จงทำกับเพื่อนมนุษย์โดยคิดว่า:
อ่าน: 1463ติดดี
อ่าน: 1431ขึ้นชื่อว่าติด ติดอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น
มีติดอย่างหนึ่งที่ ติดง่ายเหมือนกัน
ติดดี คือยึดติดกับคำว่าดี สิ่งที่คิดว่าดี
จะเป็นผลงานดี พฤติกรรมดี ความรู้สึกดีๆ
แล้วมันไม่ดีตรงไหนเล่า
ไม่ดีตรงที่ดีไม่ถึงที่สุด ดีไม่คงอยู่แปรเปลี่ยนได้
ดีอยู่ในอารมณ์ ดีไม่เป็นอิสระ
พอติดดีแล้วเกิดความอยาก อยากทำดี
อยากให้คนอื่นทำดี อยากมอบสิ่งดีๆ
คิดถึงดี ก็ทำให้คิดถึงไม่ดี
อยากทำดี ก็ต้องมีอะไรที่ไม่ดีที่ไม่อยากทำ
ดี ทำให้เกิดเปรียบเทียบ
บางทีก็มีอัตตาเกิดเพราะ ดี
คนนั้น คนนี้ไม่ดี ดีไม่พอ
งานนั้นงานนี้ยังไม่ดีพอ
ความดีอะไรคือสูงสุด คือดีพอ
ดีพอในใจของใคร ดีพอในเงื่อนไขอะไร
ดีพอในสถานการณ์ของใคร
บางทีเพราะติดดี จึงต้องเป็นพระเอก เป็นนางเอก
ในใจของคนอื่นตามที่เขาบอก
แล้วหลงติดภาพว่าตัวเองเป็นพระเอกหรือนางเอกด้วย
พระเอกในใจเขา พระเอกในใจเรา
แล้วบางทีก็ต้องทำอะไรที่ไม่ควรเพื่อรักษาภาพนั้น
ยอมให้ตัวเองเลวไม่ได้ เลยต้องทำเลวบางอย่าง
เพื่อรักษาภาพดีนั้นไว้ ไม่ว่าด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
บางทีก็เกิดความโกรธ กับคนไม่ดี เรื่องไม่ดี
ดีให้ถึงที่สุด คืออะไร
ดีที่ไหน ดีเมื่อไร ดีอย่างไร
ดีแบบไม่ยึดติดคืออะไร
ละติดดี เป็นเรื่องยากมากอีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าได้รู้ตัว มีสติ คงช่วยได้
ติดดี ติดดี เราไม่รู้ตัวกันบ่อยๆ
ธรรมดา ธรรมดา ก็เราเป็นปุถุชน นี่นะ
รักคนไกล ระอาคนใกล้
อ่าน: 2914ปลูกป่า รักต้นไม้ทั่วทั้งโลกนั้น บางครั้งกลับง่ายกว่ารักต้นไม้ในบ้าน
เราพร้อมจะไปปลูกป่าทั่วทุกหนแห่ง แต่คร้านที่จะดูแลต้นไม้ในบ้าน
ปลูกป่านอกบ้านไม่ใช่เรื่องยาก แค่หย่อนกล้าไม้ลงหลุมแล้วกลบ
จากนั้นก็กลับบ้านได้เลย แต่ปลูกต้นไม้ที่บ้านสิ เรายังต้องรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยนานนับปี
ครั้นต้นไม้เติบโตสูงใหญ่ ก็ยังต้องเสียเวลากวาดใบไม้ร่วงไม่หยุดหย่อน
วันดีคืนดีกิ่งไม้อาจตกมากระแทกหลังคาเป็นรู
เป็นเพราะต้นไม้นอกบ้านให้แต่สิ่งดี ๆ
มีแต่สิ่งที่น่าชื่นชม ไม่เป็นภาระแก่เราเลย
