละ หมอบอก เอ้า เหรอ ก็เลย เอากล้องออกมาถ่าย ไม่รอช้า หมอถ่ายผม ก็เลยถ่ายกลับ ภาพก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ ครับ

ต่างคนต่างถ่าย อิอิ

นี่ไงครับคุณหมอ JJ เพิ่งเจอตัวเป็น ๆ ครั้งแรกครับ

       หลังจากนี้ก็เป็นมหกรรมการกอดอีกแล้วครับท่าน หลังจากกอดคุณหมอ JJ แล้ว ก็เลยเข้าไปทักแม่ต้อย สวัสดีครับ แม่ต้อยทักกลับว่า สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามาจากโรงบาลไหนคะ ผมก็เลยบอกว่า ครูโย่งครับ เท่านั้นแหละ แม่ต้อย บอกอ้าว เหรอ ก็เลยโผเข้ากอดกันใหญ่ อิอิ

แม่ต้อยครับ

กอดไม่บันยะบันยัง

พี่ไก่ ประกาย พี่แก้ว ครูโย่ง แม่ต้อย อ.ขจิต หมอ JJ ครับ

       พวกเราขึ้นไปรอแม่ต้อยและพอลล่าชั้นสอง ปรากฎว่าได้เจอกับ คุณหมอสุพัฒน์ ด้วยครับพี่น้อง คุณหมอสุพัฒน์ งงเล็กน้อย แต่เนื่องจากงานเข้าก็เลย ได้ถ่ายภาพแป๊บเดียว

แต่มีสองคนในภาพครับไม่รู้เล่นอะไรกัน ตามไปดูภาพกัน อิอิ

ฮาจริงๆ

หลังจากกอดเสร็จ ก็เลยเข้ามานั่งรอ พอลล่า และแม่ต้อย และแล้วก็ได้เจอ พี่นุชช่า อิอิ เจอกันแล้ว งานนี้พลาดการกอดได้ไง

นั่งรอสักพักพอลล่าก็เข้ามาเรียก พี่ ๆ ขา  หิวไหม ค่ะ พอลล่าเลี้ยงส้มตำ  ปรากฎว่า เป็นอาหารบุฟเฟ่ ส้มตำไก่ ย่าง ข้าวเหนียว งานนี้ ส้มตำปู ไม่รู้ว่าอร่อยหรือไม่อย่างไร ตามไปดูภาพเลยครับพี่น้อง

 

 

 

 

สำหรับบันทึกนี้ เอาไว้แค่นี้ก่อนโปรดติดตามตอนต่อไป ครับ


ไปงาน HA National Forum ( 1 )

8 ความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 13 มีนาคม 2009 เวลา 12:20 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2094

สวัสดีครับพี่น้องชาวลานทุกท่าน

       เมื่อวานนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในงาน HA National Forum ครั้งที่ 10  ที่ ศูนย์การประชุม IMPACT เมืองทองธานี โดยได้รับเกียรติจาก ท่านที่ปรึกษาของเรา คือ น้องพอลล่า นั่นเอง ได้เชิญไป โดยมีอ.ขจิต ร่วมด้วย

ซึ่งตัวผู้เขียนเองเดินทางไปถึง อิมแพค ประมาณ บ่ายสองโมงกว่า ๆ โดยหลงทางอยู่พักหนึ่ง อิมแพค เป็นอะไรที่ใหญ่มากๆ ต้องอาศัย ถามทางจากเจ้าหน้าที่และใช้รถรางเป็นตัวช่วย กว่าจะเดินทางมาถึง เล่นเอาซะเหงือตกกีบเลย อิอิ

ผมเดินทางมาที่ ห้อง คอนเวนชั่น ฮอลล์ ก็เจอพอลล่า เลย เพราะพอลล่ามารับ จากนั้นก็ไปที่เวทีที่จะร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พอไปถึงกำลังมีการแสดงหมอลำซิ่งอยู่ แต่เป็นแบบ หมอลำซึ่งอะคูสติก โดยใช้แคนหนึ่งตัวและ กีตาร์หนึ่งตัว ลงตัวกันมาก    ทราบภายหลังว่าคนที่เป็นหมอลำเป็นถึงพยาบาลด้วย โอ้ มายด์กอด เก่งขั้นเทพ

 

 

พอถึงเวที มหกรรมการกอดก็เกิดขึ้น ผมเจอกับพี่แก้ว อุบล และพี่ไก่ประกาย ครั้งแรก เจอกันแล้วภาพก็เลยเป็นแบบนี้ครับ ร่วมด้วยน้องพอลล่า และอ.ขจิต

กอดพี่ไก่ ประกาย

กอดพี่แก้วอุบล

กอดน้องพอลล่า

และกอดหมดเลย อิอิ

หลังจากที่การแสดงของหมอลำอะคูสติกจบลง ก็ได้เวลาของพวกเราชาวคณะ อิอิ พอลล่าคว้าไมค์ไปก่อนจะแนะนำ พิธีกร และวิทยากรที่จะมาช่วยให้ความรู้เกี่ยวกับ การใช้งานของบล็อกและประสบการณ์ต่าง ๆ ของบล็อกเกอร์

เริ่มต้นด้วยพี่แก้วอุบล พูดถึง การนำประสบการณ์ต่าง มาบันทึกเรื่องราวผ่านบล็อก ไม่ว่าจะเป็นบล็อกเรื่องงาน เรื่องทั่วไป เรื่องท่องเที่ยว  จากนั้น พี่ไก่ ประกาย ก็ได้นำประสบการณ์ต่าง ๆ มาพูด โดยเฉพาะเรื่องพี่ไก่ ชอบกล้วยไม้ โดยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านบล็อก ไป ๆ มา ๆ พี่ครูคิมก็หอบ กล้วยไม้มาให้เยอะแยะ ซึ่งเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์จริง ๆ หลังจากที่นั้นหมอเจ้ก็เดินมา อ.ขจิตบอกว่า ไปตามหมอเจ้สีเสื้อส้มมา ด่วน ผมก็เลยไปคว้าตัวหมอเจ้มาแชร์ประสบการณ์ต่าง ๆ ผ่านบล็อกเลย หลังจากทั้งสามท่านได้แบ่งปันประสบการณ์ดีๆ 

 

 

ก่อนหมอเจ้ไป ขอกอดก่อนไป อิอิ รู้อะไรไหมครับพี่น้อง จะมาบอกว่า หมอเจ้ สูง พอๆ กับครูโย่งเลย

โดยใช้ตัวช่วย อิอิ

 

เสร็จแล้ว อ.ขจิตก็เลยอยากให้คนที่มาฟังสมัครสมาชิกกันสด ๆ บนเวทีกันเลย กะจะทำเป็นขั้นตอนเพื่อให้ผู้สมัครหน้าใหม่ได้เป็นสมาชิก และได้มีบันทึกใหม่ ๆ แต่ปรากฏว่า เน็ตเจ้ากรรมดันล่มก็เลยแก้ปัญหาโดยการบอกวิธีและขั้นตอนเข้าไปสมัคร ( โถ่ อ.ขจิต หลอกให้เขาขึ้นเวที อิอิ )

สำหรับบันทึกนี้ เอาไว้แค่นี้ก่อนครับ แล้วค่อยมาต่อ เพราะมีอะไรที่จะเขียนเยอะเลยครับพี่น้อง



Main: 0.048543930053711 sec
Sidebar: 0.062166929244995 sec