เราจึงรักเขาได้ง่าย ส่วนต้นไม้ในบ้านนั้นเรียกร้องการดูแลเอาใจใส่จากเรา
แถมยังอาจก่อปัญหาให้ด้วย หลายคนจึงมองเห็นแต่ข้อเสียของเขา จนรู้สึกระอาขึ้นมา
เป็นเพราะเหตุผลเดียวกันนี้หรือเปล่า
ผู้คนเป็นอันมากจึงรักและชื่นชมคนอื่นได้ง่ายกว่าคนในบ้าน
เราเห็นแต่ความดีของคนไกลตัวเพราะเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราเลย
ส่วนคนในบ้านนั้นอยู่ใกล้กับเรามากเกินไปจึงเห็นแต่ข้อเสียของเขา
หรือเห็นเขาเป็นภาระที่ต้องดูแลเอาใจใส่จนกลบข้อดีของเขาไปเกือบหมด
ผลก็คือเรามักสุภาพอ่อนโยนกับคนไกล แต่มึนตึงฉุนเฉียวง่ายมากกับคนใกล้ตัว
อะไรก็ตามยิ่งอยู่ใกล้ตัวมากเท่าไร เราย่อมหน่ายแหนงและระอาได้ง่ายมากเท่านั้น
ที่แล้วมาเราอาจมองข้ามไปเพราะคุ้นชินความดีที่เขาทำกับเราจนมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
เพลงที่แสนไพเราะ หากได้ฟังทุกวันทุกคืนก็กลายเป็นเพลงดาษ ๆ
ไม่มีเสน่ห์สำหรับเรา ฉันใดก็ฉันนั้น
คำพูดที่ไพเราะของภรรยา น้ำใจของสามี หรือความใส่ใจของพ่อแม่
หากเราได้ยินได้ฟังหรือได้รับติดต่อกันเป็นปี ๆ หรือนานนับสิบปี
ก็กลับกลายเป็นสิ่งสามัญจนเรามองไม่เห็นความสำคัญ
ไม่ต่างจากอากาศที่เราไม่ค่อยเห็นคุณค่าทั้ง ๆ ที่ขาดมันไม่ได้เลย
น่าแปลกก็ตรงที่หากคนใกล้ตัวทำผิดพลาด
หรือสร้างความไม่พอใจแก่เรา แม้เพียงครั้งเดียว
การกระทำนั้น ๆ กลับฝังใจเรา
ได้นานหรือลึกกว่าความดีที่เขาทำกับเรานับร้อยนับพันครั้ง
ใช่หรือไม่ว่าเวลาเขาทำดีกับเรา เรามองว่านั่นเป็น “หน้าที่ของเขา”
หรือเป็น “สิทธิที่เราควรได้รับ”
แต่เมื่อใดที่เขาทำไม่ดีกับเรา ทำให้เราไม่พอใจ
เรากลับมองว่าการกระทำเช่นนั้นเป็น “สิ่งที่ไม่สมควร”
เป็นเรื่อง “ไม่ธรรมดา” ดังนั้นจึงฝังใจเราได้ง่ายกว่า
อันที่จริงเขาอาจไม่ได้ทำผิดพลาดเกินวิสัยปุถุชน
แต่ความที่เรามักจะมีความคาดหวังสูงจากคนใกล้ชิด
ความผิดพลาดของเขาแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เราหัวเสีย
ขุ่นเคือง หรือน้อยเนื้อต่ำใจได้ง่ายและนาน
คนในบ้านหรือคนใกล้ตัวนั้น ไม่ว่าจะดีแสนดีเพียงใด
ก็ย่อมมีวันที่ต้องกระทบกระทั่งกับเราบ้าง
แต่หากเราไม่ฝังใจอยู่กับเหตุการณ์เหล่านั้น
หันมามองและชื่นชมคุณความดีของเขา
เปิดใจรับรู้ความรักที่เขามีต่อเรา เราจะรักเขาได้ง่ายขึ้น
และตระหนักว่าเขามีความสำคัญต่อชีวิตของเรายิ่งกว่าคนไกลตัวเสียอีก
อย่ารอให้เขาจากไปเสียก่อนถึงค่อยมาเห็นคุณค่าของเขา
ถึงตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว
เพราะใจที่ชอบเห็นแต่แง่ลบมากกว่าแง่บวก
มิใช่แค่ต้นไม้ในบ้าน หรือคนในบ้านเท่านั้น
หากยังรวมถึงทรัพย์สมบัติในบ้านด้วย
แต่นั่นยังไม่ใกล้เท่ากับร่างกายและจิตใจของเราเอง
รักคนไกล ระอาคนใกล้
อ่านมาจาก http://www.visalo.org/article/Image255209.htm
เขียนโดย ภาวัน นิตยสาร IMAGE กันยายน ๒๕๕๒
นำบางส่วนมาให้อ่านค่ะ โปรดอ่านจากต้นฉบับ และ ขอขอบคุณผู้เขียนอย่างยิ่งค่ะ
ท่านขงเบ้งจะลงโทษตนเองอย่างไร (ต่อ)
อ่าน: 2505ถ้าเขียน จะเขียนสัก 1 หน้า ก็ยาวแล้ว ใช้เวลาคงไม่น้อย…
ถ้าคิด ใช้เวลาไม่มาก..แต่คงได้ยาวเท่ากับหลายหน้า..
หลายเรื่อง หลายมุม นั้นคือ ความยิ่งใหญ่ของกวี ….
ไม่ได้อยากยิ่งใหญ่ แต่อยากให้ได้มากกว่าค่ะ
ตัวของตัวเองไม่ได้เก่งกาจทำได้หมด
ก่อนจะตายยังไม่ทราบจะไปได้เท่าใด
แต่ความคิดไปได้ ไปก่อนแล้ว
และถ้ามีใครสักคน หรือ หลายคน
เกิดแรงบันดาลใจ ฉุกคิด แล้วล่วงหน้าไปก่อนได้
ก็น่ายินดีค่ะ และท่านที่ทำได้ดีอยู่แล้ว
อาจเกิดแรงที่ขยายออกไปอีกก็เป็นได้
ท่านขงเบ้งนั้นเป็นปราชญ์ผู้เยี่ยมยอดในหลายๆทาง
ถึงกับมึคำยกย่องว่าท่านหยั่งรู้ฟ้าดิน
การกระทำ ความคิดของท่านน่าเรียนรู้ยิ่งนัก
ใครจะคิดในแง่มุมอื่นๆ ขยายความออกไปอีก ก็ไม่ผิดกติกาค่ะ
ในคราวหนึ่งของการรบ ไม่มีการรบครั้งใดไม่สูญเสีย
แต่ครั้งนั้น ทหาร ผู้คน ล้มตายจำนวนมาก
ท่านขงเบ้งถึงกับหลั่งน้ำตา ไม่ได้ยินดีในชัยชนะ
ไห้รางวัลแม่ทัพ แต่ต้องลงโทษตนเอง
มาฉุกคิดกับชีวิตเรา
การลงโทษตนเอง นั้นคือการปกครองภายใน
เราเคยชินกับการปกครองภายนอก
การลงโทษนั้นมีคุณ ถ้าลงโทษด้วยปัญญา
การพิจารณาความผิด การปรับปรุงแก้ไข
การตั้งจุดหมาย การให้สัจจะแก่ตน
การทำให้ตนสำนึก จดจำ ระมัดระวัง
การปกครองภายในดี ก็จะส่งผลดีต่อการปกครองภายนอก
ลงโทษตนเอง คือให้เกียรติตนเอง รักตนเองถูกทาง
ลงโทษด้วยปัญญาไม่ใช่ด้วยอารมณ์
ประดุจดัง….
ท่านขงเบ้งจะลงโทษตนเองอย่างไร….
ท่านขงเบ้งจะลงโทษตนเองอย่างไร
อ่าน: 1218เดิมจะเขียนความคิด ความประทับใจเกี่ยวกับประโยคนี้
แต่มาได้คิดเพิ่มหลังจากขึ้นหัวข้อไว้ผ่านไปอีกหลายวัน
อย่ากระนั้นเลย เลียนแบบกวีผู้มีชื่อเสียงทั้งหลายบ้างดีกว่า
เขียนสั้นๆแต่ให้คิด ๆๆๆ
คิด..คิด..เท่าไร..
อ่าน: 1322ความสุข เรามักจะอยากได้ความสุข ทำอะไรเพื่อความสุข แต่มักจะลืมคิดไปว่ามันไม่จีรังยั่งยืน จะสุขอย่างนั้นตลอดเวลาก็ไม่ใช่ จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง เราจึงมักขาดทุนอยู่เสมอเพราะเราเก็งกำไรผิดไป…
ความจริง เราจะโกรธนักถ้าใครหลอกเรา แต่ถ้าเราไม่รู้เองไม่เป็นไร เราอยากได้ความจริงและมักคิดไปเองว่าเป็นสิทธิของเราที่จะได้รับความจริง แล้วอะไรคือความจริง มันคือสิ่งสมมุติที่เรียกชื่อให้ตรงกันใช่หรือเปล่า ในเมื่อความคิดมีหลากหลายแนวทาง หลากหลายระดับ จุดที่ความจริงอยู่ในใจของคนอาจเป็นคนละจุดในเรื่องเดียวกันก็ได้
ความจริงจัง เราเอาจริงกับอะไรบ้าง มีบางเรื่องไหมที่เราไม่เอาจริง แล้วเรารู้ตัวไหมว่าเรื่องนั้นควรเอาจริงแค่ไหน บางที่การจริงจังกับทุกเรื่องอาจไม่ใช่เรื่องน่าทำ การจับจุดสำคัญได้ว่าควรเอาจริงไหมจึงน่าทำกว่า
จินตนาการ เราจำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง อย่างถ่องแท้หรือไม่ บางสิ่งก็ไม่ต้องการเช่นนั้น เพราะจินตนาการให้ความงาม ถ้าเมื่อไรไม่ต้องการความงามแล้วจึงค่อยค้นหาความถ่องแท้เถิด เพราะลึกลงไปแท้จริงอาจไม่เหลือความงามอีกเลย
ความไม่สำเร็จ
เป็นมุมมองอย่างหนึ่งที่ดูไม่น่ารื่นรมย์ เป็นเรื่องร้าย บางทีถึงกับพาชีวิตอับเฉา แต่มีอีกมุมมองหนึ่งที่ชีวิตควรเก็บเกี่ยวไว้ ในเมื่อเราจ่ายค่าบทเรียนราคาแพง ด้วยความทุกข์ ด้วยความผิดหวังไปแล้ว เมื่อเราคิดได้ ได้คิด ความไม่สำเร็จนั้นมีอะไรหลายๆอย่าง ที่สมควรแก่ราคา อย่าปล่อยให้สูญเปล่า เรียนรู้จากเหตุการณ์
เป็นเพราะเราตั้งเป้าหมายไว้อย่างหนึ่ง แต่เราได้อย่างอื่นแทนเป้าหมายนั้น มันเป็นเพียงการเรียกชื่อเท่านั้น ว่า ไม่สำเร็จ หรือ มันขึ้นกับความคิดเราว่า จะคิดอย่างไร การได้เรียนรู้คือการหยอดกระปุกชีวิต เอาความไม่สำเร็จมาสร้างความสำเร็จ เอาความทุกข์มาสร้างภูมิคุ้มกันชีวิต
เหตุการณ์หนึ่งคือการเปิดประตูอีกครั้งหนึ่ง จะทำอย่างไรให้ดีกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทำความจริงตรงหน้าให้ดีที่สุด ใช้สติ ใช้ปัญญา ในทางที่เกิดประโยชน์ เพราะชีวิตคือเรื่องหลากหลายที่รอการปรับสมดุลย์
ส่องกระจก เรามักส่องกระจกเพื่อดูภายนอก บางทีก็นอกของนอกอีกชั้น คือชั้นที่มาจากอย่างอื่นนอกเหนือจากสิ่งที่เรามีอยู่ จะเป็นการแต่งหน้า แต่งกาย แต่งผม ก็แล้วแต่ บางทีถ้าการส่องกระจกนั้นมองให้เห็นตัวตนได้ก็คงดี คล้ายๆที่โบราณว่า ตักน้ำใส่กระโหลก ชะโงกดูเงา ซึ่งมีความหมายให้เจียมตัว แต่ที่นี้จะหมายให้พิจารณาตัวโดยทั่วไป ไม่เพียงเจียมตัวแต่ตรวจสอบภายใน มองว่าหน้าตาอย่างนี้หรือที่จะเป็นอย่างนั้น จะทำอย่างนี้ ทำจริงหรือไม่ หรือ มองว่า คนคนนี้หรือคิดอย่างนั้น คิดอย่างนี้ คิดดีหรือ คิดร้าย พิจารณาแล้วเห็นตัวเองอีกมุมหนึ่งไหม ร่างกายเป็นที่อาศัยของจิตใจ บางคนติดต่อกันที่ระดับกายและวาจาเท่านั้น แต่บางคนติดต่อกันที่ระดับใจไม่ได้ยึดติดกับร่างกายก็มี
การทำให้ไม่มี
อ่าน: 1310การให้ เป็นการทำดี เราพบกันเยอะแล้วในชีวิตประจำวัน
จนเราเผลอคิดไหมว่า การทำดี คือการให้
วันนี้เกิดความคิดขึ้นมาว่า การไม่ให้ ก็เป็นการทำดี ได้เหมือนกัน
ถ้าให้แล้วจะเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ การไม่ให้คือการทำดี คือการทำให้ไม่มี
เพราะถ้าชีวิตเป็นสมการคงไม่ใช่ สมการชั้นเดียว
ความซับซ้อน ซ่อนเงื่อนของชีวิตนั้น ทำให้เราทำดี ทำไม่ดี โดยไม่รู้ตัวก็ได้
การคิดมีได้หลายระดับ สิ่งหนึ่งๆจึงมีหลายระดับไปด้วย
และเมื่อก่อให้เกิดการกระทำ จึงเกิดได้หลายระดับไปด้วย
ส่วนประกอบ บุคคลที่เกี่ยวข้อง ก็อาจเห็นตรงๆว่ามี 1 แต่ที่จริงลูกโซ่มีมากกว่านั้น
เหมือนลูกคลื่นเมื่อเกิดแล้วกระทบต่อ ๆ ๆ ๆ ไปอีกหลายวง
โดยมากเราไม่ได้คิดละเอียด ไม่ได้หวังให้เกิด หรือ ไม่เกิด อะไรซับซ้อนนัก
แต่กลายเป็นความประมาท เพราะจริงๆมันซับซ้อนเอง
ด้งนั้น การมีสติ มีสมาธิไตร่ตรองเท่านั้นจะทำให้เราพิจารณาเชิงซ้อนได้มากขึ้น
มองให้เป็น คิดให้ออก
อ่าน: 1793มองให้เป็น แปลว่า มองอย่างผู้รู้จักคิด มองโดยใช้สติปัญญา มองไปให้ไกล มองให้รอบด้าน
แต่จะแปลว่า มองให้ไม่ตาย ก็ดีนะ….แปลว่า ให้เกิ้อหนุนชีวิต จิตใจ ต่อตนและผู้อื่น
ให้มีเมตตา และ ให้อภัย ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น
คิดให้ออก แปลว่า คิดให้ได้คำตอบออกมา ไม่ใช่คิดวกวนไปมาหาคำตอบไม่ได้
แต่จะแปลว่า คิดให้ออกจากตัวบ้าง อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง หรือ อย่าคิดเอาแต่ได้
ออกจากใจเรา ไปดูใจผู้อื่น ก็ดีนะ….
มองให้เป็น คิดให้ออก อิอิ อุอุ คิดไม่ออก ไปบอกอุ้ยเน้อ…..ฮา…
ตาย..ก่อนตาย….
อ่าน: 3615จิตมีความอาจหาญ มีความกล้าหาญ กล้าได้ กล้าเสีย กล้าตาย
อยู่เหนือตาย ตายก่อนที่จะตายเสียอีก
นั่นแหละต้องทำให้จิตของเราตายจากกิเลส
ซึ่งกว่าจะทำได้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เยอะ
***********
การฝึกหัดปฏิบัติจิต เราต้องค่อยเป็นค่อยไป
อย่าไปวู่วาม คือค่อยเป็นค่อยไป
ตั้งจิตไม่ทัน เราก็เริ่มใหม่ ทำความเข้าใจ เราก็เริ่มใหม่อยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
************
ทุกคนก็มีกิเลสกันหมด แต่มีมากมีน้อย อาจจะต่างกัน เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ
ยิ่งสะสาง ยิ่งเจริญสติเข้าไปมาก เท่าไหร่ เราก็ยิ่งจะเห็นมาก
ยิ่งเห็นมากเท่าไร ก็ยิ่งทำความเข้าใจ รู้ความจริงแล้วค่อยละ
ถ้าเรามีความคิด สติปัญญาเก่าๆ ของเรา เราก็ต้องรู้จักตัด รู้จักกด รู้จักข่ม
คำสอน ของหลวงพ่อกล้วย
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=5616&start=0&postdays=0&postorder=asc&highlight=
ต่อไปเป็นส่วนหนึ่งของความคิด ของป้าหวาน
ประยุกต์ หลังจากอ่าน กายเจ็บ-แต่ใจอย่าเจ็บ ของ อาจารย์ ดร.วรภัทร หน้าที่ 12
ไม่เหมือนของอาจารย์ทุกตัวอักษร โปรดพิจารณาและอ่านต้นฉบับเพื่อรับตรงจากอาจารย์ด้วยนะคะ
มือซ้าย จับที่หน้าผาก นี่คือคิด
มือขวา ทาบที่อก นี่คือจิต
หายใจเข้า หายใจออก
ลมหายใจทำให้รู้สึกตัว นี่คือสติ
ก่อนที่จะนำจิตไปรวมกับความคิดและ
ก่อนที่จะนำความคิดมาสนองจิต
ให้ผ่านสติก่อนเสมอ
ตามธรรมชาติ สมองและจิตจะเกิดการรับรุ้
ทั้ง 2 แห่ง แต่ก่อนที่จะพบกันขอให้สติคอยกั้นกลาง
อย่าปล่อยให้รวมกันโดยขาดสติ
เมื่อมีสติแล้วให้สติกำกับว่า อย่าให้เกิดยินดี ยินร้าย กับสิ่งที่รับรู้
อย่าให้เกิดกิเลสกับสิ่งที่มากระทบ
นั่นคือ ดับกิเลส
โปรดพิจารณา ศึกษาโดยตรงจาก
รวมคำสอนของหลวงพ่อสำราญ ธมฺธุโร (หลวงพ่อกล้วย)
http://www.managerroom.com/forums/forum_topics.asp?FID=16&PN=1
กระทู้ที่ 5429:ลพ.กล้วย-อจ.วรภัทร์ สนทนา สมถะ-วิปัสสนา
http://www.managerroom.com/forums/forum_posts.asp?TID=5429&PN=1
ประวัติและปฏิปทา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=5616&start=0&postdays=0&postorder=asc&highlight=